ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 143 ราชวงศ์หวัง
ตอนที่ 143 ราชวงศ์หวัง
หลินฟานไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของซูเป่ยเต็มไปด้วยความแค้น ชายวัยกลางคนที่ให้อารมณ์เหมือนคุณลุงใจดีในเมื่อครู่ ตอนนี้กลับปล่อยอารมณ์เหมือนต้องการจะฆ่าคนออกมา
เอาตรง ๆ ถ้าหลินฟานเข้ามาในห้องและเห็นซูเป่ยในสภาพนี้ หลินฟานคงชักดาบออกมาเพื่อเตรียมต่อสู้ทันที
ซูเป่ยพูดต่อ
“ ช่วงแรก ๆ ของวันโลกาวินาศก็ไม่เท่าไหร่ หมู่บ้านของเราอยู่ในภูเขาทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากซอมบี้มากนัก ซอมบี้ที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านต่างก็โดนฆ่าตายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ส่วนเรื่องพวกสัตว์กลายพันธุ์ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะหมู่บ้านของเราสร้างกำแพงล้อมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดวันโลกาวินาศแล้ว
“ แต่…
“พอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน ผู้ใหญ่บ้านที่รู้ว่าโลกภายนอกไม่มีกฎหมายและไม่มีรัฐบาลควบคุม มันก็สถาปนาราชวงศ์หวังของมันขึ้นมา และบังคับพวกเราให้เรียกมันว่าจักรพรรดิ
“ มีชาวบ้านหลายคนไม่ยอมทำตามและต่อต้าน แต่ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจเป็นทุนเดิมตั้งแต่ก่อนเกิดวันโลกาวินาศ คนที่อยู่ใต้คำสั่งของมันมีผู้ชายมากกว่า 20 คน เพราะผู้ใหญ่บ้านมีลูกน้องจำนวนมาก ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ยอมรับก็จะโดนใช้กำลัง บ้างบาดเจ็บสาหัส บ้างตายก็มี
“พอเวลาผ่านไปได้สักพัก อาหารในหมู่บ้านของเราก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ผู้ใหญ่บ้านมันเลยออกกฏ-”
“เดี๋ยวก่อน!!”
หลี่หมิงขัดอีกครั้ง เขาถามต่ออีกว่า
“อาหารหมดได้ยังไง ไม่ใช่ว่าพวกคุณมีต้นข้าวที่ให้ข้าวได้งั้นเหรอ?”
หลินฟานไม่รอให้ซูเป่ยตอบ เขาเอ่ยปากตอบคำถามของหลี่หมิงแทน
“ไม่มีศพยังไงล่ะ คนในหมู่บ้านนั้นอาวุธที่ดีที่สุดคงมีแค่มีด หรือปืนสมัยเก่าที่เอาไว้ล่าสัตว์เท่านั้น แล้วปืนสมัยเก่ากับมีดจะสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ได้ยังไง ถ้าชาวบ้านพวกนั้นออกจากกำแพงของหมู่บ้าน มันก็ไม่ต่างจากเอาตัวเองไปเป็นอาหารของพวกสัตว์กลายพันธุ์ ศพซอมบี้หมด ศพสัตว์กลายพันธุ์ไม่มี ก็เลยไม่มีสารอาหารให้ต้นข้าวกลายพันธุ์”
หลี่หมิงพยักหน้าเข้าใจ ถ้าสิ่งที่หลินฟานพูดถูกต้องเรื่องทั้งหมดมันก็ลงตัว เมื่อใช้ศพคนที่กลายเป็นซอมบี้ไปเป็นสารอาหารจนหมด พวกเขาก็ไม่เหลือศพไปเป็นสารอาหารให้กับพวกต้นข้าวกลายพันธุ์แล้ว
“ท่านจอมพลพูดถูกแล้วครับ”
ซูเป่ยเสริมคำพูดของหลินฟาน จากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า
“ เมื่ออาหารเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ผู้ใหญ่บ้านก็ออกกฎมาว่า คนที่ไม่ทำประโยชน์กับหมู่บ้านต้องไปเป็นสารอาหารของต้นข้าวกลายพันธุ์ และ… ลูกชายของผมที่บาดเจ็บที่ขาเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยโดนเอาตัวไปครับ
“ผมยังจำวันนั้นได้ดี วันที่ลูกผมร้องให้ช่วยแต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้”
ประโยคช่วงท้ายของซูเป่ยเต็มไปด้วยความแค้น
ซูเป่ยเชื่อว่าถ้าใครไม่เจอคงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของเขาแน่นอน เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของลูกชาย ความรู้สึกโกรธแค้นผู้ใหญ่บ้านที่ให้คนมาเอาลูกตัวเองไป ทุกอย่างในตอนนั้นซูเป่ยยังไม่ลืมมัน
ใจจริง ซูเป่ยอยากไปฆ่าผู้ใหญ่บ้านด้วยมือตัวเองตั้งแต่วันที่ลูกชายโดนเอาตัวไป เขาไม่สนว่าชีวิตหลังจากนั้นของเขาจะเป็นยังไง ขอแค่ฆ่าผู้ใหญ่บ้านได้ต่อให้เขาตายเขาก็ยอม แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้น ผู้ใหญ่บ้านมีลูกน้องอยู่ข้างกายตลอด 24 ชั่วโมง คนอ่อนแอแบบซูเป่ยแค่เข้าใกล้ก็ทำไม่ได้แล้ว
ซูเป่ยพูดต่ออีกว่า
“แล้วมันยังออกกฎบ้า ๆ อีกหลายข้อ อย่างเช่น ให้หญิงสาวทุกคนที่อายุ 18 – 30 ปี ไปอยู่ที่บ้านของมัน ลูกสาวของผมเองก็โดนเอาตัวไปเหมือนกัน”
หลินฟานไม่ได้พูดอะไร เขากำลังทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี ถ้าถามว่าหลินฟานโกรธไหม หรือรู้สึกไม่พอใจอะไรไหม หลินฟานสามารถบอกได้เต็มปากว่าเขาไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย คนนิสัยแบบนี้หลินฟานเห็นมาเยอะแล้วในชาติก่อน
แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอะไรในเรื่องเล่าล่ะก็ เขารู้สึกตลกมากสุด สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิทั้ง ๆ ที่ปกครองเพียงหมู่บ้านเดียว ต้องใจกล้าหน้าด้านขนาดไหนถึงได้กล้าทำแบบนี้
หลินฟานถาม
“ระยะทางหมู่บ้านกับค่ายนี้ไกลกันไหม?”
“ผมใช้เวลาเดินด้วยเท้า 3 วัน ถ้าหากท่านจอมพลใช้รถคงถึงที่นั่นในเวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง ครับ แต่เส้นทางบนถนนส่วนมากโดนรถขวางกั้นเอาไว้ คงเสียเวลาเอารถออกจากถนนพอสมควร”
ซูเป่ยตอบตามความจริง
เหตุผลที่เขาเลือกเดินเอาแทนใช้รถไม่ใช่เพราะกลัวสัตว์กลายพันธุ์หรือซอมบี้ตามถนน แต่มันเป็นเพราะถนนโดนซากรถขวางทางเอาไว้
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา พวกเราจะออกเดินทางทันที ร่างกายของคุณพร้อมไหม”
“ครับ!! พร้อมครับ!! ขอบคุณมากครับ!!”
ซูเป่ยตอบด้วยน้ำเสียงดีใจ
จอก~
ในระหว่างที่ซูเป่ยกำลังตอบท้องของเขาก็ร้อง วินาทีนี้เองซูเป่ยจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองแทบไม่ได้กินอาหารเลยตั้งแต่หนีออกมาจากหมู่บ้าน ระหว่างเดินทางในหัวของซูเป่ยมีแต่ความคิดจะแก้แค้นผู้ใหญ่บ้านและพรรคพวกของมัน
ด้วยความแค้นที่มีอยู่เต็มอกทำให้ซูเป่ยไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกเหนื่อย และในวินาทีที่ได้ยินว่าหลินฟานยอมตกลงช่วยเหลือ ซูเป่ยก็รู้สึกโล่งใจ พอเขารู้โล่งใจร่างกายก็แสดงอาการแบบที่เป็นอยู่
หลินฟานมองไปทางหลี่หมิง
“พาคุณซูไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร แล้วก็สั่งให้ทหาร 1 กองพัน เตรียมตัวเอาไว้ด้วย หลังจากทหารเตรียมตัวเรียบร้อยพวกเราจะเดินทางไปที่หมู่บ้านทันที”
“ครับ!!”
หลี่หมิงรับคำสั่ง