ตอนที่แล้วEp.371 - ยึดสามเมืองติด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.373 - แก้ไขสถานการณ์

Ep.372 - ผลกำไรอันน่าเบิกบานใจ


2/3

Ep.372 - ผลกำไรอันน่าเบิกบานใจ

สถิติสุดท้ายออกมาแล้ว

ผลกำไรในส่วนของวัสดุพื้นฐานในการสร้างทหารมีทั้งหมด 120000 ชิ้น วัสดุขั้นสูง 35000 ชุด อุปกรณ์ 10,000 ชิ้น หินสกิลประมาณ 1,000 ก้อน มูลค่าโดยรวมของหินคริสตัลราวๆ 80000 หินคริสตัลเขียว คุมตัวสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาได้ 28 ตน

หากบวกกับเชลยก่อนหน้านี้ เท่ากับมีจำนวนมากเกิน 30 ตน อีกทั้งยังได้สมุนทหารของคนแคระเทา 1500 นาย ทหารมนุษย์หมูป่า 1200 นาย ทหารก็อบลินหมี 800 นาย

แม้จะหักต้นทุนที่เสียไปจากสงคราม แต่ผลกำไรยังคงน่าประทับใจ

เหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีวัสดุและหินสกิลเยอะขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินสกิลประมาณ 1000 ก้อนที่ค่อนข้างเกินจริง

ในความเป็นจริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทั้งสามเมืองอยู่ยงมานานหลายปี แม้ว่าประมาณ 50% ของสิ่งที่พวกมันได้รับจะต้องจ่ายให้กับเมืองทรายทะเลทราย แต่ก็ยังรวบรวมได้เยอะอยู่ดี

เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละเมืองจะมีวัสดุนับหมื่นและหินสกิลอีกนับร้อย เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่เป็นหินสกิลสายผลิตและสกิลขั้น 1 ก็เท่านั้นเอง

สำหรับอุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่มีคุณภาพสีขาว ซึ่งพวกมันจะถูกนำไปย่อยสลายเป็นวัสดุ เพื่อเก็บไว้ใช้ผลิตในอนาคต หรือต่อให้เก็บไว้ ก็จะถูกใช้เป็นวัสดุสำรอง

แต่ไม่ว่ายังไง

ผลกำไรจากสงครามครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ

ฮังอวี่แจกจ่ายทรัพยากรและสิ่งของที่ริบมาได้

ก่อนอื่นเขาหักส่วนต่างเพื่อชดเชยในการสร้างทหารใหม่ที่เสียไป

หลังจากนั้นแจกจ่ายตามอัตราส่วน 6 - 2 - 2

องค์กรมังกรครามได้รับไป 60%

20% มอบให้แก่สำนักกระบี่วิญญาณแห่งนิวยอร์ก

และ20% มอบให้กับกองกำลังอื่น

แจกจ่ายกันตามผลงาน

ผู้ที่ทำงานหนักก็สมควรได้รับมากขึ้น

มังกรครามคือหัวหลักหัวตอในครั้งนี้

ดังนั้นไม่มีใครคัดค้านที่พวกเขายึดครองอีกสองเมืองเป็นของตัวเอง

แต่ที่จริงแล้วก็เพราะกองกำลังมนุษย์ในแคว้นเดียวดายในอาณาจักรมังกรโลกา นอกเหนือจากองค์กรมังกรคราม คงมีแต่สำนักกระบี่วิญญาณเท่านั้นที่สามารถครอบครองดินแดนได้

แน่นอนว่ากองกำลังอื่นก็มีพลังรบอยู่บ้างเหมือนกัน

ยังไงก็ตาม

ความสามารถและจำนวนสมาชิกของพวกเขาด้อยกว่ามังกรครามมาก

ขณะเดียวกันเสาหลักและเบื้องหลังของพวกเขาก็ด้อยกว่าสำนักกระบี่วิญญาณ

สรุปง่ายๆก็คือพวกเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะได้นั่งครองดินแดนในขณะนี้

ฮังอวี่ทำผลงานได้ดีที่สุดในครั้งนี้ ดังนั้นเลือกเอาอุปกรณ์สีฟ้ามาสี่ชิ้น และหินสกิลสีฟ้าอีกหนึ่งก้อน

อุปกรณ์สีฟ้าทั้งสี่ชิ้นได้แก่ แหวนม่านน้ำป้องกัน สร้อยคอป้องกันจิตวิญญาณ เสื้อคลุมเงาสะท้อน กริชแห่งการถือกำเนิดใหม่

ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์เสริม

[แหวนม่านน้ำป้องกัน] อุปกรณ์เลเวล 10 , สีฟ้าคุณภาพต่ำ , จิตวิญญาณ +5 , สติปัญญา +5 , ค่าพลังจิต +8 , ป้องกันเวทย์ +10 , พลังป้องกันทางกายภาพ +8 , คุณสมบัติต้านทาน+5 , สกิลเสริม ‘ม่านน้ำป้องกัน’ ค่าความทนทาน 31

[สร้อยคอป้องกันจิตวิญญาณ] อุปกรณ์เลเวล 11 , สีฟ้าคุณภาพต่ำ , เจตจำนง +8 , จิตวิญญาณ +6 , ศักดิ์สิทธิ์ +4 , ป้องกันเวทย์ +11 , พลังป้องกันทางกายภาพ +9 , สกิลเสริม : ‘ป้องกันจิตวิญญาณ’ , ค่าความทนทาน 29

[เสื้อคลุมเงาสะท้อน] อุปกรณ์เลเวล 10 , สีฟ้าคุณภาพกลาง , ว่องไว +8 , พละกำลัง +4 , พลังป้องกันทางกายภาพ +11 , ป้องกันเวทย์+7 , สกิลเสริม : ‘ระบำเงาเลเวล 1’ , ค่าความทนทาน 25

อุปกรณ์สีฟ้าทั้งสามชิ้นเป็นประเภทอุปกรณ์เสริม

แหวนม่านน้ำเนลูเคยเปิดใช้งานมันในตอนที่สู้กับฮังอวี่

สกิลนี้สามารถปล่อยม่านน้ำคลุมทั้งตัว ม่านน้ำช่วยในการป้องกันการโจมตีทางกายภาพ ธาตุ และจิตวิญญาณ แต่ไม่ค่อยทรงพลังเท่าไหร่ อย่างในตอนสภาพสมบูรณ์ แค่ฮังอวี่ทุ่มพลังโจมตีทีเดียวก็แตกแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันสามารถสร้างม่านน้ำได้ในชั่วพริบตา นั่นก็มากพอแล้วที่จะช่วยชีวิตเขาในเวลาสำคัญ

ส่วนบทบาทของสร้อยคอสีฟ้า สำหรับฮังอวี่แล้วมันคือการขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่  สกิล ‘ป้องกันจิตวิญญาณ’ คือสกิลบัฟที่มีผลเปิดใช้งานทันทีเมื่อถูกกระตุ้น มันจะทำงานเมื่อถูกโจมตีด้วยสกิลทางจิต ส่งผลให้สกิลทางจิตที่ไม่ใช่ขั้น 4 ขึ้นไปไม่สามารถทำร้ายเขาได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆ

สกิลทางจิตที่พบเจอได้ง่ายก็ได้แก่ ความกลัว หลับใหล มึนงง เป็นต้น

สกิลทางจิตที่พบเจอได้ยากหน่อยก็ได้แก่พวกควบคุม บงการ เสน่ห์ ฯลฯ

สกิลเสริมจากสร้อยคอล้วนสามารถช่วยป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้ ซึ่งช่วยทดแทนจุดอ่อนของสกิลปราณสงครามที่บางครั้งไม่อาจปัดเป่าพวกมัน

ฮังอวี่มีสร้อยคอนี้ มันช่วยให้เขาปลอดภัยยิ่งขึ้น

สุดท้ายคือเสื้อคลุมเงาสะท้อน มันมาพร้อมกับสกิลขั้น 3 ‘ระบำเงา’ แม้เอฟเฟกต์จะอยู่ในเลเวล 1 กระนั้นพลังของสกิลขั้น 3 ไม่ใช่สิ่งที่สมควรดูแคลน

ระบำเงาเลเวล 1 เอาจริงๆแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าสกิลจู่โจมมุมอับในเลเวล 3 เลย

ส่วนกริชแห่งการถือกำเนิดใหม่คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียดซ้ำ

ฮังอวี่ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน

เมื่อสวมอุปกรณ์สีฟ้าสามชิ้นเข้าร่างกาย แสงพลังงานวิญญาณสีฟ้าบนตัวเขาก็เข้มข้นขึ้น

ส่วนหินสกิล

ที่ฮังอวี่เอามาคือหินสกิลขั้น 3 ของนักเวทย์ เขาตั้งใจเก็บมันไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับหินสกิลหลักของปรมาจารย์เลือดเหล็ก ‘ปลดปล่อยสัจธรรม’

และที่เหลืออีกยิบย่อยที่เขาเลือกรับมาคือหินสกิลเลเวล 1 2

บางก้อนนำไปให้ซูหยุนปิง และลูกน้องคนอื่นๆ อีกส่วนเก็บไว้ใช้กับตัวเอง

และที่เลือกมา ฮังอวี่ไม่จำกัดสายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักบวช ผู้ใช้วิญญาณ นักเวทย์ หรือนักรบ อะไรก็ได้ทั้งนั้น

เพราะถึงแม้บางสกิลฮังอวี่จะไม่ได้ใช้ แต่การสืบทอดมรดกครบชุด จะช่วยในการเพิ่มค่าคุณสมบัติได้ ซึ่งแบบนั้นก็ไม่เลว

แม้ว่ามันจะฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองมาก แต่ตอนนี้ไหนลองบอกซิว่าใครคือเถ้าแก่ใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์ในโลกวิญญาณ? ไม่ใช่เขาหรอกหรือ? ดังนั้นไม่คิดมากเรื่องเงิน!

...

ณ จัตุรัสเมืองหุบเขาเดียวดาย

เวลานี้เต็มไปด้วยผู้คน

หลังจากแบ่งปันผลแห่งชัยชนะ ทุกคนต่างมีสีหน้าเบิกบาน

ฮังอวี่ยืนอยู่ใต้รูปปั้นขุนนางด้วยท่วงท่าไขว้สองแขนไว้ข้างหลัง ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เขา

ชายผู้นี้ไม่เพียงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าใหญ่มาช้านาน แต่ยังนำพาทุกคนไปสู่ชัยชนะหลายครั้งติดต่อกัน สร้างบารมีใหญ่หลวง ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกเทิดทูนบูชา

โดยเฉพาะสมาชิกเก่าขององค์กรมังกรคราม

พวกเขาทั้งหมดยามมองมายังฮังอวี่ ในสายตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสและคลั่งไคล้

จากป่าแห่งการเริ่มต้น

ตลอดจนถึงที่นี่

การติดตามบอสฮัง ไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง

ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อมั่นว่าการติดตามฮังอวี่ ก็เปรียบเสมือนการได้นั่งเรือใหญ่มุ่งสู่ยุคสมัยใหม่

ฮังอวี่มาพร้อมกับผู้ติดตามของเขา หวังเอ๋อและเสี่ยวไป๋ ถัดมาด้านซ้ายและขวาคือรองผู้นำของมังกรคราม

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นขุนนางไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมีสมาชิกสำคัญเช่นเจียงหนาน เสี่ยวเฉียง และเสาหลักคนอื่นๆ

พูดได้เลยว่า

ตลอดทางจนถึงตอนนี้

ทีมมังกรครามได้ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ สมาชิกแต่ละคนล้วนภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง

จ้าวหมิงตะโกนเสียงดัง “ทุกคนเงียบ! บอสฮังมีเรื่องจะพูด!”

บริเวณโดยรอบเงียบสงัดลงทันที

ฮังอวี่เปิดปากกล่าว “เมืองหุบเขาเดียวดายสามารถคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ในครั้งนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสนับสนุนจากเหล่าพี่น้องและสหายทุกคน!”

“ตอนนี้สหายลุคแห่งสำนักกระบี่วิญญาณ จ้าวหมิง และฉูเทียนหัวจากมังกรครามได้ขึ้นเป็นขุนนางคนใหม่ โปรดปรบมือเพื่อแสดงความยินดีกับพวกเขา!”

เจียงหนานน้อยปรบมืออย่างตื่นเต้น

คนอื่น ๆ เริ่มโห่ร้องและปรบมือเช่นกัน

“อาณาเขตของมนุษยชาติในแคว้นเดียวดายได้เปลี่ยนจากหนึ่งเป็นสี่ ถึงมองในภาพรวมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ นี่อาจเป็นแค่ก้าวเล็กๆในโลกวิญญาณ แต่สำหรับพวกเราในแคว้นเดียวดาย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่!”

“และพวกเรายังไม่พอใจเพียงเท่านี้ เท่านี้ผมรู้คือแคว้นเดียวดายมีขุนนางใหญ่ 8 - 9 ตน และแต่ละตนครอบครองดินแดนของขุนนางเล็กไม่น้อยกว่าหลายสิบแห่ง”

“ตัวอย่างเช่นในพื้นที่เมืองธารทะเลทรายที่พวกเราอยู่ มีดินแดนขนาดเล็กอย่างน้อย 20 - 30 แห่ง”

“บางคนอาจตกใจและเริ่มหวาดกลัวพอได้ยินแบบนี้ ถึงแม้พวกเราจะก้าวหน้าไปมาก แต่เมื่อลองเทียบกับชาวพื้นเมืองเหล่านี้ กองกำลังเผ่ามนุษย์ยังถือว่าเล็กมาก แต่นี่กลับทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผมลุกโชน”

“เพราะนั่นหมายความว่ายังมีดินแดนอีกมากมายให้ยึดครอง ยังมีพื้นที่ให้พวกเราเติบโตได้อีกมาก ต่อไป ไม่ใช่แค่ลุค จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็มีโอกาสที่จะได้เป็นขุนนางเช่นกัน!”

“ผมสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการแจกจ่ายรางวัลหรือสิทธิ์ในการครอบครองดินแดน ทุกอย่างจะถูกจัดแจงตามผลงาน ตราบใดที่คุณทำได้ดี ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือมากพอ ทุกคนก็มีโอกาสได้เป็นขุนนาง!”

ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องอีกครั้งเมื่อได้ยินเรื่องนี้

พึ่งประสบกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ทุกคนจึงอยู่ในสภาวะที่พลุ่งพล่าน เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ!

และไม่ทราบว่าเมืองธารทะเลทรายจะโกรธแค่ไหนเมื่อได้รับข่าวนี้!