ตอนที่แล้วอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 162 เปลี่ยนนักแสดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 164 การเจรจาครั้งสำคัญ

อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 163 การลงทุนที่เสียเปล่า


ตอนที่ 163 การลงทุนที่เสียเปล่า

ผีเสื้อย้ายออกมาจากจีน และไปอยู่ที่ฮ่องกงเป็นที่แรก

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในฮ่องกงไม่กี่เดือน เธอก็รู้สึกว่ามันไม่มีความสุขสักเท่าไหร่

เธอจึงเดินออกทางไปสหรัฐอเมริกาพร้อมกับคนสนิทของเธอ

แน่นอนว่าในใจของเธอยังคิดเกี่ยวกับการได้แสดงภาพยนตร์อยู่ตลอด

และตอนนี้ฮอลลีวูดก็เป็นศูนย์กลางภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุด เธอจึงเลือกเดินทางมาอาศัยอยู่ที่ลอสแอนเจลิส

ผีเสื้อและถังเจิ้งเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อเธอมาที่ลอสแอนเจลิส ถังเจิ้งจึงหาที่อยู่ให้เธอในไชน่าทาวน์อย่างกระตือรือร้น

ซึ่งวงการภาพยนตร์ในฮอลลีวูดนั้นก็เปิดกว้างอยู่แล้ว

และในช่วงเวลานี้ผีเสื้อได้หันหลังให้กับบริษัทภาพยนตร์หลายแห่งในประเทศจีน โดยคิดที่จะมาโด่งดังที่นี่

เมื่อถังเจิ้งได้คุยกับผี้เสื้อ เขาก็รู้ว่าเธอยังอยากแสดงภาพยนตร์อยู่ และรอคอยโอกาสที่จะเข้ามา

มันเหมาะเจาะที่ในเวลานี้ฮาร์ดี้ต้องการนักแสดงผู้หญิงอายุ 30-40 ปีด้วย

ถังเจิ้งคิดว่ามันช่างบังเอิญดีจริงๆ เขาจึงแนะนำฮาร์ดี้ให้ผีเสื้อฟังทันที

ผีเสื้อไม่ได้กินอะไรเลยในตอนเที่ยง และพยายามอย่างหนักที่จะแต่งตัวให้ดูดี โดยที่เธอออกเดินทางไปเอชดีพิคเจอร์กับเพื่อนๆ ของเธอ

ซึ่งในเวลาเดียวกันก็มีชายหนุ่มสองสามคนที่ถังเจิ้งส่งไปที่เอชดีพิคเจอร์ด้วย

......

ฮาร์ดี้พาฮันเยจินกับอิริน่าไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทาน

หลังจากทานเสร็จทั้งสามก็ไปที่บริษัทภาพยนตร์ และก็ได้รู้ว่ามีคนรอพวกเขาอยู่แล้ว

ฮาร์ดี้คิดว่าพวกเขาช่างมาเร็วกันจริงๆ

"ไปบอกผู้กำกับโนแลนและคุณไฮดี้รามา ให้มาช่วยสัมภาษน์นักแสดงหน่อย" ฮาร์ดี้บอกกับพนักงาน

ในห้องแคสติ้งฮาร์ดี้ก็ได้เห็นผีเสื้อจนได้

ผู้หญิงคนนี้สวมชุดเดรสยาว และอายุคร่าวๆ น่าจะประมาณ 30 ปี

เธอมีความสง่างามอย่างมาก

ซึ่งฮาร์ดี้ก็รู้สึกดีเมื่อได้เห็นคนดังคนอื่นในยุคนี้

ผู้กำกับโนแลนส่งพล็อตภาพยนตร์ให้กับผีเสื้อ

หลังจากที่ผีเสื้ออ่านไปแค่ครู่เดียว เธอก็ออกมาแสดงให้พวกเขาดูทันที

มันเหมือนกับว่าเธอเข้าสู่บทบาทได้เร็วมากจริงๆ ซึ่งภาษาอังกฤษของเธอและการแสดงของเธอก็ดูเป็นธรรมชาติมาก

ในตอนท้ายของการแสดงเธอก็มองไปที่ผู้กำกับโนแลนด้วยความประหม่า

และโนแลนก็มองไปที่ฮาร์ดี้พร้อมกับถามว่า "คุณคิดว่าไงฮาร์ดี้?"

ฮาร์ดี้พยักหน้า "ฉันคิดว่ามันไม่เลวนะ"

ในตอนนี้บทของคนทรงก็ตกเป็นของผีเสื้อในที่สุด

แน่นอนว่าเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก เพราะเธอไม่ได้คาดหวังว่ามันจะง่ายดายเช่นนี้

ในเวลานี้ฮันเยจินก้าวไปข้างหน้า และทักทายกับผีเสื้อ

ซึ่งทั้งสองก็พูดภาษาจีนกลางใส่กัน และผีเสื้อก็มีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนคนจีนในต่างแดน

"คุณบัตเตอร์ฟลาย ฉันเป็นแฟนคลับของคุณ ฉันขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?" ฮันเยจินพูดอย่างมีความสุข

"แน่นอน ไม่มีปัญหา"

บริษัทภาพยนตร์ของฮาร์ดี้นั้นไม่ขาดแคลนช่างภาพ

รอไม่นานก็มีคนมาถ่ายรูปให้ทั้งสอง

ซึ่งฮันเยจินและบัตเตอร์ฟลายก็ถ่ายรูปกันหลายภาพและในที่สุดก็พอใจ

ต่อไปก็เป็นชายหนุ่มหลายคนที่ส่งมาโดยถังเจิ้ง

พวกเขาเดินเข้ามาทีละคน พร้อมกับหน้าอกของพวกเขาที่ยกขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา

พวกเขาและหันไปมองๆ รอบเพื่อหาฮาร์ดี้ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้า

"นายชื่ออะไร?" ฮาร์ดี้ถาม

"ครับคุณฮาร์ดี้! ผมชื่อถังฮอง ชื่อในวงการแอรอนครับ!"

"นายรู้จักกังฟูใช่ไหม?"

"ครับคุณฮาร์ดี้! ผมได้ฝึกหวิงชุน ห่งควอน วิชากระบองสองท่อน ไม้พลอง การใช้กริช และการต่อสู้แบบตะวันตกครับ!" ถังฮองกล่าว

"เอาล่ะ! ถอดเสื้อออกให้ฉันดู" ฮาร์ดี้กล่าว

ถังฮองไม่ลังเลและถอดเสื้อผ้าส่วนบนของเขาออก พร้อมกับเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาทันที

ฮาร์ดี้มองดูชายหนุ่มคนนี้อย่างใกล้ชิด

เขาสูงประมาณ 180 เซนติเมตร เป็นชายหนุ่มที่มีโครงสร้างร่างกายได้สัดส่วนและมองเห็นเส้นกล้ามเนื้อที่ชัดเจน

"เยี่ยม! ต่อไปนายคือคนคุ้มกันของคนทรงในภาพยนตร์เรื่องนี้" ฮาร์ดี้กล่าว

เมื่อฮาร์ดี้เลือกนักแสดงรองเสร็จ

ฮันเยจินและบัตเตอร์ฟลายก็พูดคุยกันจนกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว

ซึ่งบัตเตอร์ฟลายต้องพูดคุยรายละเอียดกับผู้กำกับโนแลนต่อ ฮันเยจินและบัตเตอร์ฟลายจึงแยกกันอย่างไม่เต็มใจ

ฮาร์ดี้พาฮันเยจินและอิริน่าไปที่ออฟฟิศของเขา พร้อมกับชงกาแฟให้เด็กสาวทั้งสอง

เมื่อทั้งสามนั่งลงดื่มกาแฟ ฮาร์ดี้ก็มองไปที่อิริน่าและถามว่า

"เอเลน เธอเรียนที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น เธอพอจะรู้จักคนที่มีความสามารถในการเป็นพิธีกรของสถานีโทรทัศน์ไหม?" ฮาร์ดี้ถาม

"เรามีหลักสูตรการออกอากาศทางโทรทัศน์ในโรงเรียนของเราอยู่นะ และมันก็มีผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากในสาขานี้ แต่ทำไมหัวหน้าถึงมองหาคนที่มีความสามารถในการเป็นพิธีกรของทางโทรทัศน์ด้วยล่ะ?" เอเลนถามอย่างสงสัย

"ตอนนี้ฉันได้จัดตั้งบริษัทกระจายเสียงขึ้นมา และตอนนี้คาสิโนที่ลาสเวกัสก็มีค่าใช้จ่ายหลายร้อยดอลลาร์สำหรับการโฆษณา ฉันจึงวางแผนที่จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ของตัวเองในอนาคต เพื่อที่จะสามารถประหยัดค่าโฆษณา และยังสามารถออกอากาศรายการของตัวเองได้อีกด้วย ซึ่งฉันก็รู้สึกว่าสถานีวิทยุและโทรทัศน์จะมีโอกาสเติบโตมากกว่าโรงภาพยนตร์ในอนาคตด้วย" ฮาร์ดี้กล่าว

อิริน่าคิดอยู่พักหนึ่ง "หัวหน้ามันไม่ยากที่จะหาบริษัทกระจายเสียง แต่มันจะออกอากาศได้แค่ช่องเดียว และฉันก็ไปหาข้อมูลมาแล้วว่าสัญญาณวิทยุกระจายเสียงจะออกอากาศได้เพียงแค่เมืองเดียว ดังนั้นบริษัทใหญ่ๆ จึงใช้ระบบกระจายเสียงร่วมกัน"

"ตอนนี้ผู้เผยแพร่ภาพรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาก็คือ CBS และ NBC แต่ละบริษัทมีสถานีโทรทัศน์ในเครือหลายร้อยสถานี เพื่อที่พวกเขาจะสามารถกระจายเสียงไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาได้ทั้งหมด"

"ถ้าบอสมีสถานีโทรทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งเมืองมันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าบอสต้องการที่จะได้รับสถานีโทรทัศน์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งสหรัฐอเมริกามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บอสจำเป็นต้องเซ็นสัญญาร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์อื่นๆ หรือไม่ก็ไปสร้างที่ใหม่ในเมืองนั้นและสร้างเครือข่ายโทรทัศน์ของเราเอง ซึ่งมันจะเป็นโครงการที่ใหญ่มาก"

"แต่บางทีบอสอาจจะเช่าช่องและจ่ายเงินให้กับบริษัทออกอากาศขนาดใหญ่ทุกปีๆ น่าจะดีกว่า" อิริน่าคิดออกและพูดออกมา

เช่าช่อง?

ฮาร์ดี้คิดว่านี่ก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน

แต่เส้นทางชีวิตของเขาจะติดอยู่ในมือของคนอื่น

เพราะถ้าพวกเขาต้องการที่จะเพิ่มราคาเราก็ต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าพวกเขาต้องการปิดช่องของเรามันก็ไม่มีทางหนีได้เลย

มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไหร่

อิริน่าดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างและพูดว่า "บอส มันก็มีวิธีที่ได้รับเครือข่ายโทรทัศน์อย่างรวดเร็วอยู่นะ"

"โอ้ วิธีการแบบไหน?" ฮาร์ดี้สนใจขึ้นมา

"ฉันได้ยินอาจารย์พูดถึง NBC ที่ถูกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าผูกขาดเครือข่ายสีแดงและสีน้ำเงิน"

"ปรากฏว่า NBC(National Broadcasting Corporation) มีเครือข่ายสองชุด ซึ่งเครือข่ายหนึ่งเรียกว่าเครือข่ายสีแดง และอีกเครือข่ายหนึ่งเรียกว่าเครือข่ายสีน้ำเงินจริงๆ และในปี 1941 คณะกรรมาธิการการสื่อสารของรัฐบาลกลางได้พิจารณาว่าบริษัทกระจายเสียงแห่งชาติ (NBA) ถูกสงสัยว่ามีการผูกขาดเครื่อข่ายทั้งสองจึงโดนสั่งให้เลือกว่าจะเก็บอันไหนไว้ ทำให้ในปี 1943 บริษัทกระจายเสียงแห่งชาติได้เลือกที่จะขายหุ้นเครือข่ายสีน้ำเงินทิ้ง"

"และก็มีพ่อค่าลูกกวาดชื่อเอ็ดเวิร์ดโนเบิลได้ซื้อเครือข่ายสีน้ำเงินในราคา 8 ล้านดอลลาร์ และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทอเมริกันบรอดเคสติ้งหรือเอบีซี (American Broadcasting Corporation เอบีซี) ว่ากันว่า เอบีซี มีสถานีวิทยุในเครือ 116 สถานีและครอบคลุมทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย"

เมื่อได้ยินชื่อเอบีซีฮาร์ดี้ก็รู้ทันทีว่ามันเป็นบริษัทเอบีซีที่เป็นหนึ่งในสามของบริษัทกระจายเสียงยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา

ซึ่งซีบีเอสและเอ็นบีซีก็ครอบครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของตลาดด้วยเหมือนกัน

และอิริน่าก็หัวเราะ "อาจารย์ของฉันบอกว่าคดีนี้ไม่ได้เกิดจากการผูกขาด แต่เป็นเพราะพ่อค้าลูกกวาดชื่อเอ็ดเวิร์ดโนเบิลต่างหาก ซึ่งเขาซื้อมันและก็ผ่านไป 4 ปี แต่บริษัท เอบีซี ก็ไม่มีรายการโทรทัศน์ดีๆ ออกมาเลยสักนิด"

ฮันเยจินได้รับฟังเรื่องราวของอิริน่าเธอก็รู้สึกสงสัยเลยเธอถามว่า "มันไม่มีรายการดีๆ ออกมาเลยเหรอ? ทำไมล่ะ?"

อิริน่าหัวเราะเบาๆ "เพราะเขาซื้อได้เพียงเปลือกที่ว่างเปล่า บริษัทกระจายเสียงแห่งชาติได้เอาบุคลากรหลักทั้งหมดของสถานีนี้ไป ทำให้บริษัทนี้ไม่มีพนักงานเลย นอกจากอุปกรณ์และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วสหรัฐเท่านั้น"

"ถึงเอ็ดเวิร์ดโนเบิลจะเป็นนักธุรกิจที่ฉลาด แต่เขาไม่ใช่คนทำสื่อมีเดีย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโทรทัศน์เลย เขาไม่มีแหล่งข้อมูลอะไรเลย มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะสร้างรายการออกมาสักอันหนึ่ง และทำให้เขาต้องพึ่งพาบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งเพื่อที่จะมีรายการฉายออกมา "

"แล้วรู้ไหมว่าเขาทำยังไง? เขาให้คนในบริษัทมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้ากล้อง หรือไม่ก็ฉายหนังเก่าๆ วนไปวนมา เพราะเขาไม่มีหนังอยู่ในเครือของตัวเอง ซึ่งเขาก็คิดว่ามันแพงเกินไปจึงเลือกที่จะไม่ลงทุน"

ฮันเยจินยังหัวเราะ "มันก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สถานีโทรทัศน์ยังไม่ล้มละลาย"

อิริน่ายักไหล่ "ธุรกิจขนมหวานของเอ็ดเวิร์ดโนเบิลนั้นใหญ่มากและสถานีโทรทัศน์ก็มีพนักงานเพียงสิบคนเท่านั้น เขาสามารถจ่ายเงินเดือนนี้ได้ แถมอาจารย์ของฉันบอกว่าเอ็ดเวิร์ดโนเบิลอาจจะไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่ เขาเพียงแค่รอโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการขายบริษัทเอบีซี ในราคาดีๆ เท่านั้น"

เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ดวงตาของฮาร์ดี้ก็สว่างขึ้น

เพราะเขายังมีโอกาส

และนี่ยังเป็นบริษัทเอบีซีที่เป็นหนึ่งในสามของบริษัทกระจายเสียงรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในอนาคต

แน่นอนถ้าเขาได้เป็นเจ้าของยังไงมันก็ต้องน่าตื่นเต้นอย่างมาก และไม่ต้องพูดถึงมูลค่ามันในอนาคตเลย

ยังไงก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ รายการวิทยุและโทรทัศน์ก็เป็นเครื่องมือสามอย่างสำหรับการโฆษณาที่สำคัญที่สุดมาก่อน

ซึ่งเอบีซีไม่เพียงแต่มีรายการสำหรับเผยแพร่ทางโทรทัศน์เท่านั้นแต่ยังมีการเผยแพร่ทางวิทยุอีกด้วย

ในขณะนี้โทรทัศน์ก็เพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ตลาดแต่มันกลับมีผลประสิทธิภาพสำหรับการโฆษณามากกว่าหนังสือพิมพ์หรือวิทยุซะอีก

ต้องซื้อมัน

ต้องหาทางซื้อมันให้ได้

ถ้าเขาพลาดโอกาสนี้เขาจะต้องเสียใจมากๆ

ฮาร์ดี้มองไปที่อิริน่าและพูดว่า "เอเลน เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?"

"บอส พูดมาเลย"

"เธอเรียนนิเทศศาสตร์มาใช่ไหม? ช่วยฉันหารายชื่ออาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยของเธอหน่อย" ฮาร์ดี้กล่าว

"ทำไมบอสต้องการรายชื่อเหล่านี้ล่ะ ?" อิริน่าถามด้วยความประหลาดใจ

"ฉันวางแผนที่จะซื้อบริษัทเอบีซี และจะสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถในการดำเนินงานสถานีวิทยุจำนวนมากในอนาคต เธอไม่ได้บอกเหรอว่ามหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียเป็นโรงเรียนนิเทศศาสตร์ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งฉันจะส่งจดหมายรับสมัครงานให้พวกเขาเมื่อฉันได้รับรายชื่อมา" ฮาร์ดี้กล่าว

อิริน่าอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

“บอส แค่ฟังฉันเล่าเรื่องบอสก็วางแผนที่จะซื้อเอบีซีเลยหรอ? อย่าลืมสิเครือข่ายโทรทัศน์นี้ไม่ได้ราคาถูกอย่างแน่นอน และตอนที่เอ็ดเวิร์ดโนเบิลซื้อมันมามันก็มีราคาถึง 8 ล้านเหรียญ หากมีการขายก็คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์แน่ๆ” อิริน่ากล่าว

ฮาร์ดี้พยักหน้า

"ฉันรู้ และฉันก็กลัวว่าแค่ 10 ล้านดอลลาร์อาจจะซื้อมันไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอแค่ช่วยฉันหารายชื่อมาก็พอ เดี๋ยวฉันจะไปหาใครบางคนไปตรวจสอบสถานการณ์ของบริษัทเอบีซีและสถานการณ์ของเอ็ดเวิร์ดโนเบิลดูก่อน"

ฮาร์ดี้ลุกขึ้นยืนขณะที่เขาพูดจบ และก็เดินไปกอดฮันเยจินจากนั้นก็เดินไปหาอิริน่าและกอดเด็กสาวฝรั่งเศสอย่างแรง

"ขอบคุณที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับฉัน เธอจะได้รับรางวัลถ้างานนี้มันสำเร็จ"

ฮาร์ดี้ออกไปนานแล้ว แต่ใบหน้าของอิริน่าก็ยังเป็นสีแดงอยู่

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮาร์ดี้กอดเธอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นตามมารยาทก็ตาม…

ฮาร์ดี้มาที่บริษัทเอชดีซีเคียวริตี้และตามหาเฮนรี่พร้อมกับสั่งเขาว่า "เฮนรี่ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ของสถานีวิทยุเอบีซีหน่อย หากได้รายละเอียดเยอะก็ยิ่งดี และก็ตรวจสอบสถานการ์ของเอ็ดเวิร์ดโนเบิลมาด้วย"

"ครับบอส!"

เฮนรี่จัดการให้ใครบางคนไปสืบสวนทันที

ฮาร์ดี้เดินไปหาแอนดี้ต่อ

แน่นอนว่าเขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อบริษัทเอบีซี

เพราะถึงแม้เอ็ดเวิร์ดโนเบิลอาจไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จด้านสื่อมีเดีย แต่เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

การซื้อบริษัทเอบีซีมันอาจจะต้องต่อรองเยอะหน่อย แต่ถ้าซื้อมันได้มันก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน

แต่ก็ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก่อน…

"แอนดี้ฉันต้องการซื้อสถานีโทรทัศน์เอบีซี นายช่วยคำนวณเงินออกมาหน่อยว่าฉันสามารถจ่ายได้เท่าไหร่!"

………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด