ตอนที่ 69 ออกไป
“ชนชั้นสูงดั้งเดิม?” เมื่อได้ยินคำพูดของคอร์ริโป เฉินเหิงและครูโดก็ต้องตกใจอีกครั้ง
“ชนชั้นสูงที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้มีเพียงมรดกแห่งโชคลาภและอำนาจ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาทั้งหมดเป็นเพียงคนธรรมดา…”
เมื่อมองไปที่เฉินเหิงและครูโด คอร์ริโปก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ความจริงแล้ว ชนชั้นสูงที่แท้จริงจะมีมรดกทางสายเลือด…”
“ในโลกนี้ สายเลือดของใครหลายคนอาจมีพลังอย่างมหาศาล เมื่อก่อนบรรพบุรุษของพวกเขาเคยแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยการหลอมรวมเข้ากับสายเลือดอันทรงพลัง ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาโดยธรรมชาติ แม้จะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมากนัก แต่พวกเขาก็จะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่”
เขากล่าวต่อ “มีเพียงคนเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นชนชั้นสูงที่แท้จริง”
‘เฉพาะผู้ที่มีสายเลือดที่ทรงพลังเท่านั้นที่เป็นชนชั้นสูงที่แท้จริง…’ เมื่อมองไปที่คอร์ริโปและได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฉินเหิงก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้ในทันที
ก่อนที่เขาจะเริ่มการจำลองแต่ละครั้ง ระบบจะมีการให้เลือกตัวตน และหนึ่งในตัวเลือกนั้นคือการเลือกเกิดในตระกูลชนชั้นสูง
ในคำอธิบายของตระกูลชนชั้นสูง ระบุว่าพวกเขามีสายเลือดที่ทรงพลัง
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เฉินเหิงไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคอร์ริโป เขาก็ตระหนักได้
‘เข้าใจแล้ว’
เขาเงยหน้าขึ้นและคิดกับตัวเองว่า ‘บางทีตามระบบจำลอง เฉพาะผู้ที่มีสายเลือดที่ทรงพลังเท่านั้นที่ถือว่าเป็นขุนนางหรือชนชั้นสูงที่แท้จริง’
“สำหรับตระกูลชนชั้นสูงอย่างฉัน ซึ่งมีเพียงมรดกทางโชคลาภและอำนาจ ยังคงเป็นคนธรรมดา ระบบเลยไม่ถือว่าเป็นชนชั้นสูงที่แท้จริงในการจำลอง”
ก่อนหน้านี้ เฉินเหิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ
ย้อนกลับไปเมื่อเขาเพิ่งเริ่มต้น เขาได้เลือกอัตลักษณ์ของครอบครัวธรรมดาและใช้คะแนนเพียง 30 คะแนนเท่านั้น
ในทางกลับกัน คะแนนที่จำเป็นสำหรับตระกูลชนชั้นสูงมีคะแนนเริ่มต้นอย่างน้อย 1,000 คะแนน
อย่างไรก็ตามเฉินเหิงได้เกิดมาในตระกูลขุนนางที่มีคะแนนเพียง 30 คะแนนเท่านั้น
เขาคิดว่าโชคของเขาดีเป็นพิเศษ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะระบบจำลองมีมาตรฐานของมันเอง
อิงตามระบบจำลอง ผู้ที่ไม่มีสายเลือดที่ทรงพลังจะไม่นับเป็นชนชั้นสูงที่แท้จริง
ในที่สุดเฉินเหิงก็เข้าใจ
ดังนั้นดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ถูกลอตเตอรี่ที่ได้เกิดในตระกูลขุนนาง แต่ตามมาตรฐานของการจำลอง ตัวตนของเขาตอนนี้ยังคงถือว่าเป็น 'ครอบครัวธรรมดา'
แน่นอนว่าสำหรับเขาที่ได้รับตัวตนแบบนี้มาด้วยคะแนนเพียง 30 คะแนน เฉินเหิงก็ยังค่อนข้างพอใจ
เพียงแต่มันไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เขาคาดไว้ก็เท่านั้น
คอร์ริโปยังคงพูดต่อไป
“สำหรับไคลิน อาจเป็นเพราะร่างกายของเขามีส่วนหนึ่งของสายเลือดบรรพบุรุษ ทำให้ร่างกายของเขาแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ”
เมื่อมองไปที่เฉินเหิง คอร์ริโปพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ “ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ตามแนวทางของคนทั่วไป ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้ไม่ได้หากไม่ได้ปลุกเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…” เฉินเหิงมองคอร์ริโปอย่างแปลกใจ
แน่นอน เมื่อมีสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้เกิดขึ้น คนอื่นก็มักจะอธิบายไปตามความเข้าใจที่จำกัดของตัวเอง
“ฉันเข้าใจแล้ว”
เฉินเหิงแสดงออกด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเขารู้แจ้งจากคำอธิบายของคอร์ริโป
“สายเลือดจากบรรพบุรุษ…” ยืนอยู่ข้าง ๆ ครูโดพึมพำกับตัวเอง
ในขณะนั้น จู่ ๆ เขาก็มองไปที่คอร์ริโปแล้วถามว่า “แต่ตามคำอธิบายของคุณคอร์ริโป ในเมื่อเหล่าขุนนางมีสายเลือดโบราณที่ทรงพลังมาก ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นมาก่อน”
“ใครบอกว่าคุณไม่เคยเห็นมาก่อน”
คอร์ริโปมองเขาอย่างลึกล้ำ “ก็ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ตรงหน้าคุณแล้วเหรอ?”
อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว?
เฉินเหิงตกใจก่อนที่จะมองไปที่คอร์ริโปแล้วคิดกับตัวเอง
“มีพลังมหาศาลและมีความเข้าใจในเรื่องนี้ นี่หมายความว่าคุณคอร์ริโป นี่คุณ…”
ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งคิดว่ามันเป็นไปได้
คอร์ริโปทรงพลังเกินไป ทั้งยังมีภูมิหลังที่ลึกลับ มีความรู้กว้างขวางและมีตำแหน่งที่น่านับถือ...
คอร์ริโปเข้ากับคำอธิบายของชนชั้นสูงที่แท้จริงอย่างมาก
“ถูกต้อง”
อย่างไรก็ตามครูโดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่าคอร์ริโปกำลังพูดถึงเฉินเหิงอยู่ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ในทวีปนี้ มีขุนนางเพียงไม่กี่คนที่มีสายเลือดโบราณ” ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา คอร์ริโปถอนหายใจออกมาเบา ๆ และกล่าวว่า “โลกเปลี่ยนไปแล้ว”
“สำหรับคนธรรมดามันไม่ได้สำคัญหรอก แต่สำหรับตระกูลขุนนางในสมัยโบราณ ทวีปนี้เป็นเพียงแผ่นดินที่ แร้นแค้นและไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อ”
“เพราะแบบนี้ พวกเขาส่วนใหญ่จึงออกไปจากที่นี่และเหลือไว้เพียงแต่ผู้อ่อนแอบางคนที่ไม่สามารถออกไปได้ ผู้อ่อนแอเหล่านั้นยังอยู่ที่นี่และต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของพวกเขา”
‘ชนชั้นสูงจากไปแล้วและทวีปนี้…’
เฉินเหิงคิดกับตัวเอง
สำหรับคอร์ริโปอาจไม่ได้มีความหมายมากนัก แต่เฉินเหิงกลับคิดอย่างลึกซึ้ง
สำหรับเฉินเหิง คอร์ริโปได้เปิดเผยข้อมูลมากมายผ่านคำพูดของเขา
พวกขุนนางผู้ทรงพลังจากไปแล้ว แค่ไหนถึงจะเรียกว่าทรงพลัง?
อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะอยู่ระดับเดียวกับคอร์ริโป
ดังนั้นในหมู่ขุนนางที่จากไปส่วนใหญ่จึงแข็งแกร่งมากกว่าคอร์ริโป?
นอกจากนี้ เมื่อพูดถึง 'ทวีปนี้' นี่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีและอารยธรรมทางทะเลของโลกนี้ไม่ได้ล้าหลังอย่างที่เขาคิด
อย่างน้อยที่สุด คอร์ริโปก็รู้แนวคิดเรื่องทวีป
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผลที่พวกขุนนางที่แท้จริงออกจากทวีปนี้ไปเป็นเพราะว่ามันแร้นแค้นเกินไป หากเป็นแบบนั้นแสดงว่ายังมีทวีปที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยผู้ทรงพลังมากกว่านี้...
คอร์ริโปไม่รู้ว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ แบบนี้ เฉินเหิงได้คิดไปถึงหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว
‘เกี่ยวกับทวีปอื่น…’
จู่ ๆ เฉินเหิงก็พูดขึ้นว่า “แล้วเมื่อก่อนคนพวกนั้นไปยังทวีปอื่นได้ยังไง? แล้วทำไมเราถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทวีปอื่นเลย”
ครูโดก็หันมามองคอร์ริโปด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนเขาเองก็สงสัยในคำถามนี้เหมือนกัน
“การเดินทางไปยังทวีปอื่นต้องใช้เรือ”
คอร์ริโปเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ตามข้อมูลที่ฉันมี จะมีเรือลำหนึ่งผ่านมาที่นี่ทุก ๆ สองสามปี”
“อย่างไรก็ตามการขึ้นเรือลำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และจำเป็นต้องมีตั๋ว”