ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 83 วิหารเทพแห่งขุนเขา (2)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 83 วิหารเทพแห่งขุนเขา (2)
แปลโดย iPAT
การแสดงออกของหวังห่าวและเว่ยตันตงกลายเป็นน่าเกลียด แต่ชูซินยังหัวเราะคิกคัก “มันก็แค่ธุรกิจ นี่เกี่ยวกับความอัปยศอย่างไร?” เขาเล่นลูกคิดโลหะในมือและทำให้เกิดเสียงดัง
ลู่ติงรุ้ยชักกระบี่บางๆที่เรืองแสงออกมา “ส่งโสมจิตวิญญาณมา แล้วเราจะไปทันที!”
เฟิงจางพยายามโน้มน้าวให้คนเหล่านี้มาโดยสัญญาว่าพวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งโสมจิตวิญญาณที่หลี่ฉิงซานครอบครองอยู่ แม้หัวหน้าหออู๋จะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่กล้าคัดค้านเมื่อเห็นใบหน้ามืดครึ้มของเฟิงจาง
หลี่ฉิงซานไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขานำโสมจิตวิญญาณออกมาจากน้ำเต้า โยนเข้าปาก เคี้ยวและกลืนมันลงไป สุดท้ายก็ปรบมือ “มันหมดแล้ว!”
การแสดงออกของนักสู้ชั้นหนึ่งแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนสิ้นหวัง บางคนโกรธ บางคนผิดหวัง แต่ไม่มีผู้ใดต้องการต่อสู้อีกต่อไป
วิธีของหลี่ฉิงซานสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและชั่วร้ายมาก
เฟิงจางกล่าว “ข้ามียาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโสมจิตวิญญาณ ตราบเท่าที่พวกเจ้าต่อสู้ พวกเจ้าจะยังสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการ สำหรับคนที่ไม่ต้องการต่อสู้ คนผู้นั้นจะกลายเป็นศัตรูของข้า เฟิงจาง ข้าจะตามล่าสมาชิกในครอบครัวของพวกเจ้าและฆ่าพวกมันทั้งหมด!”
การแสดงออกของนักสู้ชั้นหนึ่งเปลี่ยนไปอีกครั้งขณะที่หลี่ฉิงซานเย้ยหยัน “พวกเจ้าจะเชื่อคนที่ข่มขู่ด้วยการฆ่าล้างครอบครัวงั้นหรือ? เหตุใดไม่ร่วมมือกับข้าและฆ่าเขา จากนั้นมาดูว่าเขามียาวิเศษจริงๆหรือไม่? หากมันมีอยู่จริง เราสามารถแบ่งปัน เขาไม่ใช่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกังวลกับผลที่จะตามมา”
ทุกคนลังเลขณะที่เฟิงจางดึงดาบวายุออกมา “ผู้ใดกล้า!” เมื่อเห็นว่าผลลัพธ์จากการคุมคามของเขาไม่ดีนัก เขาจึงกล่าวเสริม “ยาไม่ได้อยู่กับข้า”
หากหลี่ฉิงซานแข็งแกร่งกว่านี้อีกเล็กน้อย บางทีนักสู้ชั้นหนึ่งเหล่านั้นอาจร่วมมือกับเขา อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายใดฆ่าง่ายกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจร่วมมือกับเฟิงจาง
เมื่อเห็นกลุ่มคนเดินใกล้เข้ามา หลี่ฉิงซานคิดกับตนเองว่า ‘หลังจากงานเลี้ยงเลือดสาดที่ร้านอาหาร ตอนนี้ก็เป็นวิหารเทพแห่งขุนเขางั้นหรือ?’
บางทีสวรรค์อาจรู้ความคิดของเขา ดังนั้นมันจึงส่งเกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
หลี่ฉิงซานไม่มีความคิดที่จะวิ่งหนี แม้การต่อสู้จะยากลำบากแต่มันก็เป็นโอกาสที่จะทะลวงขอบเขตเข้าสู่ขั้นแรกของทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์ ผลตอบแทนมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ
“ดาบประหารชีวิต!” เฟิงจางยกดาบวายุขึ้นก่อนจะโจมตี
หลี่ฉิงซานกางแขนและขาออก เขาคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า มันไม่ใช่เสียงมนุษย์แต่เป็นเสียงคำรามของพยัคฆ์ “โฮก...”
โสมจิตวิญญาณกระตุ้นพลังปราณในร่างเขาและทำให้เขาสามารถปลดปล่อยทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์ออกมาได้ในระดับที่ไม่เคยใช้มาก่อน
เสียงคำรามปีศาจพยัคฆ์!
ภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร เกล็ดหิมะทั้งหมดหายไป เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นรูปครึ่งวงกลมสีดำอยู่ท่ามกลางโลกสีขาว
เฟิงจางที่พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับดาบวายุถูกรบกวนขณะที่นักสู้ชั้นหนึ่งทั้งห้าหยุดชะงักพร้อมกัน พวกเขารู้สึกราวกับถูกตะปูโลหะตอกลงกลางศีรษะ
พวกเขามองไปที่หลี่ฉิงซานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของเขาทำให้ทุกคนตกตะลึงและมีคำถามเดียวกันอยู่ในใจ ‘เขายังเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งอยู่หรือไม่?’
นักสู้ชั้นสองและนักสู้ชั้นสามคนอื่นๆยิ่งทุกทรมานมากกว่า เลือดไหลออกมาจากรูหูของพวกเขา บางคนกลิ้งไปบนพื้น บางคนเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ
ด้วยเสียงคำรามของพยัคฆ์ สัตว์ป่าทุกตัวเร่งล่าถอยออกไป หลี่ฉิงซานเผชิญหน้ากับศัตรูหลายร้อยคนเพียงลำพังแต่เขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เสียงคำรามทำให้วิหารเทพแห่งขุนเขาทั้งหมดสั่นสะเทือน
เฟิงจางอดทนต่อเสียงคำรามและตะโกน “พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่?” ด้วยการสะบัดดาบในมือ เขาปล่อยดาบสายลมออกไป
หลี่ฉิงซานไม่พยายามหลบหรือหลีกเลี่ยงการโจมตี ด้วยการรวบรวมพลังปราณไว้ที่มือ นิ้วทั้งห้าของเขาเรืองแสงราวกับกรงเล็บพยัคฆ์ขณะคว้าดาบสายลมที่พุ่งเข้ามา
ดาบสายลมระเบิดและส่งสายลมกรรโชกแรงพุ่งออกไปรอบๆ หลี่ฉิงซานชำเลืองมองฝ่ามือของตนและเห็นรอยเลือดตื้นๆ เขาแลบลิ้นเลียมันและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
การโจมตีของห้านักสู้ชั้นหนึ่งมาถึงพร้อมกัน
กระบี่ของเว่ยตันตง กระบี่อ่อนของลู่ติงรุ้ย ดาบของหวังห่าว ลูกคิดของชูซิง และหมัดเหล็กของหัวหน้าหออู๋ อาวุธทุกชิ้นล้วนเรืองแรง กระทั่งหัวหน้าหออู่ก็ยังสวมถุงมือเรืองแสง
ลูกคิดสิบแปดลูกพุ่งผ่านอากาศมาเหมือนลูกธนูและปิดผนึกเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของหลี่ฉิงซาน
ห้านักสู้ชั้นหนึ่งทำงานร่วมกันและสามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมาโดยไม่ต้องพึ่งพาเฟิงจาง
หลี่ฉิงซานไม่สนใจคนอื่น เขาก้าวเข้าไปหาเว่ยตันตงโดยตรง
ก่อนที่กรงเล็บจะไปถึง เสียงกรีดเฉือนอากาศก็ดังเข้าหูของเว่ยตันตงและทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรง นั่นทำให้เขาถอนดาบและล่าถอยออกไปทันที เหตุใดเขาต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่?
เว่ยตันตงล่าถอยพร้อมกับกวัดแกว่งดาบออกไปข้างหน้า เขาเพียงต้องการชะลอการเคลื่อนไหวของหลี่ฉิงซานเพื่อให้คนอื่นสามารถฆ่าฝ่ายหลัง
ทันใดนั้นดาบลึกลับก็พุ่งออกไป เสี่ยวอันที่ซ่อนตัวอยู่เคลื่อนไหวในที่สุด
การโจมตีที่คาดไม่ถึงทำให้เฟิงจางต้องยกดาบวายุขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง
เปลวเพลิงสีแดงเลือดในเบ้าตาของเสี่ยวอันลุกโชนขึ้น เขาแทบทนดูไม่ได้เมื่ออาวุธของฝ่ายตรงข้ามสัมผัสร่างของหลี่ฉิงซานและทำให้เลือดไหลออกมา มันทำให้เสี่ยวอันต้องการฉีกเฟิงจางเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ดาบของหวังห่าวปะทะไหล่ของหลี่ฉิงซาน กระบี่อ่อนของลู่ติงรุ้ยแทงเข้าไปในร่างกายของเขา แม้พวกเขาจะตกใจกับการปรากฏตัวของเสี่ยวอัน แต่พวกเขาก็ยังสามารถรวบรวมจิตใจและทำให้การโจมตีของพวกเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์
หลี่ฉิงซานใช้พลังปราณปกป้องตนเอง อาวุธทั้งสองไม่สามารถทำร้ายเขาได้อย่างแท้จริง แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บแต่เขาก็เพิกเฉยต่อพวกมันและยังไล่ล่าเว่ยตันตงต่อไป
ลูกคิดสิบแปดลูกของชูซินปะทะร่างของหลี่ฉิงซานแต่พวกมันกลับไม่สามารถหยุดเขาได้แม้แต่น้อย นั่นทำให้ดวงตาของชูซินเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หัวหน้าหออู๋ระวังตัวมากที่สุด เขาโจมตีหลี่ฉิงซานจากด้านหลัง เมื่อเขาเห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่มไร้การป้องกัน เขาดีใจมาก เขาชกออกไปด้วยแรงทั้งหมด
หลี่ฉิงซานรู้สึกมีความสุข ท่ามกลางคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ หัวหน้าหออู่เป็นคนที่เขากลัวน้อยที่สุด เขายืมกำลังของฝ่ายหลังเพื่อส่งกรงเล็บออกไปคว้าไหล่ของเว่ยตันตงและคำราม “ปีศาจพยัคฆ์ฉีกลูกแกะ!”
ก่อนที่เว่ยตันตงจะสามารถใช้วิชาลับหรือไพ่ตายของตน ร่างของเขาก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆไปแล้ว เลือดและอวัยวะภายในกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว
ภายใต้การโจมตีของนักสู้ชั้นหนึ่งห้าคน หลี่ฉิงซานฆ่าหนึ่งในนั้นอย่างโหดเหี้ยม ความดุร้ายของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงแกนกระดูก
หลี่ฉิงซานคว้าซากศพทั้งสองส่วนโยนไปทางหวังห่าวและลู่ติงรุ้ย คนทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่ต้องการเดินตามรอยเว่ยตันตง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจล่าถอย
ทักษะการต่อสู้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ มันยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่า
ฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอลงขณะที่การเคลื่อนไหวของหลี่ฉิงซานรุนแรงราวกับแม่น้ำอันเชี่ยวกราดที่ระเบิดเขื่อน เขาวิ่งไปข้างหน้าและเข่นฆ่านักสู้ชั้นสองกับนักสู้ชั้นสามราวกับพยัคฆ์ที่กำลังคลุ้มคลั่ง
ทุกที่ที่เขาไป ไม่มีผู้ใดสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ด้วยหมัดที่กวัดแกว่ง กรงเล็บที่ทะลุทะลวงทุกสิ่ง ศพจำนวนนับไม่ถ้วนทิ้งตัวนอนลงบนพื้น