ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 142 ข้าว!
ตอนที่ 142 ข้าว!
ณ ห้องสักห้องในค่ายมณฑลซานต๋า
เมื่อหลินฟานเข้ามาในห้องที่หลี่หมิงอยู่ เขาก็พบหลี่หมิงและชายอีกคนนั่งรออยู่
ชายอีกคนเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปลาย ๆ ร่างกายเล็ก รูปร่างผอมเหมือนกับคนขาดสารอาหาร แถมบนร่างกายยังเต็มไปด้วยบาดแผลขนาดเล็กมากมาย เพียงเห็นชายคนนั้นแวบแรก หลินฟานก็เข้าใจทันทีว่าเรื่องข้าวคงไม่ง่ายแบบที่คิดเอาไว้แล้ว
ระหว่างกำลังมองชายวัยกลางคน หลินฟานก็ใช้ทักษะตรวจสอบไปด้วย
[ เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ ]
[ เลเวล : 2 ]
[ พลัง : HP:13 SP:7 MP:7 ]
ธรรมดา! นี่คือความเห็นของหลินฟานหลังจากเห็นสถานะของชายวัยกลางคน
เมื่อเห็นว่าเป็นคนธรรมดาหลินฟานก็รู้สึกโล่งใจ เพราะในวันโลกาวินาศการหลอกว่าที่นั่นมีของดี ที่นั่นมีสมบัติ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปในกับดักแล้วปล้น เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติในวันโลกาวินาศ แต่คนอ่อนแอที่เลเวลแค่ 2 แบบชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ ไม่มีทางโง่มาหลอกกองทัพตระกูลหลินแน่นอน
“ท่านจอมพล!”
หลี่หมิงลุกขึ้นยืนและทำท่าเคารพเมื่อเห็นหลินฟาน
หลินฟานพยักหน้า
“ชายคนนี้ใช่ไหม?”
“ครับ”
หลี่หมิงตอบ
หลินฟานมองไปยังชายวัยกลางคนอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งในจุดที่หลี่หมิงเคยนั่งอยู่แล้วพูดว่า
“คุณชื่ออะไร”
“ซูเป่ยครับ”
ชายวัยกลางคนตอบหลินฟาน เขาตอบพร้อมท่าทางหลบตาของหลินฟาน
หลินฟานพูดต่อ
“คุณบอกว่ามีข้าวที่สามารถเก็บเกี่ยวได้หลังวันโลกาวินาศใช่ไหม มันต้องทำยังไง หรือในกลุ่มของคนมีทักษะเกี่ยวกับการปลูกข้าว”
“คือ…”
ชายวัยกลางคนพูดแบบไม่อยากตอบ
เมื่อเห็นท่าทางของเขา หลินฟานก็เข้าใจดีว่าเขานั้นรีบมากเกินไป อยู่ ๆ ให้บอกข้อมูลที่ตัวเองมีเพียงอย่างเดียวทันที ถ้าเขาเป็นซูเป่ยตัวเขาก็คงไม่อยากตอบเหมือนกัน
หลินฟานรีบขอโทษ
“ ผมขอโทษที่รีบร้อนเกินไป พวกเรามาคุยเรื่องค่าตอบแทนของคุณกันก่อนดีกว่า ก่อนอื่นผมต้องขอบอกคุณก่อนว่า กองทัพตระกูลหลินของเราให้ความสำคัญเรื่องผลงานเป็นหลัก
“และถ้าคุณบอกวิธีปลูกข้าวให้กับกองทัพตระกูลหลิน ผมในฐานะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดสัญญาว่าคุณและครอบครัวของคุณ จะใช้ชีวิตสบาย ๆ ภายในค่ายชั้นในของเรา ชีวิตคุณและครอบครัวของคุณจะปลอดภัยจากพวกซอมบี้ และสัตว์กลายพันธุ์ หรือคุณต้องการให้กองทัพตระกูลหลินช่วยเหลืออะไร เชิญคุณซูบอกมาได้เลย”
หลินฟานรีบยื่นข้อเสนอ หากรู้วิธีผลิตข้าวเองได้หลังวันโลกาวินาศ การจะให้สิทธิ์พิเศษครอบครัวสักครอบครัวหลินฟานก็สามารถมองผ่านไปได้
ซูเป่ยพยักหน้า จากนั้นเขาก็กลืนน้ำลายลงคอแล้วพูดว่า
“ก่อนอื่นผมอยากให้ท่านฟังเรื่องของผม และช่วยครอบครัวของผมก่อน”
บิงโก!
หลินฟานยิ้มในใจ เมื่อได้ยินว่าซูเป่ยต้องการให้ตนเองช่วยครอบครัว เรื่องครั้งนี้ก็ง่ายสำหรับหลินฟาน อันที่จริง หลินฟานพอเดาได้แล้วว่าซูเป่ยต้องการความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง เพราะถ้าไม่ต้องการความช่วยเหลือเขาจะมาที่นี่ทำไม
แทนที่จะบอกวิธีปลูกข้าวกับคนอื่น ๆ สู้เก็บเอาไว้แล้วหาประโยชน์เข้าตัวเองในระยะยาวไม่ดีกว่าเหรอ ต่อให้เป็นคนโง่ขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อเจอวันโลกาวินาศมาแล้วเกือบ ๆ 3 เดือน ต้องเข้าใจแน่ว่าอาหารมันมีความจำเป็นขนาดไหน
“เชิญคุณซูบอกรายละเอียดมาก่อน”
หลินฟานตอบแบบมีมารยาท
ซูเป่ยพูดว่า
“ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนไปในวันโลกาวินาศวันแรก”
“ไกลเกินไปไหม”
หลินฟานคิดในใจ แต่เขาไม่ได้พูดสิ่งที่คิดในหัวออกมา เขาทำแค่เพียงพยักหน้าช้า ๆ และรอให้ซูเป่ยพูดต่อ
ซูเป่ยเริ่มพูดต่อ
“ วันนั้นพอผมตื่นมามันก็ช่วงเย็นแล้ว ผม ภรรยาของผม และลูก ๆ ของผมอีก 2 คน ต่างพากันหมุนรูเล็ตตามที่ระบบบอกมา และพวกเราก็รอดทั้งหมด
“ พอรู้ว่าตัวเองและครอบครัวปลอดภัยผมก็เดินออกไปนอกบ้าน ผมคิดว่าจะไปหาข้อมูลจากเพื่อนบ้านว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่า! เมื่อผมเดินออกมาก็พบกับต้นข้าวประหลาดในนาของผม มันเป็นต้นข้าวสูงประมาณ 10 เมตร จำนวน 10 ต้น และต้นข้าวปกติรอบ ๆ พวกมันต่างก็เหี่ยวตายกันหมด
“ ตอนแรกผมก็ไม่กล้าเข้าไปดู แต่ในระหว่างคิดรวงข้าวก็ตกลงมากจากต้น ผมรีบเดินเข้าไปดูและพบว่าในเปลือกสีเหลือทองมีเม็ดข้าวสีขาวอยู่ มันเป็นข้าวปกติแบบที่พวกเรากินไม่มีผิด
“จากนั้นผมก็เดินไปบ้านใกล้ ๆ แล้วได้รู้ว่าต้นข้าวประหลาดเกิดขึ้นรอบหมู่บ้าน พวกมันมีประมาณ 200 – 300 ต้น แถมถ้าให้สารอาหารมากพอพวกมันก็จะออกข้าวให้เก็บเกี่ยวทันที ถ้าไม่มีอาหารให้พวกมันก็ไม่ตายแต่แค่ไม่ออกข้าวมาเท่านั้น”
“สารอาหาร?”
หลี่หมิงถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
หลินฟานไม่ได้ถามอะไร สารอาหารในที่นี้หลินฟานพอเดาได้ว่าคืออะไร ในชาติก่อนของหลินฟานต้นไม้ประหลาดที่กินเนื้อมีเยอะแยะ สารอาหารที่ซูเป่ยพูดออกมา หลินฟานคิดว่าน่าจะเป็นเนื้อของสิ่งมีชีวิต หรืออะไรทำนองนี้แน่นอน
ซูเป่ยพยักหน้า
“สารอาหารที่พวกมันกินก็คือเนื้อจากสิ่งมีชีวิตครับ เนื้อซอมบี้ เนื้อสัตว์กลายพันธุ์ หรือแม้กระทั่งเนื้อของมนุษย์ พวกมันดูดซับได้ทั้งหมดขอแค่พวกเราเอาศพหรือชิ้นส่วนเนื้อไปวางใกล้ ๆ ลำต้นของพวกมัน”
หลี่หมิง “O_O”
หลินฟาน “…”
หลี่หมิงรู้สึกตกใจ แต่ทางด้านหลินฟานไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด
หลินฟานถามว่า
“ถ้างั้นปัญหามันอยู่ตรงไหน จากที่ผมฟังผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะถึงไม่ให้อาหารพวกมันก็ไม่ทำร้ายคน มันก็แค่ไม่ออกผลผลิตออกมาเท่านั้น”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ต้นข้าวครับ แต่มันอยู่ที่คน”
ซูเป่ยตอบหลินฟาน แต่การตอบครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความแค้น