ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 84 วิหารเทพแห่งขุนเขา (3)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 84 วิหารเทพแห่งขุนเขา (3)
แปลโดย iPAT
นักสู้ชั้นหนึ่งทั้งสี่โกรธมาก พวกเขาเลี้ยงดูศิษย์และผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดมาอย่างยากลำบาก หลายคนยังเป็นบุตรหลานของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพุ่งเข้าโจมตีหลี่ฉิงซานโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป
ขณะที่หลี่ฉิงซานกำลังสังหารหมู่ หวังห่าวเหวี่ยงดาบของเขาเข้ามาอีกครั้ง หลี่ฉิงซานแยกร่างนักสู้ชั้นสามที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ
“ฉัวะ!” ดาบของหวังห่าวแยกร่างคนที่อยู่ข้างหน้าเขาออกเป็นสองส่วนก่อนจะพุ่งต่อไปยังหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานฉวยโอกาสพุ่งเข้าหานักสู้ชั้นสองอีกคนแต่เขายังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบนแผ่นหลัง เขาคิดว่าชายชราผู้นี้ช่างชั่วร้ายนัก
“ดาบแขนเดียว เหตุใดเจ้าจึงฆ่าคนของข้า!” ลู่ติงรุ้ยไม่พอใจ นางแทงกระบี่อ่อนไปที่หวังห่าว เขาฆ่าศิษย์อันเป็นรักของนาง เขาหล่อมากและนางชอบเขามาตลอด
หวังห่าวปิดกั้นกระบี่อ่อน “ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่รอด ข้าเพียงทำให้เขาตายเร็วขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงช่างเรื่องมากนัก!”
“พวกเจ้าต่อต้านกันเอง พวกเจ้าต้องการตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?” เฟิงจางคำรามขณะที่ดาบของเขาบังคับให้เสี่ยวอันล่าถอยออกไป “เจ้าเป็นตัวอะไร!?” แขนของเขาสั่น ไม่เพียงเสี่ยวอันจะเชี่ยวชาญการใช้ดาบแต่การโจมตีของเขายังหนักหน่วงมาก
“เสี่ยวอัน ฆ่าเขา!” หลี่ฉิงซานตะโกนขณะส่งกรงเล็บที่เปื้อนเลือดไปที่หน้าอกของนักสู้ชั้นสอง
ลูกคิดสองสามลูกของชูซินถูกยิงออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือดวงตาและเป้ากางเกงซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย
หัวหน้าหออู๋ชกแผ่นหลังของหลี่ฉิงซาน หมัดก่อนหน้านี้ของเขาไม่สามารถทำสิ่งใดฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาจึงเหมือนกับหลิวหง เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการทดลองอีกครั้ง
หลี่ฉิงซานหยุดเท้าอย่างกะทันหัน นั่นทำให้ลูกคิดพลาดเป้า เขาหันหลังกลับราวกับพยัคฆ์ร้าย จากนั้นก็ส่งหมัดออกไป “พอหรือยัง?”
หมัดปะทะหมัด กระดูกแขนของหัวหน้าหออู๋ปลิแตกขณะที่เขาลอยกลับหลังไปไกลกว่าสามเมตร ก่อนที่เขาลุกขึ้น ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งลงมาจากด้านบนทำให้เขาตาพร่า
ปรากฏว่าเสี่ยวอันเข้าใจคำกล่าวของหลี่ฉิงซานก่อนหน้านี้ เขากระโดดขึ้นสู่อากาศสูงกว่าสามสิบเมตรและรวมเป็นหนึ่งกับดาบพุ่งลงมาที่หัวหน้าหออู๋
หัวหน้าหออู๋ตกตะลึง เขาเหวี่ยงหมัดออกไปอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่เขามีถุงมือซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ดังนั้นดาบของเสี่ยวอันจึงไม่สามารถแยกแขนของเขา
เสี่ยวอันยืมแรงปะทะเพื่อส่งตัวเองกระโดดขึ้นไปด้านบนอีกครั้งขณะที่ดาบสายลมพุ่งผ่านตำแหน่งเดิมของเขา เสี่ยวอันไม่สนใจเฟิงจางอีกต่อไป เขาพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนและสังหารหมู่นักสู้ชั้นสองและนักสู้ชั้นสาม
หลังจากรอดพ้นจากความตาย หัวหน้าหออู๋ทรุดตัวลงกับพื้นและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง แขนข้างที่ปะทะกับหลี่ฉิงซานแหลกสลายไปแล้ว เขาไม่สามารถใช้งานมันได้อีกต่อไป
หลี่ฉิงซานต้องการวิ่งเข้าไปกระทืบซ้ำหัวหน้าหออู๋แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่าเฟิงจางกลับมาอีกครั้งขณะที่หวังห่าวและลู่ติงรุ้ยเลิกทะเลาะกันชั่วคราว
ภายในเวลาไม่กี่วินาที หัวหน้าหออู๋ก็นำเม็ดยาเรืองแสงออกมาจากหน้าอกและกินมันเข้าไป จากนั้นเขาก็สามารถยืนขึ้นอีกครั้ง ไม่เพียงแขนของเขาจะหายดีแต่กระทั่งพลังภายในของเขายังกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ดังเดิม
‘เม็ดยา? ข้าก็มี!’
หลี่ฉิงซานทุบขวดกระเบื้องในอกเสื้อและโยนเม็ดยาขยายร่างที่ได้รับจากนักบวชคลั่งเข้าไปในปาก เขาไม่สนผลข้างเคียงของมัน เขาต้องการรอดชีวิตไปจากการเผชิญหน้าครั้งนี้
“ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ!”
หัวใจของเขาเต้นรัวขณะที่ร่างผอมบางของเขาขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นชายร่างใหญ่โต พลังปราณของเขาปะทุขึ้นสิบเท่าและระเบิดออกไปรอบๆ
พลังปราณปิดกั้นดาบและกระบี่อ่อนของหวังห่าวและลู่ติงรุ้ย ทั้งสองตกใจมาก พวกเขาพึ่งตระหนักว่าหลี่ฉิงซานไม่ใช่นักสู้ชั้นหนึ่งแต่เป็นจอมยุทธ์กำลังภายใน
“ดาบประหารชีวิต!”
“หยุด!” หลี่ฉิงซานส่งหมัดที่บรรจุพลังปราณออกไปทำให้ดาบสายลมแตกสลายในครั้งเดียว
เฟิงจางกระโดดถอยหลังและตะโกน “หากพวกเจ้ายังไม่ใช้ไพ่ตาย เราทุกคนจะตายที่นี่ในวันนี้!”
หวังห่าว ลู่ติงรุ้ย หัวหน้าหออู๋ และชูซินมองหน้ากัน พวกเขาต่างมีไพ่ตายที่สามารถรักษาชีวิต แต่คุณค่าของมันไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของโสมจิตวิญญาณ ไม่มีผู้ใดเต็มใจใช้มันเว้นเพียงพวกเขาจะเผชิญหน้ากับความตายและไม่มีทางเลือกอื่น อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นร่างที่น่าสะพรึ่งกลัวของหลี่ฉิงซาน พวกเขาก็ไม่สามารถเก็บสมบัติของพวกเขาเอาไว้อีกต่อไป
“เห้อ...วันนี้ข้าทำข้อตกลงที่เสียเปรียบจริงๆ” ชูซินถอนหายใจก่อนจะหยินยันต์ออกมา อีกสามคนก็ทำเช่นเดียวกัน
หลี่ฉิงซานหรี่ตามอง เขาไม่สามารถปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ไพ่ตายได้อย่างง่ายดาย ขณะที่เขายกเท้าขึ้น เขารู้สึกถึงสายลมกรรโชกแรงมาจากด้านหลัง เมื่อเขามองย้อนกลับไป เขาก็พบนักสู้ชั้นสองผู้หนึ่งนำยันต์ออกมาและติดมันไว้บนดาบของเขาเช่นกัน ดาบของเขาเรืองแสงขึ้นและพุ่งเข้ามาหาหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานรู้สึกว่าร่างของเขาจะถูกผ่าครึ่งหากเขาปล่อยให้ดาบเรืองแสงสามารถโจมตี
หลี่ฉิงซานประเมินนักสู้ชั้นสองต่ำเกินไป หากนักสู้ชั้นสองผู้นี้ไม่มีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ เขาจะไม่สามารถทำสิ่งใด แต่หลี่ฉิงซานไม่เคยคาดหวังว่านักสู้ชั้นสองจะมีไพ่ตายเช่นนี้
หลี่ฉิงซานต้องการหลบแต่มันสายเกินไป นักสู้ชั้นสองมีความสุขที่เขากำลังจะสามารถล้างแค้นให้สหาย อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้แสงสายหนึ่งกลับพุ่งผ่านลำคอของเขา ศีรษะของเขาหลุดออกจากบ่าขณะที่เลือดพุ่งขึ้นสู่อากาศราวกับน้ำพุธรรมชาติ
ร่างที่ไร้ศีรษะทรุดตัวลงบนพื้นและเผยให้เห็นร่างของเสี่ยวอันที่อยู่ด้านหลัง เลือดของนักสู้ชั้นสองอาบย้อมกระดูกสีขาวจนกลายเป็นสีแดง ด้านหลังเสี่ยวอัน นักสู้ชั้นสองและนักสู้ชั้นสามหลายสิบคนนอนเกลื่อนอยู่บนพื้นในสภาพไร้ชีวิต ด้วยดาบในมือ ประสิทธิภาพในการเข่นฆ่าของเสี่ยวอันกระทั่งเหนือกว่าหลี่ฉิงซาน
“ขอบใจ!” หลี่ฉิงซานยิ้มและหยิบดาบติดยันต์ที่กลายเป็นไร้เจ้าของขึ้นมา
ท้องฟ้ามืดสนิทราวกับม่านสีดำ ค่ำคืนแห่งการสังหารยังดำเนินต่อไป
ในช่วงเวลานี้ นักสู้ชั้นหนึ่งทั้งสี่ก็กัดปลายลิ้นและกระตุ้นใช้ยันต์ของพวกเขา
“ยันต์เคลื่อนวายุ!” ลู่ติงรุ้ยติดยันต์ไว้ที่ขาของนางและทำให้เกิดสายลมกรรโชกแรงขึ้นรอบๆ วิธีของนางน่าประทับใจกว่าทักษะการเคลื่อนไหวของหยางอันจื่อแห่งนิกายถ้ำมังกรมาก หลังจากใช้ยันต์ นางยิ่งดูเหมือนภูตผีมากขึ้นไปอีก นางลอยไปด้านข้างหลี่ฉิงซานแทบจะในทันที “จงเป็นเกียรติที่ได้ตายเพราะยันต์ล้ำค่าของเรา นั่นรวมถึงสัตว์ประหลาดของเจ้าด้วย!”
นางแทงดาบอ่อนออกไป เสี่ยวฮันพยายามโต้กลับแต่นางยังสามารถลอยไปอีกฝั่ง
ชูซินติดยันต์ไว้ที่แขน เขาใช้มือที่เรืองแสงยิงลูกคิดและอาวุธลับจำนวนนับไม่ถ้วนที่แตกต่างกันออกมาจากเสื้อคลุมราคาแพงของเขาราวกับพายุโลหะ