2018 - การต่อสู้ที่แท้จริงของเด็กๆ
2018 - การต่อสู้ที่แท้จริงของเด็กๆ
สือฮ่าวยืนอยู่ด้านนอกเขาเฝ้าดูอย่างรอบคอบแล้วจึงลงมือปฏิบัติ เขาปลดผนึกของสถานที่อย่างรุนแรง ตัวตนปัจจุบันของเขาคือผู้สูงสุดที่แท้จริงมีความสามารถที่จะทำเช่นนี้ได้
“นี่คือพลังของผู้สูงสุด?” เด็กหนุ่มสาวเหล่านั้นตกใจ โลกใบเล็กนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตสูงสุด ไม่เช่นนั้นต่อให้พลังของสือฮ่าวแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่อาจเป็นผล
คชา!
ในภูเขาสายฟ้าสีดำพุ่งออกมามันยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ตัดผ่านโลกนี้ ความว่างเปล่าได้พังทลายลง โลกใบเล็กก็ปรากฏขึ้น
ในเวลาเดียวกัน หมอกสีขาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว กลืนทุกคนเหมือนกระแสน้ำกวาดไปทั่วพวกเขาทั้งหมด
"เกิดอะไรขึ้น?!"
เด็กพวกนั้นตกใจกันหมดแต่ก็ไม่ตื่นตระหนก พวกเขาเตรียมการมานานแล้วบางคนแม้กระทั่งเปิดดวงตาสวรรค์ได้สำเร็จด้วยซ้ำ
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมมีความสามารถที่น่าตกตะลึง
ทางเข้าปรากฏขึ้น พวกเขามองเห็นหมอกก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าสู่โลกใบเล็กๆ
แก่นแท้ของจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น ผลกระทบของยุคไร้การฝึกฝนส่งผลกระทบที่นี่อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น น่าจะเป็นเพราะที่นี่มีค่ายกลมากมายสามารถต่อต้านสิ่งรบกวนจากภายนอก
จิตใจของสือฮ่าวจมลงในทันที เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไป โลกใบเล็กนี้มีปัญหาบางอย่าง ไม่เหมือนกับประสบการณ์ที่เขาพบเจอในตอนนั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไร โดยยืนอยู่ด้านหลังสุดดูพฤติกรรมของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้
เด็กเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ท้ายที่สุดพวกเขาบางคนก็เกิดในแดนรกร้างที่โหดร้ายที่สุด ได้เห็นชีวิตและความตายในเมืองจักรพรรดิ์ดั้งเดิม
เมื่อพวกเขาตามสือฮ่าวมาสู่อาณาจักรเบื้องล่าง พวกเขาก็ฝึกฝนอย่างเข้มแข็งพวกเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าเส้นทางนี้เต็มไปด้วยความตายมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆเท่านั้นถึงจะประสบผลสำเร็จ
“ระวัง อย่าให้หมอกเหล่านี้แตะต้องตัวของพวกเจ้าได้!” มีคนตะโกน
“กฎธรรมชาติที่นี่ทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ระดับการฝึกฝนของเราลดลง มันต่างจากที่พี่ใหญ่สือพูด มีบางอย่างเกิดขึ้นเราต้องเผชิญกับมันอย่างระมัดระวัง!”
…
แม้จะไม่มีการเตือนจากสือฮ่าวคนเหล่านี้ทั้งหมดก็ระวังตัวและเตือนกันและกันโดยหันหน้าเข้าหาสภาพแวดล้อมของพวกเขาอย่างจริงจัง
พวกเขาทั้งหมดมีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลม รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา
หวู่หวู่…
ได้ยินเสียงคำรามราวกับภูตผีที่กำลังคร่ำครวญ เมล็ดดอกผูกงอิ่ง(ดอกแดนดิไลอัน)ขาวราวหิมะปลิวว่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
พวกมันโจมตีเด็กเหล่านี้ด้วยประกายสีเงินระยิบระยับ เมล็ดคล้ายขนแกะหิมะเริ่มแหลมคมอย่างน่าเหลือเชื่อ อยากจะเจาะเข้าไปในเนื้อของทุกคนและหยั่งรากภายใน
ฮ่อง!
เปลวไฟที่โหมกระหน่ำเผาท้องฟ้า เด็กเหล่านี้ใช้เปลวเพลิงอันทรงพลังของพวกเขา เผาโดมท้องฟ้าเป็นสีแดงเผาเมล็ดพืชทั้งหมด
ปู!
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่อ่อนแอกว่าซึ่งถูกเมล็ดพืชโจมตี แล้วเจาะเข้าไปในเนื้อของพวกเขา
เมล็ดพืชจะหยั่งรากในทันที ดูดเอาแก่นแท้ของเนื้อหนังออกมา ปรารถนาที่จะดูดเอาพลังชีวิตของเขาเพื่อเสริมให้กับร่างกายของตัวเอง
“สัตว์ประหลาด เจ้ากล้า!”
คนที่แข็งแกร่งที่สุดเคลื่อนไหวเกือบจะพร้อมๆกัน พวกเขาช่วยเหลือคนที่อ่อนแอพร้อมกับใช้เปลวไฟเผาผลาญเมล็ดพันธุ์พวกนั้น
“รวมกลุ่มและฆ่าพวกมันให้หมด!”
หลายคนยืนออกคำสั่งให้สหายของพวกเขาลงมือในทันที สถานที่แห่งนี้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีร้อยคน
พวกเขาไม่ตื่นตระหนก การจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ละคนมีเจตนาฆ่าที่น่าประหลาดใจ พวกเขาก่อตัวเป็นแนวรบ แล้วพุ่งไปข้างหน้า
สือฮ่าวพยักหน้า เด็กพวกนี้ก็ไม่เลว พวกเขาขาดประสบการณ์เชิงปฏิบัติ แต่ไม่ตื่นตระหนกพวกเขาทั้งหมดเป็นชนชั้นสูงที่ยืดหยุ่นได้
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปข้างใน กระดูกสีขาวก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง บรรยากาศไร้ชีวิตชีวา แม้ว่าเด็กทุกคนจะตื่นตระหนกแต่พวกเขาก็มีความหนักแน่นรวมกลุ่มกันเดินไปข้างหน้า
มีพืชและแก่นแท้ของจิตวิญญาณ แต่ไม่มีสัตว์ร้ายไม่มีนกที่ดุร้าย สิ่งนี้แตกต่างจากประสบการณ์ในอดีตของสือฮ่าว!
"เกิดอะไรขึ้น? พวกมันตายหมดแล้ว กระดูกขาวมีอยู่ทุกที่ ใครทำ? หรือมันเป็นดอกไม้แปลกๆพวกนั้น?”เจ้าแดงใหญ่ร้องออกมา
ย้อนกลับไปตอนนั้นมันก็เป็นคนหนึ่งที่มาที่นี่ด้วย นั่นเป็นเหตุการณ์ตอนที่สือฮ่าวปราบปรามมันได้สำเร็จ
เมื่อพวกเขามุ่งหน้าต่อไป พวกเขาพบว่าสัตว์ร้ายและนกทั้งหมดล้วนตายสิ้น
กระดูกสีขาวขนาดใหญ่จำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทุกที่ รวมทั้งขนนกที่เน่าเปื่อยสามารถมองเห็นได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่คล้ายกันคือเนื้อและแก่นแท้ของโลหิตพวกมันถูกกลืนกินจนหมด
“อย่าตกใจ! หากมีเทพปรากฏตัวพวกเราก็ฆ่าเทพ ถ้าเราเห็นปีศาจ เราจะฆ่าปีศาจ!”
บรรดาผู้นำของเด็กหนุ่มสาวต่างสงบนิ่งอย่างยิ่ง พวกเขาเดินไปข้างหน้าด้วยความเยือกเย็น
“ต้นธูปฤาษีอสูร!”
สือฮ่าวจำชื่อนี้ได้ ในอดีตก่อนหน้านี้เขาเคยพบศัตรูที่ทรงพลังในเทือกเขาร้อยยอดซึ่งเป็นทายาทของต้นธูปฤาษีอสูรนั่นเอง ในเวลานั้นทั่วทั้งโลกมีเพียงต้นเดียว
ในการต่อสู้ครั้งนั้น เขาใช้พละกำลังมหาศาลก่อนที่จะเอาชนะมันได้ในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยมันซึ่งได้รับบาดเจ็บหลบหนีไป
เมื่อเขาออกจากภูเขาร้อยยอด ต้นไม้ปีศาจก็ไม่ออกมาอีก ไม่คิดว่ามันจะหยั่งรากลึกในโลกใบนี้
“ต้นไม้นั้นเหรอ? แต่นั่นก็ดูไม่ถูกต้องเช่นกัน!” สือฮ่าวขมวดคิ้ว
เขาจำบางอย่างได้ มีข่าวลือว่าในสมัยโบราณมีต้นธูปฤาษีอสูรที่มีพลังลึกซึ้งได้ไล่ตามฝึกฝนที่แข็งแกร่งลงมาสู่อาณาจักรด้านล่าง สร้างความปั่นป่วนในแปดภูมิภาคไม่ทราบว่าตอนนั้นมันเกินกินสิ่งมีชีวิตใดมากน้อยเท่าใด
ในท้ายที่สุดผู้คนทั้งโลกจึงร่วมมือกันก่อนจะสังหารมันด้วยความยากลำบาก
นอกจากนี้สือฮ่าวยังได้เข้าร่วมในการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของชายแดนรกร้างในขณะนั้น และได้รู้ความลับอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ระหว่างการต่อสู้ในสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้ายมีราชาอมตะคนหนึ่งซึ่งทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ นั่นคือราชาปีศาจ!
เขาคือจักรพรรดิ์ผู้ไม่ดับสูญที่สังหารผู้อมตะของเก้าสวรรค์สิบพิภพไปนับไม่ถ้วน ว่ากันว่าความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่าได้กับจักรพรรดิแดงโดยไม่น้อยกว่าอย่างแน่นอน
ต้องเข้าใจว่าจักรพรรดิแดงเป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ในการต่อสู้ครั้งนั้นเขาเคยใช้อาวุธเซียนกินราชาอมตะลงไป
อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของราชาปีศาจนั้นไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเขาเป็นราชาอมตะคนแรกๆที่ข้ามมาดังนั้นจึงพบเจอกับการต่อต้านอย่างรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง
ครั้งแรกเขาต่อสู้กับราชามังกร หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เผชิญหน้ากับราชาอมตะหกสังสารวัฏ จากนั้นในที่สุดเมื่อต่อสู้จนดวงตาแดงฉานเขาก็ได้พบเจอกับราชาอมตะไร้สิ้นสุดและถูกสังหารลง!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถพบศพของเขา เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ศพของเขาก็หายไป
“พวกเจ้าทุกคนระวังตัวด้วย! มีบางอย่างแปลกๆระวังให้มากกว่านี้!” สือฮ่าวตะโกน เมื่อเสียงของเขาดังขึ้นการแสดงออกที่เฉยชาของทุกคนก็เริ่มจริงจังกว่าแต่ก่อน
ราชาปีศาจเป็นราชาอมตะที่เต็มไปด้วยความดุร้าย ใบหน้าของผู้ฝึกตนทั้งหมดในเก้าสวรรค์สิบพิภพจะเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
จำนวนคนที่ผู้เชี่ยวชาญรายนี้สังหารมีมากจนสามารถก่อตัวเป็นภูเขาซากศพและเลือดของพวกเขาสามารถท่วมทะเลได้
เมื่อสายเลือดของเขาลงมือจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต และลักษณะของเมล็ดพันธุ์ผูกงอิ่งก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก มันสามารถดูดกลืนร่างกายเนื้อหนังของผู้ฝึกฝนเข้าไปเสริมพลังให้กับตัวเอง
โลกใบเล็กนี้เขียวขจีด้วยพืชพรรณ เพียงแต่ไม่มีทวิบาทหรือจตุบาทให้มองเห็นได้ แม้แต่ลิงลึกลับที่จูเหยียนกำลังค้นหาก็ไม่ปรากฏขึ้น
หลังจากเดินทางมาระยะหนึ่งแล้ว ใต้ภูเขาใหญ่มีแท่งเหล็กหนาขวางเส้นทางของพวกเขาไว้ จากนี้พวกเขาจึงมั่นใจว่าลิงตัวนั้นก็ตายไปแล้วเช่นเดียวกัน
บนพื้นดินมีกระดูกของมัน ความตายของมันช่างน่าสังเวชอย่างยิ่ง กะโหลกศีรษะของมันแตกออกจากกัน สมองของมันถูกดูดกลืนโดยสมบูรณ์