MDB ตอนที่ 208 การแข่งขันของเหล่าสาวก PART 4
ผู้ท้าชิงของหลู่หยุนเหอเพียงแค่ถอนหายใจและยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
เขามั่นใจว่าทักษะการร่ายคาถาของเขานั้นทัดเทียมกับหลู่หยุนเหอ ดังนั้นหากสัตว์วิเศษทั้งสองของพวกเขาอยู่ในระดับสอง เขาอาจมีโอกาสชนะ แต่ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นระดับสามแล้วเขายังฝืนสู้ต่อ มันก็คงเสียเวลาเปล่า
หลู่หยุนเหอรู้สึกพึงพอใจกับตัวเอง แต่เขาไม่ได้ก้าวลงจากสังเวียน เขาหันไปทางเซว่เป่าเอ๋อร์และท้าทายเธอต่อ
ท้ายที่สุด เซว่เป่าเอ๋อร์อยู่ในอันดับที่สามและเธอเป็นคนเดียวที่หลู่หยุนเหอมีความมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะได้ สำหรับอันดับหนึ่งและสองหลู่หยุนเหอไม่สนใจที่จะท้าชิงอันดับเหล่านั้น เขารู้ถึงขีดจำกัดของเขาดี
การต่อสู้รอบถัดไปคือเซว่เป่าเอ๋อร์กับหลู่หยุนเหอ
ในการต่อสู้ครั้งนี้ หลู่หยุนเหอได้เผยให้เห็นว่า เขาตั้งใจจะอาศัยอันดับที่เหนือกว่าของสัตว์วิเศษมาต่อสู้ ในขณะที่เซว่เป่าเอ๋อร์ อาศัยความสามารถของเธอในการร่ายคาถา ถ้าหลู่ปาไม่ได้อยู่ในระดับสาม เขาคงไม่มีโอกาสได้ต่อสู้กับเซว่เป่าเอ๋อร์ได้เลย
ท้ายที่สุด เขาแพ้เซว่เป่าเอ๋อร์หลายครั้งในอดีต
“หลู่ปา ไปเลย!”
ในการแข่งขันครั้งก่อน หลู่หยุนเหอไม่ได้ใช้คาถาใด ๆ และอาศัยความแข็งแกร่งของหลู่ปาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับเซว่เป่าเอ๋อร์ แม้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขาจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของระดับ แต่หลู่หยุนเหอก็ไม่กล้าประมาทคู่ต่อสู้ของเขา
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้คาถาเสริมประสิทธิภาพในครั้งนี้
“บ้าคลั่ง! กระหายเลือด! ลมพายุ!”
หลู่หยุนเหอร่ายคาถาสามบทในคราวเดียว พวกมันเข้าสู่หลู่ปาอย่างรวดเร็ว เขาได้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดไป 21 ก้อน นั่นคือพลังวิญญาณทั้งหมดที่หลู่หยุนเหอ
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจบการแข่งขันอย่างรวดเร็ว
ด้วยคาถาสามคาถา หลู่ปาขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับมีพายุเข้าปกคลุมร่างกายของมัน ทันใดนั้น เจ้าสิงโตก็กระโจนเข้าหาเป้าหมาย
ในทางกลับกัน เซว่เป่าเอ๋อร์ใช้คาถาเดียวเท่านั้น
คาถาอาณาจักรวิญญาณอัคคี
มันเป็นเวอร์ชั่นดัดแปลงที่หลินจินสอนเธอ แม้แต่อาจารย์ของเธอ หลัวเป่าเหอก็กล่าวว่าอาณาจักรวิญญาณอัคคีเวอร์ชั่นใหม่นี้เป็นคาถาเสริมประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของเธอ
ผลลัพธ์ของอาณาจักรวิญญาณอัคคีนั้นทำให้เปลวไฟบนสัตว์เลี้ยงของเธอกลายเป็นสีเขียวมรกต
เปลวเพลิงสีเขียวอันแปลกประหลาดเหล่านี้ลุกโชนอย่างรุนแรง แม้แต่ผู้ชมก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผดเผาผิวหนังของพวกเขา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์วิเศษระดับสอง แต่หมาป่าอัคคีของเซว่เป่าเอ๋อร์ก็ไม่ได้ด้อยกว่าหลู่ปาระดับสามเลย
ในที่สุดสัตว์วิเศษทั้งสองก็เริ่มต่อสู้บนสังเวียน
เมื่อเทียบกับการสู้รบสองสามรอบที่แล้ว การต่อสู้ครั้งนี้น่าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด โดยดูจากฝูงชนที่ส่งเสียงโห่ร้องเชียร์กันเสียงดัง
ในสนามประลอง ทั้งหลู่หยุนเหอและเซว่เป่าเอ๋อร์แสดงสีหน้าจริงจังอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นหลักฐานว่าพวกเขาทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการต่อสู้
หลินจินได้ส่ายหัวเบา ๆ
เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป หลู่หยุนเหอจะแพ้การต่อสู้
ผู้ชายคนนั้นใจร้อนเกินไป หลู่ปานั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่เสี่ยวชิงของเซว่เป่าเอ๋อร์นั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน แม้ว่าจะมีความแตกต่างของระดับ แต่ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยคาถาอาณาจักรวิญญาณอัคคี เสี่ยวชิงจึงสามารถต่อสู้กับหลู่ปาได้ในช่วงสั้น ๆ
ปัญหาที่นี่คือหลู่หยุนเหอได้ใช้พลังวิญญาณจำนวนมากในครั้งเดียว เขาอาจไม่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่อีกแล้ว
เมื่อเทียบกับหลู่หยุนเหอ เซว่เป่าเอ๋อร์ใช้เพียงคาถาเดียวเท่านั้น
แม้ว่าคาถาอาณาจักรวิญญาณอัคคีจะต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมาก โดยใช้ไปราว ๆ 17 ก้อน แต่ปริมาณพลังวิญญาณของเซว่เป่าเอ๋อร์อาจสูงกว่าของหลู่หยุนเหอ ดังนั้น เซว่เป่าเอ๋อร์อาจสามารถใช้มันได้อีกอย่างน้อย ๆ ก็อีกหนึ่งครั้ง
คาถานี้อาจไม่สามารถจัดการกับหลู่ปาได้ แต่ก็มากเกินพอที่จะจัดการกับหลู่หยุนเหอได้
ตามที่หลินจินคาดไว้เซว่เป่าเอ๋อร์เปิดใช้งานคาถาอีกครั้งและจัดการหลู่หยุนเหอในคราวเดียว
หมัดไฟวิญญาณ
ตัวไฟมาจากสัตว์เลี้ยงของเธอ คาถานี้ได้รับการขัดเกลาอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ฝึกตนแห่งไฟ ดังนั้น เซว่เป่าเอ๋อร์ที่ชาญฉลาดพร้อมด้วยไหวพริบ เธอจึงสามารถทำมันได้อย่างง่ายดายในขณะที่ยังคงจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ
หมัดเปลวเพลิงได้ตรงไปยังหลู่หยุนเหอ คนหลังตกใจและหลู่ปาที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่สามารถปกป้องเจ้าของได้ทันเวลา เมื่อพลังวิญญาณของเขาหมดลง หลู่หยุนก็ไม่มีสิ่งใดมาใช้ปกป้องตัวเอง
“ข้าขอยอมแพ้!”
หลู่หยุนเหอตะโกนออกมาอย่างเด็ดขาด เมื่อต้องเผชิญกับหมัดร้อนแรง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจำนน
หมัดไฟหยุดกลางอากาศก่อนที่จะสลายหายไป
หลังจากออกจากสนามประลอง สิ่งแรกที่หลู่หยุนเหอพูดกับหลินจินคือ “ข้าประมาทเกินไป!”
“ผิดแล้ว เจ้าหยิ่งทะนงเกินไปต่างหาก!” หลินจินแก้ไข
คราวนี้หลู่หยุนเหอเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เขาคิดแค่เพียงว่าหากหลู่ปาอยู่ในระดับสามแล้ว เขาจะสามารถเอาชนะเซว่เป่าเอ๋อร์ได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่คาดคิดว่าเซว่เป่าเอ๋อร์จะสามารถใช้คาถาเพื่อเพิ่มขีดจำกัดของสัตว์เลี้ยงของเธอ ในระหว่างนั้นยังร่ายคาถาโจมตีเพื่อบังคับให้หลู่หยุนเหอยอมจำนนได้อีกด้วย
อันที่จริง ถ้าหลู่หยุนเหอไม่มั่นใจมากเกินไป เขาก็สามารถชนะการต่อสู้ได้ ท้ายที่สุดนี่คือการต่อสู้ของสัตว์วิเศษ หลู่หยุนเหอถือว่าเขามีความได้เปรียบอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขากับแพ้อย่างคาดไม่ถึง
หลู่หยุนเหอรู้สึกอับอายเพราะสิ่งที่หลินจินพูดมาคือความจริง เขาจึงก้มศีรษะขณะที่เขากลับไปนั่งบนที่นั่งของเขา แม้แต่หลู่ปาก็ยังรู้สึกหดหู่ใจ มันก็เดินคอตกตามเจ้าของของมันไป
เซว่เป่าเอ๋อร์ยังคงยืนอยู่บนสังเวียน แม้ว่าหลู่หยุนเหอจะไม่กล้าท้าทายอันดับหนึ่งหรือสอง แต่เธอกล้า
ในอดีตเซว่เป่าเอ๋อร์ยังคงท้าทายหยางเจี๋ยและหลายครั้งเธอก็สามารถบังคับเขาให้จนมุมได้ ทุกคนในสมาพันธ์นักบวชรู้ดีว่าเซว่เป่าเอ๋อร์ไร้ซึ่งความกลัว แต่เมื่อพูดถึงการฝึกฝน เธอเป็นอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใคร
รายละเอียดที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือเซว่เป่าเอ๋อร์จะท้าทายคนเพียงคนเดียวในระหว่างการแข่งขัน
และบุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยางเจี๋ย
แม้ว่าเธอจะเคยประกาศว่าเธอไม่ต้องการจะท้าทายหยางเจี๋ยโดยเฉพาะ แต่สิ่งที่เธอต้องการท้าทายคือคนที่อยู่ในอันดับหนึ่งของสมาพันธ์นักบวช เพราะเหตุนี้เองคนที่ถูกท้าทายจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากหากเซว่เป่าเอ๋อร์ต้องการจะสู้ด้วย มันเป็นวิธีที่เธอยอมรับอีกฝ่ายว่าคน ๆ นั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เมื่อเห็นเซว่เป่าเอ๋อร์ยังคงอยู่บนสนามประลอง หยางเจี๋ยก็ลุกขึ้นพร้อมจะเข้าสู่สังเวียน
แต่ถึงกระนั้น เขาต้องหยุดชะกลางคัน เพราะได้ยินเซว่เป่าเอ๋อร์ตะโกนว่า “พี่หลิน ข้าต้องการประลองกับพี่!”
หยางเจี๋ยตกตะลึง
เขาไม่รู้ว่าจะนั่งหรือจะยืนอีกต่อไป
ในที่สุดเขาก็กัดฟันและนั่งลงโดยไม่สามารถปกปิดความโกรธและความอับอายบนใบหน้าของเขาได้
ลืมหยางเจี๋ยไปได้เลย แม้แต่หลินจินก็ยังคิดว่ามันน่าขายหน้า 'เซว่เป่าเอ๋อร์ยังไม่เคยบอกว่าเธอต้องการท้าทายคุณ ทำไมคุณถึงรีบยืนขึ้นมา?' เขาสงสัย
หลินจินลูบเสี่ยวฮั่วที่กำลังหลับเบา ๆ ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า
อาจเป็นเพราะเพิ่งตื่น เสี่ยวฮั่วยังคงมึนงงเล็กน้อย เรื่องนี้มันมีสาเหตุอยู่ เนื่องจากวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบครั้งสุดท้ายของเสี่ยวฮั่วนั้นมันได้เร่งรีบเล็กน้อย แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ส่งผลต่อวิวัฒนาการของมัน แต่ร่างกายของเขาก็ยังอ่อนล้าเพราะเหตุนี้ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เจ้าหมาป่ามีเวลา เสี่ยวฮั่วจึงนอนพักผ่อนทุกครั้งที่ทำได้เพื่อเติมเต็มพลังงานของมัน
เมื่ออยู่ในสนามประลอง หลินจินได้โยนขวดยาให้เซว่เป่าเอ๋อร์
นี่คือยาเม็ดที่หลินจินทำขึ้นเอง เม็ดยาพลังวิญญาณ
เซว่เป่าเอ๋อร์กล่าวว่า "พี่หลิน พี่ไม่จำเป็นต้องให้เม็ดยาข้าก็ได้ ข้ามีเม็ดยาของข้าเอง"
หลินจินโบกมือ “แต่ของข้าแตกต่างจากเม็ดยาพวกนั้น”
เซว่เป่าเอ๋อร์ตะลึงงันหยิบออกมาหนึ่งอันแล้วดมมัน ดวงตาของเธอเป็นประกายและกลืนเข้าไปหนึ่งอันก่อนที่ใบหน้าของนางจะเบ่งบานด้วยความยินดี
อันที่จริงสมาพันธ์นักบวชเองก็ได้จัดเตรียมเม็ดยาพลังงานวิญญาณเช่นกัน แต่เม็ดยาของหลินจินแตกต่างจากเม็ดยาพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง
ความคล้ายคลึงกันเพียงอย่างเดียวของพวกมันคือชื่อ แต่เมื่อพูดถึงสรรพคุณแล้ว เม็ดยาที่หลินจินทำขึ้นมานั้น มีประสิทธิภาพมากกว่าเม็ดยาที่ทางสมาพันธ์จัดหาให้อย่างน้อยหลายเท่า มันจึงแตกต่างราวกับฟ้ากับเหว
เซว่เป่าเอ๋อร์ได้ใช้พลังวิญญาณของเธอหมดลงโดยการใช้คาถาอาณาจักรวิญญาณอัคคี ตอนนี้เธอต้องเริ่มรอบใหม่ เห็นได้ชัดว่าเธอต้องเติมพลังวิญญาณของเธอและนี่อยู่ในกฎการแข่งขัน
แต่แน่นอนว่า ไม่ว่าเม็ดยาจะดีแค่ไหน มันก็ไม่สามารถบริโภคได้อย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณของเซว่เป่าเอ๋อร์ฟื้นคือประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เธอจ้องไปที่ขวดในมือของเธอ
หลินจินสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เจ้าสามารถเก็บพวกมันเอาไว้ได้”
เซว่เป่าเอ๋อร์หัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่เธอเก็บมันไว้
“ถ้าอย่างนั้น พี่หลิน เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
เซว่เป่าเอ๋อร์ยืดตัวขึ้นขณะที่เธอเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าเธอยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะได้ประลองฝีมือกับหลินจิน
ทั้งที่เธอรู้ว่าเธอไม่คู่ควร
หลินจินยิ้ม เขาคิดว่าเซว่เป่าเอ๋อร์เหมือนน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทำอะไรรุนแรงกับเธอ ถึงแม้เธอจะต้องการให้เขาทำเช่นนั้นก็ตาม
แต่พูดตามตรง เซว่เป่าเอ๋อร์สามารถทุ่มทุกอย่างที่มีได้ แต่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะถ้าหากเขาลงมือเต็มกำลัง เซว่เป่าเอ๋อร์จะไม่มีโอกาสได้ขยับสักก้าวเลย
ดังนั้น หลินจินจึงกล่าวว่า “เชิญเจ้าลงมือก่อนได้เลย”