846 - สั่นสะเทือนจงโจว
846 - สั่นสะเทือนจงโจว
ในวันถัดมา อาณาจักรทั้งห้าก็สั่นสะเทือน มีการกล่าวถึงโลงศพที่แกะสลักจากต้นไม้อมตะ คัมภีร์จักรพรรดิ น้ำแข็งห้าสีที่บรรจุผิวหนังของจักรพรรดิอมตะ คำพูดเหล่านี้กลายเป็นจุดสนใจของการสนทนาในโลก
หลังจากที่เย่ฟ่านจากไป เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น มีการปรับเปลี่ยนคำพูดต่างๆมากมายและไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง
การเผชิญหน้าระหว่างสามอาวุธจักรพรรดิ วิญญาณที่เกิดจากจิตสำนึกของเทพ ผิวหนังมนุษย์ของจักรพรรดิอมตะ ข่าวลือทุกรูปแบบยากที่จะบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ
ในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้นในดินแดนรกร้างตะวันออกเช่นกัน เหมืองโบราณต้นกำเนิดได้พ่นหมอกควันลึกลับซึ่งกินเวลานานครึ่งเดือนและทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายจำเป็นต้องออกไปตรวจสอบ
เหตุการณ์ภายในสุสานเซียนนี้แม้จะสั่นสะเทือนฟ้าดินแต่ผู้คนจำนวนมากกลับให้ความสนใจกับเหมืองโบราณต้นกำเนิดมากกว่า เพราะเหตุการณ์ที่นี่มีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่อาจทำให้ดินแดนรกร้างตะวันออกพังทลายได้เลย
โลกภายนอกกำลังเดือดพล่าน
ครึ่งเดือนต่อมานิกายหยินหยางและตระกูลเซียวได้ประกาศให้คนทั้งโลกไล่ล่าเย่ฟ่านด้วยต้นกำเนิดบริสุทธิ์สิบล้านจิน แม้แต่ผู้ที่ให้เบาะแสน่าเชื่อถือได้ก็ยังจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่
แต่เย่ฟ่านไม่กลัวแม้แต่น้อย เขาแสดงตัวตนออกมาและประกาศว่าจะสังขารยอดฝีมือทุกคนจากนิกายหยินหยางและตระกูลเซียวโดยไม่ให้เหลือแม้แต่สัตว์เลี้ยง
ในเรื่องนี้นิกายหยินหยางมีความเด็ดขาดมาก ในตอนนี้ยอดฝีมือที่ออกไล่ล่าเย่ฟ่านล้วนอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวผู้สูงสุดไปจนถึงปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
แต่การตอบโต้ของเย่ฟ่านก็รุนแรงเป็นอย่างมาก เขาบุกเข้าสาขาของนิกายหยินหยางก่อนจะลงมือสังหารศิษย์รุ่นเยาว์และผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งภายในนิกายจนหมดสิ้น
ยิ่งกว่านั้นในตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหากเขาพบว่าสาวกนิกายหยินหยางออกมาเดินอยู่ข้างนอก ถ้าเขาเห็นหนึ่งเขาจะฆ่าหนึ่ง ถ้าเห็นสองคนเขาจะฆ่าทั้งคู่
“ถ้าข้าสามารถฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์หยินหยางได้ ข้าสามารถฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนที่สองและข้าสามารถฆ่าคนต่อๆไปได้ไม่สิ้นสุด!”
ชื่อเสียงของเย่ฟ่านแพร่กระจายไปทั่วจงโจว
ไม่กี่วันต่อมานิกายหยินหยางก็ต้องโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง
เพราะสุสานของปรมาจารย์ในอดีตของพวกเขาถูกใครบางคนทำลายจนป่นปี้ สมบัติที่อยู่ข้างในถูกกว่าไปจนหมดสิ้นและกระดูกของปรมาจารย์พวกเขาได้กระจัดกระจายอยู่ทั่วโรงศพราวกับเศษขยะ
หลุมฝังศพของบรรพบุรุษของนิกายหยินหยางถูกใครบางคนขุดขึ้นมา หลังจากที่หวังหยางซานได้รับข่าวเขาก็พลิกโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ต้องเป็นเจ้าอ้วนคนนั้นแน่ๆ” จู่ๆผู้นำนิกายหยินหยางก็นึกถึงต้วนเต๋อ และนึกถึงคำพูดที่เขากล่าวในวันนั้น
เขาคิดว่าเจ้าอ้วนคนนั้นแค่พูดเรื่องไร้สาระ ใครจะไปคิดว่าเขาจะทำมันจริงๆ
ด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างมารวมตัวกันด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครเป็นคนขุดสุสานบรรพบุรุษนิกายหยินหยางขึ้นมา
“ออกไปๆห้ามใครเข้ามาที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว”
“ไปให้พ้น”
“คนผู้นี้ช่างเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ดูหลุมนั่นสิ”
...
หน้าสุสานโบราณของนิกายหยินหยางมีผู้คนมากมายหลั่งไหลมาที่นี่ทุกวัน และคนเฝ้าสุสานเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขาเกือบจะทุกข์ทรมานจากความบ้าคลั่ง เพราะคนเหล่านั้นชี้ไปที่หลุมฝังศพ และพูดจาหยาบคายโดยปราศจากความเกรงกลัว
“ใครกัน ทำเกินไปแล้ว นิกายหยินหยางแย่มากก็จริง แต่การปล้นสุสานบรรพบุรุษแบบนี้...”
บางคนสาปแช่ง แน่นอนว่ามีบางคนหัวเราะเยาะเช่นกัน
สามวันต่อมา มีข่าวว่าสุสานบรรพบุรุษของตระกูลเซียวก็ถูกขุดเช่นกันทำให้ผู้มีอำนาจหลายคนต้องออกไล่ล่าตามหาตัวคนทำ
“นิกายหยินหยางยังจะสงบใจได้อีกหรือ? โจรผู้นี้ขุดเอาสมบัติและฝากข้อความท้าทายไว้เช่นนี้?”
อันที่จริงโจรได้เขียนข้อควาบางอย่างไว้ที่แถวหน้าหลุมฝังศพที่เปิดโล่ง “ช่างตระหนี่จริงๆ ไม่มีแม้แต่ศพที่ดี แย่ยิ่งกว่านิกายหยินหยาง!”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกกล่าวต่อกันมา ไม่เพียงแต่ตระกูลเซียวเท่านั้นที่แทบจะลุกเป็นไฟ แม้แต่นิกายหยินหยางก็ทนไม่ไหว พวกเขาส่งคนออกไปไล่ล่าไปทั่วทุกพื้นที่ เพื่อค้นหาต้วนเต๋อ
“เจ้าอ้วน คราวนี้เจ้าตายแน่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าอ้วนต้วนนั้นพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ความโกรธแค้นของสองผู้ยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ตอนนี้ความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อเจ้าอ้วนเทียบเท่ากับเย่ฟ่านแล้ว
ไม่มีใครเคยเห็นความพยาบาทที่เต็มไปด้วยความสามัคคีเช่นนี้มาก่อน นี่คือความรู้สึกของคนกลุ่มหนึ่งที่มีอาการอยากจะฆ่าใครบางคนพร้อมกัน
อันที่จริง เจ้าอ้วนต้วนเป็นคนทำทั้งหมด และเขาก็ทำในสิ่งที่เขาพูดไว้โดยไม่บิดพริ้วแม้แต่น้อย
เขาไม่ยอมแพ้ ยิ่งกว่านั้นการแก้แค้นครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นไม่ต้องรอถึงสิบปี
“เขากล้าท้าทายนิกายหยินหยาง ข้าไม่รู้ว่าความวุ่นวายแบบไหนจะเกิดขึ้นบ้างหลังจากนี้”
ความคับข้องใจระหว่างเย่ฟ่านและนิกานหยินหยางได้แพร่กระจายไปทั่วจงโจวแล้ว เพราะเขาได้สังหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ บุตรศักดิ์สิทธิ์ และแม้แต่รองหัวหน้านิกายก็เสียชีวิตในรังหมื่นมังกร
นี่เป็นความขัดแย้งที่ไม่มีวันประสานกันได้
เย่ฟ่านออกจากโลกโบราณและเข้าสู่ลู่เฉิงด้วยรูปลักษณ์อื่น หลังจากลงมือสังหารผู้คนในตระกูลเซียวครั้งใหญ่เขาก็กลับไปนั่งสมาธิที่กระท่อมร้าง ที่นั่นเขาได้เห็นคนน่าสงสัยมากมาย เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้เขาปรากฏตัว
เขาไม่กลัว เพราะเขาเชี่ยวชาญศิลปะการเปลี่ยนแปลงใบหน้า เขาสามารถไปได้ทุกที่ในโลก น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหน นี่คือไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ของเขา
เย่ฟ่านได้รับคัมภีร์โบราณของบทเกี่ยวกับอาณาจักรแปลงมังกรแล้วดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก
“ข้าได้หยั่งรู้แล้ว นั่งแบบนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ บางทีข้าควรนั่งรอเพื่อฆ่าใครบางคนอีกสักครั้ง”
ในชั่วพริบตาครึ่งเดือนผ่านไป สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดมา และคลื่นต้นสนก่อตัวขึ้นบนหน้าผา เย่ฟ่านกำลังนั่งขัดสมาธิใต้ต้นสนโบราณ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาได้รู้แจ้งในคัมภีร์ของจักรพรรดิไท่ฮวงอย่างเงียบๆ ในขณะเดียวกันรากฐานการบ่มเพาะภายในขอบเขตแปลงมังกรของเขาก็ถูกทำให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่พลังโจมตีปราณมังกรของราชวงศ์เซี่ยนั้นไม่มีใครเทียบได้ในโลก เพราะมันมีความเข้ากันได้ดีกับ อาณาจักรแปลงร่ามังกรนี่เป็นส่วนสำคัญของแหล่งพลัง”
เย่ฟ่านไตร่ตรองอย่างจริงจัง แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำยังฝึกฝนด้วยคัมภีร์ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดทุกขั้นตอน แต่น่าเสียดายที่เขายังขาดทักษะการโจมตีนอกเหนือจากเก้าญาณวิเศษลึกลับซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้
อย่างไรก็ตามคัมภีร์ของไท่ฮวงภาพเขาฝึกฝนจนถึงระดับเก้าเมื่อผสมผสานกับเก้าญาณวิเศษลึกลับ มันจะทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับการโจมตีของทายาทมังกรที่แท้จริงได้เลย
“การฟื้นคืนชีพของมังกรเก้านิพพานและการก้าวสู่ความเป็นอมตะ…”
อาณาจักรแปลงมังกรนั้นผิดปกติมาก ทุกครั้งที่เย่ฟ่านเข้าสู่การทำสมาธิเขาจะนั่งนิ่งๆอยู่หลายวันวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในหน้าผากของเขาจะปรากฏตัวออกมา
นี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและวิเศษอย่างยิ่ง จิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของเขากลายเป็นชายร่างเล็กสีทองตั้งแต่อาณาจักรสี่สุดขั้วแล้ว
แต่หลังจากที่เขาฝึกฝนคัมภีร์โบราณของจักรพรรดิไท่ฮวงก็ไม่ทราบว่าจิตวิญญาณของเขาไปเอามังกรสีทองตัวเล็กๆมากี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“วิญญาณมังกรตัวนั้นไม่ใช่พลังที่ออกมาจากร่างกายของข้า แล้วมันปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร?”
เมื่อจิตวิญญาณของเขาขี่มังกรขึ้นไปบนท้องฟ้า เย่ฟ่านก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ซู่”
ทันใดนั้น เสียงคำรามของมังกรก็เคลื่อนขึ้นไปบนท้องฟ้าจากนั้นทั้งมังกรและชายร่างเล็กก็จมเข้าไปในหน้าผากของเย่ฟ่าน
ในภูเขาที่ห่างไกล ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆสอดส่องภูเขาทั้งลูกด้วยความรู้สึกทางจิตวิญญาณอันทรงพลัง แผ่กระจายไปทั่วทุกตารางนิ้วของพื้นที่
“ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์”
เย่ฟ่านตกใจเขาเคยเห็นคนคนนี้ นี่เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งของนิกายหยินหยาง ชายคนนี้พบร่องรอยของเขาแล้ว
“ข้าจะดูว่าเจ้ากำลังจะไปไหน”
ในไม่ช้าชายผู้ทรงพลังที่มีพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวก็พบจุดที่เขานั่งอยู่ก่อนจะกระแทกฝ่ามือขนาดใหญ่ลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังการโจมตีทั้งหมด
เย่ฟ่านขยับตัวห่างออกไปหลายพันจิ้ง ทิ้งภาพติดตาบนหน้าผา และปรากฏตัวบนยอดเขาอีกแห่ง
“พรึ่บ”
แขนเสื้อขนาดใหญ่ปกคลุมท้องฟ้า และทันใดนั้น หน้าผาสูง หนึ่งพันจั้งก็ถูกดูดเข้าไปในแขนเสื้อ ยอดเขาที่อยู่ติดกันหลายแห่งก็พังทลายลง
สีหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปวิธีการของผู้ยิ่งใหญ่คนนี้น่ากลัวจริงๆทันทีที่ปรากฏตัวออกมาเขาก็สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ได้ในครั้งเดียว
“เด็กน้อยเจ้าจะหนีไปไหน”
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ก้าวไปข้างหน้า กฎแห่งสวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือน ค่ายกลเต๋าทุกประเภทถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกลายเป็นถนนสีทองซึ่งแผ่ขยายไปยังเย่ฟ่าน
นิ้วทั้งห้าก็เหยียดเข้าหากันในทันที เส้นสีดำหนาห้าเส้นก็พุ่งออกมา หลอมรวมในความว่างเปล่ากลายเป็นกรงที่มีแสงสีดำริบหรี่ตกลงมา
“นี่คือเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ร่างกายของเขาไม่ดีเท่าของข้า แต่พลังปราณของเขานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะต้านทานได้” แสงสว่างในดวงตาของเย่ฟ่านส่องประกาย
“เจ้าหาข้าเจอได้อย่างไร”
“เจ้าคิดว่าเจ้าหนีจากพวกเราพ้น ในโลกนี้ไม่มีที่สำหรับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปไหน เราย่อมตามจนเจอ”
เย่ฟ่านตกใจ จักรพรรดิดำให้หยกสามชิ้นแก่เขาแต่ตอนนี้มันได้รับความเสียหายและเขาไม่สามารถใช้มันเพื่อหนีได้อีกแล้ว
เขาจึงทำได้เพียงอาศัยความเร็วหันหลังกลับและพุ่งตัวออกไปทันที
แต่ทันใดนั้น มีมือใหญ่อีกมือหนึ่งพุ่งเข้ามา ฝ่ามือนี้ใหญ่โตกว่าพันจั้งมันกดเข้าหาตัวเขาราวกับท้องฟ้าถล่มลงมา
“ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์อีกคน”
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นแรง ฝีเท้าของเขาซับซ้อนขึ้น และเขาได้ทะลวงออกจากวงล้อมด้วยความเร็วราวกับดาวตก
“ผู้คนจากตระกูลเซียวก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ในขณะนั้นผู้สูงสุดกว่าสิบคนปรากฏตัวขึ้นจากทุกทิศทุกทาง และพยายามปิดล้อมเขาไว้
“พวกเจ้าทั้งหมดมาเพื่อสังหารข้าหรือ? สักวันหนึ่งข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
ปัง!
เย่ฟ่านส่งเสียงคำรามและเร่งเร้าพลังจนถึงขีดสุด พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพิ่มขึ้นกว่าสิบเท่าและในขณะที่ทุกคนกำลังกระชับวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ เขาก็ทะลวงผ่านความว่างเปล่าและหายไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว
“ฝีเท้าของเขา!”