ตอนที่แล้วEp.368 - มหาสงครามเริ่มต้นอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.370 - ยอมจำนน

Ep.369 - บดขยี้


2/3

Ep.369 - บดขยี้

เนลูขุนนางเมืองทรายดำ

เจ้ากระบองทอง คนแคระเทาเมืองเตาหลอมศิลา

และเจ้าฟันแดง มนุษย์หมูป่าแห่งเมืองขุนเขาเหล็ก

ขุนนางเล็กทั้งสามนำกองกำลังของตัวเอง จับมือทำสัญญา จัดตั้งกอกงทัพพันธมิตรขึ้นชั่วคราว

ทั้งสามเมืองตัดสินใจดึงเอาสมุนทหารส่วนใหญ่ออกมา นับรวมๆแล้วสูงถึง 7000 นาย

ส่วนจำนวนของตัวตนระดับสูงที่นำมาในครั้งนี้ มีมากถึง 50 นาย กล่าวได้เลยว่า ขุนนางทั้งสามทุ่มสุดตัว!

และเนื่องจากต่างเผ่าพันธุ์ ความสามารถโดยกำเนิดก็ย่อมแตกต่างเช่นกัน

แต่ละเผ่ามีจุดแข็งและจุดอ่อนเป็นของตัวเอง

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เมื่อจับมือกัน เลยสามารถเติมเต็มจุดอ่อนและจุดแข็งแก่กันและกันได้ พลังรบโดยรวมทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น ก็อบลินหมีหนังหนาเนื้อหยาบ ในบรรดาพวกมัน ทหารโล่ยักษ์มีความทนทานต่อการโจมตีสูงที่สุด เทียบกันในบรรดาทหารระดับล่าง อย่างน้อยในแง่พลังป้องกันมีข้อได้เปรียบเป็นอย่างมาก

ขณะที่มนุษย์หมูป่าเก่งกาจในด้านการโจมตี พวกมันมีทหารระดับล่างที่เรียกว่าทหารประจัญบาน การระเบิดฝีเท้าและดาเมจที่สร้างในพริบตาค่อนข้างน่าประทับใจ

หากเผชิญหน้ากัน พวกมันสามารถทะลุแนวป้องกันศัตรูได้ในชั่วพริบตาเดียว

คนแคระเทาอาจไม่เด่นด้านการโจมตีและป้องกันเหมือนมนุษย์หมูป่าหรือก็อบลินหมี

แต่คนแคระเทามีพรสวรรค์ในด้านการผลิต

ทหารฝ่ายผลิตของเผ่าพันธุ์นี้เชี่ยวชาญในการหลอมอาวุธและการผลิต พวกมันสามารถสร้างอุปกรณ์หน้าไม้ยักษ์อย่างบัลลิซต้าได้

ด้วยความช่วยเหลือของคนแคระเทา สงครามปิดล้อมจะง่ายกว่าเดิมเยอะ

ขุนนางทั้งสามมีบุญคุณความแค้นส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคามของเผ่ามนุษย์ในเมืองหุบเขาเดียวดาย ความคิดของพวกมันสอดคล้องกันอย่างน่าประหลาดใจ  --เมืองหุบเขาเดียวดายไม่อาจอยู่ต่อไปได้!

เผ่าพันธุ์ใหม่ต้องหายไป!

การแข่งขันในโลกวิญญาณนั้นโหดร้ายมาก!

การเพิ่มขึ้นของเผ่าพันธุ์หรือดินแดนนั้นมาพร้อมกับการนองเลือดและการปล้นสะดม

หลังจากได้เห็นพลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดาย เป็นธรรมดาที่สามขุนนางเล็กที่อยู่ใกล้เคียงจะรู้สึกถึงแรงกดดัน ตอนนี้การยึดเมืองหุบเขาเดียวดายเป็นเรื่องรอง แต่การกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเรื่องหลัก!

ศักยภาพด้านพลังรบของเผ่าพันธุ์ใหม่มีมากกว่าที่คาดไว้ พวกเขามาได้ไม่นานแต่กลับทรงพลังมาก ขืนปล่อยให้พัฒนาต่อไป สุดท้ายคงเกิดการขยายดินแดน ผนวกอาณาเขตของพวกตน ดังนั้นก่อนที่มันจะเกิดขึ้น วิธีเดียวคือกำจัดพวกเขาให้เร็วที่สุด!

เมื่อมีเป้าหมายเหมือนกัน

จึงเกิดความร่วมมือ

ขุนนางทั้งสามตกลงกันว่าระหว่างสู้ศึกจะไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมใส่กัน

แต่ละฝ่ายส่งพลรบที่มีความสามารถและสมุนทหารชั้นยอดของตัวเองออกมา

“พวกเรามาถึงแล้ว!”

ขุนนางทั้งสามมาถึงทางเข้าหุบเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหุบเขาเดียวดาย

เนลูกล่าวเสียงหนักแน่น “เผ่าพันธุ์นี้ฉลาดแกมโกงมาก ต้องสังเกตบริเวณรอบๆให้ดี ว่าไม่มีการซุ่มโจมตี”

มนุษย์หมูป่าที่มีฟันและแผงคอสีแดง ให้ความรู้สึกร้อนแรงและดุดันเอ่ยขึ้นว่า “จะกลัวอะไร คราวนี้สามเมืองรวมพลังกัน กระทั่งพวกเรายังลงสนามรบด้วยตัวเอง กับอีแค่ทหารราวๆ 3000 นายในเมืองหุบเขาเดียวดาย ไม่มีทางหยุดพวกเราได้!”

เจ้ากระบองทอง คนแคระเทาที่มีผิวสีเทา ถือกระบองคู่พูดต่อว่า “ฟันแดง เจ้าประมาทเกินไป ลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราเคยพ่ายแพ้มาก่อน? ได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์นี้เป็นเผ่าพันธุ์จากต่างแดน พวกต่างแดนมักมีลูกเล่นมากมายที่พวกเราไม่เคยพบเห็น ถึงด้านพลังรบพวกเราจะได้เปรียบแน่ๆ แต่ห้ามประมาทเด็ดขาด นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายที่ไม่จำเป็น”

สมาชิกระดับสูงตนอื่นๆพยักหน้า ดูท่าครั้งนี้พวกมันคงชนะการต่อสู้แน่ๆ และคงไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย

กระนั้น หากชนะแล้วลงเอยด้วยความเสียหายย่อยยับ เกรงว่าถึงเวลาขุนนางทั้งสามคงไม่สามารถยิ้มได้

“สำรวจเสร็จสิ้นแล้ว!”

“ข้างหลังไม่มีคนซุ่มโจมตี”

“และไม่มีการซุ่มโจมตีในหุบเขาลึก”

“แต่รอบๆเมืองหุบเขาเดียวดายมีหมอกหนา พวกเราไม่สามารถตรวจสอบข้างในได้”

“...”

สามขุนนางโล่งใจ

ไม่มีการซุ่มโจมตีในบริเวณใกล้เคียง คราวนี้ดูเหมือนเมืองหุบเขาเดียวดายจะเลือกเป็นฝ่ายตั้งรับ 100%

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พวกตนจะได้บดขยี้พวกเขาให้สิ้น!

ห้ามลืมนะว่าจำนวนสูงสุดของสมุนทหารเมืองหุบเขาเดียวดายคือ 4000 นาย

ตัดสินจากสถานการณ์ต่อสู้ครั้งก่อน

ขุนนางทั้งสามคาดเดาว่าพลังรบของคู่ต่อสู้น่าจะอยู่ที่ระหว่าง 3000 - 4000 นาย

ต่อให้ยึดเอาค่ากลางที่ 3500 แต่ก็แค่ครึ่งเดียวของกองทัพพันธมิตร

สามเมืองรวมกำลังไม่ใช่แค่มีจำนวนทหารเป็นสองเท่าของเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่ยังมีสมาชิกระดับสูงอีกกว่า 50 ตนร่วมสงคราม และทุกคนล้วนมีเลเวล 11 ขึ้นไป

ขณะที่ขุนนางทั้งสามและสมาชิกระดับอาวุโส พวกมันมีเลเวลไม่ต่ำกว่า 12 นอกจากนี้ยังเป็นกองกำลังพล เพียบพร้อมไปด้วยกลยุทธ์ การบดขยี้เมืองหุบเขาเดียวดาย ผลลัพธ์แทบไม่ต้องคาดเดา!

“ฆ่า!”

ขุนนางทั้งสามค่อยๆเข้าใกล้เมืองหุบเขาเดียวดาย

ขณะที่พวกมันเข้าสู่พื้นที่หมอกอย่างราบรื่นและเตรียมพร้อมโจมตี

จากในทิศทางเมืองหุบเขาเดียวดาย จู่ๆก็มีเสียงตูม หลายครั้งดังขึ้น  มันเป็นเสียงที่ดังมาก ดังราวกับฟ้าร้อง

ก่อนที่ขุนนางทั้งสามจะตอบสนอง กระสุนปืนใหญ่สีดำสนิท 5 ลูกก็ทะลวงผ่านหมอกหนา ระเบิดบรึ้มเข้าใส่กองทหารที่อยู่แถวหน้า โล่ของทหารโล่ยักษ์ก็อบลินหมีหลายตัวถูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อีกทั้งกระสุนปืนใหญ่แตกเป็นเศษเล็กๆนับไม่ถ้วน กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง ทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกหลายราย

“เกิดอะไรขึ้น?”

“นั่นมันอาวุธอะไรกัน?”

“โจมตีได้รุนแรงถึงขนาดนี้ได้ยังไง?”

เจ้ากระบองทองกล่าวเสียงทุ้ม “นี่สมควรเป็นปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตรา ไม่นึกเลยว่าเผ่าพันธุ์นี้จะมีปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราที่มีระยะและพลังโจมตีที่รุนแรงในครอบครอง ดูท่าการต่อสู้ในสามครั้งก่อน พวกเขาจะยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่”

เจ้าฟันแดงคำราม “ก็แค่ปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราสองสามกระบอกถูกไหม? มาดูกันว่าจะฆ่าทหารของพวกเราได้ซักแค่ไหน! ทุกตนตามข้ามา พวกเราจะเข้าประชิดกำแพงเมืองหุบเขาเดียวดาย แค่นี้ปืนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว!”

เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว พวกมันจะหยุดเพราะหวาดกลัวปืนใหญ่ไม่กี่กระบอกได้อย่างไร?

แม้ปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราของฝ่ายตรงข้้ามจะทรงพลัง แต่ดาเมจที่ทำได้ อย่างมากเทียบเท่ากับคัมภีร์สีเขียว

สำหรับกองทัพที่มีทหารมากกว่า 7000 นาย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกหยุดเพียงเพราะการโจมตีนี้เพียงอย่างเดียว

กองกำลังพันธมิตรของสามเมืองแม้ต้องเผชิญกับการโจมตีจากปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันไม่หวาดกลัว  ตรงกันข้ามยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม กัดฟันทนต่อการบาดเจ็บล้มตายของทหาร ไม่นานก็มาถึงหน้าเมืองหุบเขาเดียวดาย

กับดักหน้าเมืองหุบเขาเดียวดายนั้นอ่อนพลังเกินกว่าที่จะสร้างความเสียหาย ถูกทหารโล่ยักษ์ที่อยู่ด้านหน้าเหยียบย่ำกวาดผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

ลูกศรบนกำแพงเมืองถูกยิ่งแบบมั่วซั่ว ลูกไฟโปรยปรายลงมา ผสมผสานกับสกิลอันหลากหลายจนเลอะเทอะยุ่งเหยิง

ทหารโล่ยักษ์ตั้งขบวนทันที เริ่มจัดวางค่ายกลโล่ ป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ปืนใหญ่บนกำแพงเมืองยังคงยิงใส่แนวหลังไม่หยุด กองทหารแนวหลังของสามพันธมิตรก็เริ่มตีโต้แล้วเช่นกัน

ในพริบตา

คาถา ลูกศร ก้อนหิน และกระสุนปืนใหญ่บินว่อนทั่วฟ้า

เป็นฉากการต่อสู้อันเข้มข้นดุเดือด

กล่าวได้เลยว่ามืดฟ้ามัวดิน

เนื่องจากหมอกหนามีเอฟเฟกต์ในการบดบัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะสถานการณ์ในเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่ขุนนางทั้งสามรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าความสามารถในการป้อกันของเมืองหุบเขาเดียวดายในครั้งนี้ สูงกว่าครั้งที่พวกมันบุกคราวก่อนมาก มีผู้บาดเจ็บล้มตายเยอะกว่าที่คาดไว้

อย่างไรก็ตาม

นั่นไม่สำคัญ

เพราะด้วยพลังเพียงเท่านี้

ยังไม่มากพอที่จะหยุดกองทัพ 7000 นายได้!

ภายใต้การโจมตีของระดับขุนนางสามตนและสมาชิกอาวุโส บวกกับหน้าไม้ยักษ์ 20 แท่นที่ระดมยิงอย่างต่อเนื่อง เมืองหุบเขาเดียวดายยื้อมาได้นานกว่า 5 นาที ในที่สุดก็ประตูก็พังทลาย

การป้องกันถูกเจาะทะลวงได้อย่างสมบูรณ์

“สำเร็จ!”

“พวกมันแพ้แล้ว!”

“ฆ่า! ฆ่าพวกมันให้หมด!”

ขุนนางทั้งสามคำรามด้วยความตื่นเต้น

ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหุบเขาเดียวดายคือการป้องกัน  เมื่อแนวรับถูกทะลวง อาศัยเพียงกำลังทหารของพวกเขา ไม่ว่าจะในด้านปริมาณหรือคุณภาพก็ไม่อาจเทียบกำลังทหารของสามพันธมิตรได้

ดังนั้นในความเห็นของพวกมัน ทันทีที่ประตูเมืองถูกทำลาย ผลการต่อสู้ก็แทบตอกตะปูฝาโลงแล้ว

คนแคระเทายังคงใช้หน้าไม้ยักษ์ยิงสะกดข้างในเมือง

ทหารโล่ยักษ์เข้าไปเคลียร์ทาง

“บุกได้!”

เจ้าฟันแดงคำราม มันนำสมาชิกมนุษย์หมูป่าระดับสูงหลายตน รวมไปถึงทหารประจัญบานกว่า 1800 นายพุ่งเข้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดาย

อย่างไรก็ตาม

เมื่อพวกมันเข้ามา

ม่านหมอกที่บดบังตาก็เปิดออกในทันใด

ภายในเมืองหุบเขาเดียวดาย

ขณะนี้อัดแน่นไปด้วยผู้คน

ราวกับว่าพวกเขาจัดขบวนรอต้อนรับเป็นพิเศษ

มนุษย์หมูป่าตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ไม่ใช่ว่าจำนวนพลรบสูงสุดในเมืองหุบเขาเดียวดายนั้นมีแค่ราวๆ 3000 - 4000 นายหรอกหรือ? แต่ตัดสินจากภาพตรงหน้า บวกกับทหารที่อยู่บนกำแพง นี่น่าจะมีอย่างน้อย 5000 นายชัดๆ!

ฮังอวี่ออกคำสั่ง “เผามันซะ!”

ปืนพ่นไฟขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้หลายสิบเครื่องถูกยิงออกพร้อมกัน

เสาเปลวเพลิงนับสิบต้นปะทุออกไป เสมือนดั่งมังกรไฟ เข้ากลืนกินมนุษย์หมูป่าตรงหน้าประตูจากทุกทิศทาง

ทันทีที่พวกมันกรูเข้ามา ก็ถูกจุดไฟโดนเผาเป็นหมูย่างโดยตรง

มนุษย์หมูป่าเกิดมาพร้อมความต้านทานไฟต่ำ พูดได้เลยว่าในพริบตา เกิดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

เห็นแค่เพียงหุ่นรบ 5 ตัวก้าวมาข้างหน้า อันดับแรกพวกมันยกมือซ้ายขึ้น สามปากกระบอกปืนจากแต่ละตัวยิงรังสีความร้อนออกไปในเวลาเดียวกัน

ห่ากระสุนพลังงานวิญญาณโหมกระหน่ำ ระเบิดเหนี่ยวนำมนตรา ม้วนคัมภีร์ บวกกับห่าธนูที่ขึงสายรอไว้อยู่แล้วถูกยิงออกไป

กองทัพเจ้าฟันแดงถูกตีกลับ ทหารกว่าครึ่งจบชีวิตและบาดเจ็บ ลูกน้องระดับสูงมนุษย์หมูป่ากว่า 5 6 ตนถูกฆ่าตาย!

“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นว่าเจ้าฟันแดงถูกตีกลับ เนลูรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย

เจ้าฟันแดงคำรามด้วยความอับอาย “มีการซุ่มโจมตี!”

แต่ ณ ขณะนั้นเอง

ทุกทิศทางจากในหุบเขา ได้เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน

เปลวเพลิงขนาดมหึมาปะทุขึ้นจากใต้ดิน ลุกลามไปทั่ว

เปลวเพลิงโหมกระหน่ำปิดกั้นหุบเขาเล็กๆครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา ขังกองทัพพันธมิตรทั้งสามเมืองจมอยู่ข้างใน

ฮังอวี่เตรียมถังเชื้อเพลิงไว้มากกว่า 500 ถัง!

เมื่อจุดชนวนพวกมันพร้อมกันในลมหายใจเดียว สามารถกำจัดศัตรูได้อย่างน้อยถึงหนึ่งในสาม

แม้ที่เหลือจะไม่ถูกเผาจนตาย แต่ภายใต้การโจมตีอย่างหนักของเมืองหุบเขาเดียวดาย บวกกับทะเลเพลิงโหมอย่างกะทันหัน ขบวนทัพจึงหยุดชะงักไป

และสิ่งที่พวกมันกำลังเผชิญต่อจากนี้--

--คือการฆ่าล้างฝ่ายเดียว!