ตอนที่ 60 ตอบกลับจดหมาย
เมื่อมองไปที่เฉินเหิง ความคิดที่ไม่ซื่อสัตย์ของบารอนไมเลอร์ที่เก็บไว้ในใจก็หายไปทันที
เหมือนกับที่เฉินเหิงคาดเอาไว้ เขามีความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับสินค้าที่เฉินเหิงนำมาในครั้งนี้
หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเฉินเหิง เขาก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดแบบนั้นอีกต่อไป
กลุ่มโจรพวกนี้มีอย่างน้อย 200 คน และพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่ากองกำลังของผู้ปกครองทั่ว ๆ ไป
อย่างไรก็ตามกลุ่มดังกล่าวถูกทำลายล้างโดยเฉินเหิงอย่างง่ายดาย แทนที่จะเป็นการต่อสู้ ให้ถูกต้องควรจะบอกว่ามันเป็นการสังหารหมู่ซะมากกว่า
นี่เป็นอุปสรรคที่ดูไร้สาระมาก
แม้ว่าความแข็งแกร่งของกองกำลังของเขาจะเหนือกว่ากลุ่มโจรกลุ่มนี้ แต่ทหารของพวกเขาก็ไม่น่าจะมีสภาพดีไปกว่ากลุ่มโจรมากนัก
หากพวกเขาต่อสู้กันจริง ๆ พวกเขาก็คงจะกลายเป็นศพเย็นเยือกไม่ต่างกับโจรพวกนั้นเหมือนกัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ บารอนไมเลอร์ก็ระมัดระวังและให้ความสำคัญกับเฉินเหิงมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ คือเฉินเหิงดูเหมือนจะเป็นคนที่เป็นมิตร
หลังจากการต่อสู้ ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด ทำให้เขาดูดุร้ายและโหดเหี้ยม แต่จริง ๆ แล้วเขากลับเป็นคนสุภาพอย่างไม่น่าเชื่อ เขาดูเก่งกว่าลูกชายอีกคนของบารอนไคเซ็นมาก
เมื่อนึกถึงลูกชายอีกคน บารอนไมเลอร์ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ออร์มันโดไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ออร์มันโดก็กลายเป็นคนมีชื่อเสียง
บารอนไมเลอร์จำออร์มันโดได้ แต่เห็นได้ชัดว่าความประทับใจที่มีต่อเขาไม่ค่อยดีนัก
เขาพูดแบบนี้เพื่อพยายามผ่อนคลายบรรยากาศ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฉินเหิงและบารอนไคเซ็นก็เงียบไป
บารอนไมเลอร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเรื่องการตายของออร์มันโด
เขาตกใจและมองตามสัญชาตญาณไปทางเฉินเหิง ก่อนที่จะรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้น เขาก็กลับสู่สภาวะปกติและเชิญบารอนไคเซ็นและเฉินเหิงมาเป็นแขกที่บ้านของเขาด้วยความจริงใจ
เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับออร์มันโด เฉินเหิงและบารอนไคเซ็นจึงพักอยู่ที่บ้านของเขาเพียงวันเดียว และหลังเสร็จข้อตกลง พวกเขาก็เดินทางกลับไป
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป
เหมือนกับที่เฉินเหิงคาดไว้ หลังจากข่าวการสู้รบในครั้งนี้แพร่กระจายออกไป ผู้ปกครองที่อยู่รอบ ๆ ก็มีความสุภาพมากขึ้น
ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ เฉินเหิงได้แสดงความสามารถในการต่อสู้ของเขาให้ผู้ปกครองเหล่านี้เห็นได้สำเร็จ
ผู้ปกครองที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกใจและระงับความคิดที่ไม่ดีที่พวกเขามีเก็บเอาไว้
ต่อจากนั้น สินค้าจากทางเหนือก็ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ปกครองทางใต้ก็จัดหาพืชผลและอาหารเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน
หลังจากที่เฉินเหิงได้รับพืชผลและอาหารเหล่านี้ เขาก็นำมันไปเก็บไว้ที่อื่นก่อนที่จะถูกนำส่งไปยังฝั่งเหนือผ่านทางทะเล
นี่เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีหลายตัวแปรมาเกี่ยวข้อง
การมีเส้นทางการค้านี้เป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเฉินเหิงในตอนนี้
เมื่อเขาจัดการณ์เรื่องข้อตกลงและสถานการณ์ต่าง ๆ ของทางใต้เสร็จแล้ว ทุกอย่างก็ราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาบ้าง แต่พวกเขาก็ยังสามารถดำเนินการตามแผนส่วนใหญ่ได้
หลังจากเสร็จสิ้นการซื้อขายครั้งแรก เฉินเหิงและผู้ปกครองทางใต้ก็สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นได้สำเร็จ
ผ่านช่องทางของเขา เฉินเหิงสามารถจัดหาสินค้าจำนวนมากจากทะเลทรายทางตอนเหนือ และแบ่งสินค้าเหล่านั้นแจกจ่ายให้กับผู้ปกครองทางใต้ ในขณะที่ผู้ปกครองทางใต้จะจ่ายเขาเป็นพืชผลและอาหารต่าง ๆ
….
ปัจจุบันมีเพียงการจัดทำข้อตกลงเบื้องต้นเท่านั้น แต่เมื่อขนส่งสินค้ามากขึ้นและผู้ปกครองสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ถึงตอนนั้นข้อตกลงและประเภทสินค้าก็จะขยายขึ้นไปตามด้วย
ขณะที่เฉินเหิงยังคงยุ่งอยู่กับงานของเขา จดหมายจากเมืองหลวงกูตูก็ถูกส่งมาถึง
‘จดหมายจากเวอร์นา?’ ภายในห้องนอนที่ดูโปร่งโล่ง มองดูจดหมายในมือ เฉินเหิงยิ้มเล็กน้อยก่อนเปิดอ่าน
“เรียน ท่านไคลิน… เหมือนกันกับท่าน อยู่ที่บ้านฉันก็คิดถึงท่านมากเหมือนกัน ฉันอยากเจอท่านอีกครั้ง ฉันหวังว่าท่านจะอยู่ที่บ้านเกิดของท่านอย่างมีความสุข และหวังว่าท่านจะกลับมาเร็ว ๆ นี้…”
…
หลังจากอ่านจดหมาย เฉินเหิงก็ยิ้มออกมาและเก็บมันอย่างระมัดระวัง
ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาจะเริ่มเห็นผลแล้ว
เวอร์นาเริ่มแสดงให้เห็นว่าเธอมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก
ในตระกูลขุนนาง แม้ว่าพ่อแม่จะเป็นคนจัดการเรื่องแต่งงานให้กับลูก ๆ แต่ความต้องการและความเห็นชอบของลูกก็สำคัญเหมือนกัน
โดยเฉพาะกับเวอร์นา เธอเป็นน้องสาวแม่เดียวกันกับเจ้าหญิงโอลิเวีย ดังนั้นเจ้าหญิงโอลิเวียจะต้องรับฟังความต้องการของเธออย่างแน่นอน
จากที่เฉินเหิงเห็น บางทีอาจเป็นเพราะสถานการณ์ แต่เจ้าหญิงโอลิเวียให้ความสำคัญกับเวอร์นาอย่างมาก และจะเคารพความต้องการของเวอร์นาในหลาย ๆ อย่าง
เพราแบบนี้ ความเต็มใจของเวอร์นาในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก
ถ้าหากเวอร์นาขัดขืนการแต่งงานมาก ๆ เจ้าหญิงโอลิเวียก็คงจะไม่ให้เธอแต่งงานกับคน ๆ นั้น แม้ว่าคน ๆ นั้นจะมีสถานะสูงส่งก็ตาม
เรื่องนี้แตกต่างไปจากหลาย ๆ คน
เมื่อเวอร์นามีความรักต่อเฉินเหิงแล้ว ก้าวแรกก็เสร็จสมบูรณ์
ตอนนี้ เขาต้องการความเห็นชอบของเจ้าหญิงโอลิเวียและการรับทราบขององค์ราชินี
แต่เดิมสำหรับเจ้าหญิง ควรจะเป็นพ่อของเธอ พระราชาจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้แทนเธอ
อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เฉินเหิงรู้ กษัตริย์องค์ปัจจุบันดูเหมือนจะล้มป่วยอย่างหนักและหมดสติไประยะหนึ่งแล้ว เขาจะตื่นขึ้นมาเพียงช่วงสั้น ๆ ระหว่างปีเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจส่วนใหญ่จึงตกไปเป็นหน้าที่ของเจ้าหญิงโอลิเวียและแม่ของเวอร์นา และเธอเองก็ชื่นชอบเจ้าหญิงโอลิเวียอย่างมากด้วย
เป้าหมายต่อไปของเฉินเหิงคือการให้เจ้าหญิงโอลิเวียยอมรับเขา
เรื่องนี้ทั้งยากและเรียบง่าย
ความยากลำบากอยู่ที่การต้องทำให้เจ้าหญิงโอลิเวียเป็นคนริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาเอง
เพราะเจ้าหญิงโอลิเวียเป็นคนระมัดระวัง และถ้าเขาเป็นคนริเริ่มขึ้นมาเอง เธออาจระแวงและสงสัยว่าเขามีแรงจูงใจซ่อนเร้นบางอย่าง
หากสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งต่าง ๆ จะยากขึ้นสำหรับเขามาก
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการออกตัวอย่างชัดเจนเกินไป จะเป็นการดีที่สุดที่จะให้เจ้าหญิงโอลิเวียเป็นคนริเริ่มด้วยตัวเอง
เฉินเหิงนั่งอยู่ในห้องของเขาเงียบ ๆ และคิดกับตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนจดหมายตอบกลับถึงเวอร์นา
เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในเรื่องนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เขียนจดหมายเสร็จและใส่ลงในซองห่ออย่างระมัดระวังก่อนที่จะส่งให้ผู้ดูแล
“ช่วยส่งสิ่งนี้ไปให้กับมิสเวอร์น่าด้วย” เขาพูดเบา ๆ