ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 145 เรื่อง! เล็กๆ น้อยๆ
ตอนที่ 145 เรื่อง! เล็กๆ น้อยๆ
“องค์ชาย… พวกเราคุยกับพวกเขาดี ๆ เถอะครับ”
“ชะ ใช่ครับ!”
“บอกให้คนของเราลดปืนลงเถอะครับ คนกลุ่มนี้ไม่ง่ายแบบกลุ่มที่พวกเราเคยเจอ ถ้าสู้กันขึ้นมาพวกเราไม่มีโอกาสชนะเลยนะครับ”
“ใช่แล้ว บอกให้คนของเราเอาปืนลงเถอะครับ”
ชาย 4 คน พยายามโน้มน้าวหวังเทียน สถานการณ์ตอนนี้มันเห็นกันอยู่แล้วว่าใครเหนือกว่า ถ้าหวังเทียนไม่ยอมถอยล่ะก็ ร่างกายของพวกเขาต้องพรุนเป็นรังผึ้งกันแน่นอน
หวังเทียนไม่ได้ตอบอะไรทั้ง 4 คน แต่เหตุผลที่เขาไม่ตอบไม่ใช่เพราะกำลังคิด แต่เป็นเพราะกลัวจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปากต่างหาก ก่อนวันโลกาวินาศเขาเป็นแค่ไอ้คนก่อกวนชาวบ้านไปวัน ๆ งานการไม่ทำ เอาแต่พึ่งพาพ่อเวลาเจอปัญหา
แต่ตอนนี้กลับมาโดนปืนจ่อร่างกายแถมยังไม่ใช่กระบอกเดียว หวังเทียนจะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้ยังไง
“ฉันถามว่า… แกกำลังข่มขู่ฉันอยู่เหรอ”
หลินฟานถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
สถานการณ์ตอนนี้หลินฟานจะทำอะไรก็ได้ ตอนนี้ตัวตนของเขาในสายตาของคนในหมู่บ้านต้นข้าวคือ “???” ใช่แล้ว! พวกนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลินฟานเลยสักอย่าง พวกนี้ไม่รู้เป้าหมายของเขา ไม่รู้ว่าหลินฟานมีพลังขนาดไหน ตอนนี้หลินฟานไม่มีอะไรต้องกังวล
อีกอย่าง ปืนที่กำลังเล็งมาที่เขาตอนนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา หลินฟานเลเวล 77 หนิงซิวเย่เลเวล 61 หลี่หมิงเลเวล 50 ส่วนเวโรนิก้าเลเวล 32 เลเวลของพวกเขาตอนนี้สามารถหลบกระสุนปืนได้สบาย ๆ แต่ถึงจะโดนยิงก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเวโรนิก้ามีพลังรักษาอยู่
พูดง่าย ๆ ตอนนี้หลินฟานคุมเกมเอาไว้ทั้งหมด
“ปะ เปล่า…”
หวังเทียนพูดค่อย ๆ
หลินฟานหดดวงตาลงเล็กน้อยมองหวังเทียน จากนั้นก็พูดว่า
“แล้วเมื่อไหร่ปืนของพวกแกจะเลิกชี้มาทางนี้ ฉันไม่ขัดหรอกนะถ้าต้องการจะต่อสู้”
“เอาปืนลง!!!”
หวังเทียนตะโกนกลับไปทางด้านหลัง
จากนั้นคนที่ถือปืนหลังกำแพงก็เอาปืนลง ลำแสงที่ส่องหลินฟานและคนอื่น ๆ ก็หายไปด้วยเช่นกัน
หวังเทียนพูดต่อ
“ผมขอถามชื่อของคุณได้ไหม?”
หลินฟานพยักหน้าเบา ๆ
“ใช่ การจะคุยกับคนอื่นมันต้องถามชื่อก่อนแบบนี้ ไม่ใช่อยู่ ๆ มาพ้นแต่ความยิ่งใหญ่ของตัวเองและข่มขู่คนอื่น อีกอย่าง พวกแกพ่อลูกมันหน้าด้านกันจริง ๆ ปกครองหมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านเดียว แต่ดันสถาปนาราชวงศ์ เหอะ!”
หลินฟานเว้นช่วงสักพัก จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า
“ 30 นาที พวกแกมีเวลาแค่ 30 นาที ไปเรียกชาวบ้านในหมู่บ้านมารวมกันที่นี่ให้หมด และไปเรียกพ่อของแกมาด้วย พวกเรากองทัพตระกูลหลินไม่ได้ต้องการผ่านทางหมู่บ้านนี้ แต่พวกเราต้องการปกครอง
“ อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องคิดซ้อนคนเอาไว้ ก่อนเดินทางมาที่นี่พวกเราสืบมาแล้วว่าจำนวนของพวกแกมีเท่าไหร่ ถ้ามีไม่ครบตามจำนวนฉันจะฆ่าแกเป็นคนแรก ส่วนเรื่องหนีก็ไม่ต้องคิดถึงดีกว่า ในป่าตอนนี้มันน่ากลัวกว่าที่แกคิดเยอะ ถึงพวกแกจะหนีจากฉันคนนี้ไปได้ แต่เมื่อเข้าไปในป่าก็ไม่รอดจากสัตว์กลายพันธุ์อยู่ดี
“ไป!! ถ้าฉันไม่เห็นหน้าชาวบ้านทุกคนภายในเวลา 30 นาที หมู่บ้านนี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด”
หลินฟานขึ้นเสียงช่วงท้าย
“ครับ…”
หวังเทียนตอบ
จากนั้นหวังเทียนและคนของเขาก็เดินเข้าไปในกำแพงหมู่บ้าน ถึงหวังเทียนจะทำตัวอวดดีไปบ้างแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ หลินฟานบอกความต้องการอยากชัดเจนว่าต้องการยึดครองหมู่บ้านไม่ใช่ผ่านทาง
เขารู้ดีว่าต่อให้เขาเสนออะไรไปหลินฟานก็ต้องปฏิเสธแน่นอน ส่วนเรื่องต่อสู้… ใครมันจะไปคิดสู้กัน ทางฝั่งหลินฟานมีทหารนับพัน แต่ทางฝั่งราชวงศ์หวังของเขามีคนที่สู้ได้ไม่ถึง 50 คน ถึงจะเอาผู้ชายทั้งหมู่บ้านมาช่วยสู้ ราชวงศ์หวังก็มีคนเพียง 300 – 400 คน
แค่เรื่องจำนวนคนทางฝั่งหลินฟานก็กินขาดแล้ว ยังไม่รวมเรื่องของอาวุธอีก ฝั่งราชวงศ์หวังมีเพียงปืนไม่กี่สิบกระบอก และมากกว่า 80% ของปืนทั้งหมดที่มี พวกมันก็เป็นแค่ปืนสมัยเก่าเท่านั้น
อีกฝั่งมีทั้งปืนทันสมัย มีทั้งรถหุ้มเกราะ ยังไม่สู้ผลมันก็ออกมาเห็น ๆ กันอยู่แล้ว
สู้ไปก็ตายเปล่า!
…
ณ บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
“เรื่องก็เป็นแบบที่เล่ามาครับพ่อ พวกเราควรยอมแพ้พวกมันไหม”
หวังเทียนเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาทั้งหมดให้หวังหยานฟัง จากนั้นเขาก็ถามความเห็น
หวังหยานตอบทันทีว่า
“ แกคิดถูกแล้วที่ไม่ทำอะไรพวกมัน ฟังจากที่แกเล่ามาพวกเราไม่มีทางชนะจริง ๆ ถ้าสู้ก็เท่ากับตายสถานเดียว ครั้งนี้ดูเหมือนพวกเราต้องยอมไอ้พวกกองทัพตระกูลหลินกันก่อน
“ฟังจากที่แกเล่ามา กองทัพตระกูลหลินมันคงกำลังขยายพื้นที่ปกครองอยู่ เพราะงั้นถ้าเรายอมแพ้และแสดงจุดยืนว่าจะทำตามคำสั่ง พวกเราก็จะปลอดภัย ยิ่งในหมู่บ้านของเรามีต้นข้าวกลายพันธุ์อยู่ด้วย เราสามารถเอาพวกมันมาเป็นเครื่องมือต่อรองได้”
หวังหยานยิ้มแบบมีแผน
“พ่อกำลังพูดเรื่องอะไร เราจะใช้ต้นข้าวกลายพันธุ์ต่อรองกับพวกมันยังไง???”
หวังเทียนสงสัย จากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า
“มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าพวกเราเก็บเรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์เอาไว้เป็นความลับ ถ้าพวกกองทัพตระกูลหลินไม่รู้ เราก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งข้าวให้พวกมัน”
หวังหยานแสยะยิ้มแล้วตอบว่า
“ แกคิดง่ายเกินไป แกคิดว่าแค่เราไม่บอกกองทัพตระกูลหลินจะไม่รู้หรือไง แกก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้มีชาวบ้านไม่พอใจพวกเราขนาดไหน เราไม่บอกเดี๋ยวพวกมันก็แอบไปบอก ถ้ารู้เรื่องจากชาวบ้านไม่ใช่จากพวกเรา ถึงตอนนั้น จุดยืนของพวกเราในใจของผู้นำกองทัพตระกูลหลินคงลดลงเยอะ
“ กลับกัน ถ้าเรายอมบอกเรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์ตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะหมายถึงยอมรับการปกครองแต่โดยดี
“ส่วนเรื่องที่ฉันจะใช้ประโยชน์จากต้นข้าวกลายพันธุ์ยังไง แกคอยดูก็พอ ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีกับแกแน่นอน”
หวังหยานอธิบายแบบใจเย็น
หวังเทียนพยักหน้า หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากพ่อตัวเองเขาก็คิดว่าตัวเองคิดน้อยไปจริง ๆ แต่เรื่องที่จะใช้ต้นข้าวกลายพันธุ์ต่อรองกับกองทัพตระกูลหลิน หวังเทียนคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
“ผมออกคำสั่งให้ชาวบ้านรวมตัวกันแล้ว แต่… พวกผู้หญิงที่เราขังเอาไว้ต้องเอาไปด้วยไหม สภาพของพวกเธอมัน…”
หวังเทียมถามความเห็น
หวังหยานตอบทันทีว่า
“เอาออกไปด้วย ทางนั้นบอกมาแล้วไม่ใช่หรือไงว่าสืบจำนวนคนของเรามาแล้ว ส่วนเรื่องสภาพของพวกนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้มันวันโลกาวินาศ ตอนนี้มันเป็นเวลาที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แข็งแกร่งเป็นผู้ล่า อ่อนแอเป็นแค่เหยื่อ อีกอย่าง ผู้นำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไม่มาสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหมู่บ้านเราหรอก”
หวังเทียนรู้สึกโล่งใจหลังได้ยินคำตอบ จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ครับ!!”