ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 85 ดาบดาวหาง
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 85 ดาบดาวหาง
แปลโดย iPAT
“ยันต์เหล็กแห่งความแหลมคม!” หวังห่าวติดยันต์ไว้บนดาบและสร้างปราณดาบยาวออกไปสามฟุต
ในเวลาเดียวกันหัวหน้าหออู๋ติดยันต์ราชาผู้พิทักษ์ไว้บนหน้าอกของตนและทำให้แสงสีทองส่องประกายขึ้นบนร่างกายของเขา มันเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับซ่งเซี่ยงอู๋ผู้นำป้อมวายุทมิฬ อย่างไรก็ตามแสงสว่างบนร่างของหัวหน้าหออู๋เจิดจ้ากว่ามาก
เฟิงจางหยุดเคลื่อนไหว เขามองหลี่ฉิงซานราวกับเห็นคนที่ตายไปแล้ว ยังไม่ต้องกล่าวถึงหลี่ฉิงซาน กระทั่งตัวเฟิงจางเองก็อาจตายหากถูกคนเหล่านี้ปิดล้อม
แม้จะมีเพียงหนึ่งในนั้น หลี่ฉิงซานก็ยังต้องดิ้นรนอย่างหนัก เขากระทืบเท้าอย่างแรงด้วยทักษะหมัดปีศาจวัว นั่นทำให้พื้นทรุดลงและกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ นักสู้ชั้นหนึ่งทั้งสี่หยุดชะงักชั่วคราว
หลี่ฉิงซานไม่ได้ใช้โอกาสนี้โจมตีแต่กระโดดขึ้นไปด้านบนพร้อมกับเสี่ยวอัน
ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน หากหลี่ฉิงซานเลือกที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยกำลัง เขาอาจยังมีโอกาสรอดชีวิต แต่การกระโดดขึ้นไปในอากาศเป็นการส่งตัวเองเข้าสู่ทางตัน หลังจากทั้งหมดเขาไม่สามารถหลบการโจมตีกลางอากาศ เมื่อเขาลงมา เขาจะตาย
หลี่ฉิงซานทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แต่ก่อนที่เขาจะตกลงไป เขาคว้าดาบดาวหางออกมาและทำให้มันเรืองแสงขึ้น
ตั้งแต่เขาได้รับม้วนภาพวาดม้วนนี้ พลังปราณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้เขาไม่เพียงได้ดื่มสุราพุทธะร้อยปีแต่เขายังกินโสมจิตวิญญาณเข้าไปทั้งหมดและไม่สามารถลืมยาขยายร่าง ดังนั้นพลังปราณในร่างของเขาจึงแข็งแกร่งถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ดวงตาของเฟิงจางส่องประกายขึ้น “สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับกลาง! ไม่ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูง! วิ่ง!” อย่างไรก็ตามเขาไม่แปลกใจมากนัก ตรงข้าม เขามีความสุข หากเขาได้รับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูง มันจะคุ้มค่าแม้เขาจะถูกขับไล่ออกจากหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
หลี่ฉิงซานรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูงชิ้นนี้ บางทีเจตจำนงของเขาอาจส่งผลต่อมันจริงๆหรืออาจเป็นเพราะเจตจำนงของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเอง ลำแสงพุ่งออกไปและหักมุมกลางอากาศราวกับมันล็อคเป้าหมายโดยอัตโนมัติ
แม้จะไม่มีการแจ้งเตือนจากเฟิงจาง นักสู้ชั้นหนึ่งเหล่านี้ก็ตื่นตัวมาก พวกเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวขณะที่หลี่ฉิงซานนำม้วนภาพวาดชิ้นนี้ออกมา
หวังห่าวยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ ลำแสงที่พุ่งลงมาในแนวตั้งทำลายดาบของเขาและตัดผ่านศีรษะของเขา ร่างที่แยกเป็นสองส่วนทิ้งตัวลงบนพื้นทันที
หัวหน้าหออู๋กางแขนออกและใช้ท่าโซ่เหล็กข้ามแม่น้ำด้วยการหยิบยืมพลังอำนาจของยันต์ราชาผู้พิทักษ์ เขาใช้ท่าป้องกันที่ทรงพลังที่สุดแต่ศีรษะของเขายังถูกตัดออกจากร่างด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
นักสู้ชั้นหนึ่งสองคนที่ใช้ไพ่ตายของพวกเขาถูกฆ่าทันที นี่คือความน่ากลัวของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูง
ลู่ติงรุ้ยระเบิดความเร็วหลบหนีออกไปในระยะไกล ชูซินยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลอยู่แล้วขณะที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็เร็วมาก เขารีบหมุนตัวและล่าถอยทันที
อย่างไรก็ตามลำแสงสายนั้นยังหักมุมกลางอากาศอีกสองครั้งและทำให้คนทั้งสองล้มลงกับพื้นด้วยการสูญเสียแขนหรือขา
เฟิงจางย่อตัวลงในท่าควบม้าโดยใช้ยันต์สองแผ่นติดไว้บนดาบและร่างกายของเขา
ดาบวายุปลดปล่อยปราณดาบยาวออกไปห้าฟุตขณะที่ร่างกายของเขาเรืองแสงสีทอง หากยันต์ราชาผู้พิทักษ์มีไว้เพื่อสังหาร ยันต์ระฆังทองคำของเขาก็มีไว้เพื่อปกป้อง
ในฐานะจอมยุทธ์ขั้นสองและอดีตผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ ทรัพยากรที่เขาครอบครองย่อยเหนือกว่านักสู้ชั้นหนึ่งทั้งสี่รวมกัน อย่างไรก็ตามเขายังตั้งใจส่งคนทั้งสี่ออกไปเป็นเหยื่อสังเวยเพราะเขาไม่ต้องการทำตามสัญญาที่ให้ไว้ตั้งแต่แรก เขาเป็นคนเช่นนี้
แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูงที่หลี่ฉิงซานครอบครอง เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะทุ่มเททุกสิ่งเพื่อมัน
แสงสว่างปะทุขึ้นและทำให้ทุกคนตกใจ กระทั่งชั้นหิมะหนาๆที่สะสมอยู่หน้าวิหารเทพแห่งขุนเขายังถูกกวาดออกไปทั้งหมด
ดาบวายุแตก ระฆังทองคำระเบิด แต่เฟิงจางรอดชีวิตมาได้
สถานการณ์ที่หลี่ฉิงซานกังวลมากที่สุดเกิดขึ้นแล้ว เสื้อผ้าเฟิงจางฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ดาบวายุในมือของเขาเหลือเพียงด้ามดาบ มีบาดแผลเล็กๆอยู่บนร่างกายของเขา เขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจขณะมองหลี่ฉิงซานที่อยู่กลางอากาศ
หัวใจของหลี่ฉิงซานจมดิ่งลงขณะที่เสียงลมกรรโชกแรงดังมาจากด้านหลัง
ดวงตาของชูซินแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาใช้มือที่เหลืออยู่ข้างเดียวปลดปล่อยพายุโลหะออกไปอีกครั้ง
หลี่ฉิงซานผลักเสี่ยวอันออกไปและสะบัดดาบปิดกั้นอาวุธลับจำนวนมากอย่างยากลำบาก พลังปราณของเขาเหือดแห้งไปแล้ว ขณะเดียวกันผลข้างเคียงจากเม็ดยาขยายร่างก็กำลังจะมาถึง มันทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งร่าง
เสี่ยวอันยื่นมือออกไปด้วยความกังวลก่อนจะตกกระแทกหลังคาวิหาร
ศีรษะของรูปปั้นเทพแห่งขุนเขากลิ้งไปด้านหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าที่ไหม้เกรียมของรูปปั้นไม้ราวกับกำลังหัวเราะเยาะหลี่ฉิงซานที่ประเมินกำลังของตนเองสูงเกินไป
ลู่ติงรุ้ยยืนด้วยขาข้างเดียวขณะมองเสี่ยวอันที่ตกลงบนพื้น “ข้าจะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้!”
เฟิงจางหยิบยันต์อีกแผ่นออกมาและยิงลูกไฟไปที่วิหาร
เปลวเพลิงขนาดใหญ่ลุกไหม้ขึ้น วิหารเทพแห่งขุนเขาที่ใกล้พังทลายตั้งแต่แรกเริ่มทรุดตัวลง ประกายไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและส่องสว่างไปไกลถึงห้ากิโลเมตร
เฟิงจางรู้สึกว่าหลี่ฉิงซานซ่อนความลับไว้มากเกินไป เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมีไพ่ตายมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เสี่ยงลงมือด้วยตนเองแต่ใช้ยันต์กำจัดศัตรูโดยตรง เขารู้สึกว่าสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูงของหลี่ฉิงซานไม่ควรถูกทำลายด้วยไฟระดับนี้ เมื่อถึงเวลา เขาจะนำมันออกมาจากกองขี้เถ้าของหลี่ฉิงซาน
เปลวไฟในเบ้าตาของเสี่ยวอันส่องสะท้อนกองไฟที่อยู่ตรงหน้าขณะที่เขาพุ่งเข้าหาลู่ติงรุ้ยราวกับตัดสินใจเสียสละทุกสิ่ง
ลู่ติงรุ้ยหลบไปด้านหนึ่งแต่สิ่งที่นางเห็นคือเสี่ยวอันพุ่งตรงไปในวิหารที่ลุกเป็นไฟเพื่อช่วยหลี่ฉิงซานที่ติดอยู่ในกองเพลิง นางพึมพำ “สัตว์ประหลาด!”
ชูซินโจมตีอีกครั้ง อาวุธลับของเขาพุ่งเข้าปะทะร่างโครงกระดูกของเสี่ยวอันและทำให้ฝ่ายหลังเดินโซเซก่อนจะล้มลงบนพื้น อย่างไรก็ตามเขายังปีนกลับขึ้นมาอีกครั้งในทันที
เฟิงจางหัวเราะและเหวี่ยงหมัดที่หนุนเสริมด้วยพลังปราณส่งเสี่ยวอันบินออกไป ด้วยการยืนอยู่หน้ากองไฟ เฟิงจางเหมือนภูเขาที่แยกเสี่ยวอันออกจากหลี่ฉิงซาน
เฟิงจางคำราม “พวกโง่ เหตุใดพวกเจ้ายังไม่ฆ่ามัน? อย่าให้มันหนีไปได้!” แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้แต่เขากำลังพิจารณาถึงการปิดปากนักสู้ชั้นหนึ่งที่เหลือด้วยความตาย เขาไม่อนุญาตผู้ใดรับรู้ถึงการคงอยู่ของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับสูง
ชูซินและลู่ติงรุ้ยลังเลเมื่อพวกเขาได้ยินคำกล่าวของเฟิงจาง พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรสู้หรือหนี เดิมทีพวกเขายอมรับข้อเสนอของเฟิงจางเพราะพวกเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะมอบสมบัติให้พวกเขาตามข้อตกลงหลังจากทำงานร่วมกัน แม้เฟิงจางจะไม่ใช่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกต่อไป แต่พวกเขายังกลัวว่าครอบครัวของพวกเขาจะถูกกวาดล้างโดยจอมยุทธ์กำลังภายในผู้นี้
-------------
วันนี้มีหนึ่งตอน