ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 77 ผู้บัญชาการหมาป่าทองแดง
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 77 ผู้บัญชาการหมาป่าทองแดง
แปลโดย iPAT
“ได้ ได้ ได้!” ผู้พิทักษ์เฟิงกล่าว “วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแต่ข้าจะตัดเอ็นมือเอ็นเท้าของเท้าและนำเจ้ากลับเรือนจำหมาป่าอินทรีย์เพื่อบำบัด!”
เรือนจำหมาป่าอินทรีย์!
แม้แต่หัวหน้าหออู๋ที่มากับผู้พิทักษ์เฟิงก็ยังสั่นเมื่อได้ยินคำนี้ เรือนจำหมาป่าอินทรีย์เป็นคุกที่อยู่ในสังกัดของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ พวกเขาใช้มันเพื่อสอบสวนอาชญากร มีข่าวลือว่าพวกเขามีวิธีทรมานที่โหดร้ายร้อยแปดวิธีและไม่มีผู้ใดสามารถรับการทรมานมากกว่าสิบวิธีก่อนจะเสียชีวิต กระทั่งตัวตนที่ทรงพลังในยุทธภพก็ยังถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆและต้องคุกเข่าร้องขอความตายอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉิงซานใช้มือสัมผัสดาบดาวหาง เขาพร้อมที่จะใช้กำลังแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและด้วยความเย่อหยิ่งของผู้พิทักษ์เฟิง มันไร้ประโยชน์แม้เขาจะส่งมอบโสมจิตวิญญาณตอนนี้
ด้วยการพึ่งพาสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณดาบดาวหาง เขาอาจมีโอกาสฆ่าคนผู้นี้ เขาเคยเห็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณมาสองสามชิ้น ไม่มีชิ้นใดที่สามารถเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาครอบครองอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเขาไม่มั่นใจเต็มร้อยเพราะกระทั่งนักสู้ชั้นหนึ่งยังมีไพ่ตายเป็นของตนเอง ผู้พิทักษ์เฟิงเป็นจอมยุทธ์กำลังภายในที่มาจากกองกำลังใหญ่ เขาจะไม่มีไพ่ตายบางอย่างได้อย่างไร
“ดาบประหารชีวิต!”
ผู้พิทักษ์เฟิงยกดาบขึ้นเหนือศีรษะขณะที่แสงบนดาบควบแน่นและกลายเป็นรัศมีแสงยาวออกไปสามฟุต
ก่อนที่ดาบจะขยับ รัศมีแสงจากดาบก็ทำให้หลี่ฉิงซานรู้สึกเหมือนนักโทษที่อยู่บนลานประหารและกำลังจะถูกลงทัณฑ์
นักสู้ชั้นหนึ่งทั่วไปไม่สามารถรวบรวมจิตใจต่อหน้าสิ่งนี้ มันจะทำให้พลังของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อแสงสีแดงส่องประกายขึ้นในดวงตาของหลี่ฉิงซาน มันก็ทำลายอิทธิพลนี้ทันที
“เสียงคำรามปีศาจพยัคฆ์!” พลังปราณในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านขึ้น ด้วยเสียงคำรามของเขา ไหสุราทั้งหมดที่อยู่ในโรงเตี้ยมระเบิดพร้อมกัน
“ปีศาจวัวหวิด!” ไม้เท้าขักขระในมือของเขาพุ่งไปข้างหน้า
หากดาบในมือผู้พิทักษ์เฟิงเป็นดาบของเพชฌฆาตที่กำลังจะปลิดชีพนักโทษประหาร หลี่ฉิงซานก็เป็นอาชญากรที่อยู่นอกกฎหมาย
ดาบและไม้เท้าพุ่งเข้าหากัน แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินความเป็นความตาย แสงสีแดงสองสายก็พุ่งเข้ามาและทำให้อาวุธทั้งสองกระเด็นออกไป
ผู้พิทักษ์เฟิงคำรามด้วยความโกรธและแปลกใจ “ผู้ใด!?”
หลี่ฉิงซานไม่พูดแต่เขาลอบตกใจเช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองสิ่งที่ทำให้อาวุธของพวกเขาร่วงหล่นลง เขาก็รู้สึกพูดไม่ออก พวกมันไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพแต่เป็นเม็ดถั่ว พวกมันดูเหมือนเม็ดถั่วธรรมดาแต่พวกมันยังคงรูปร่างที่สมบูรณ์แบบหลังจากเคาะดาบและไม้เท้า
“เจ้าชื่อเฟิงจางใช่หรือไม่? หากเจ้าใช้เวลารังแกเด็กไปฝึกฝน เจ้าคงไม่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสอง”
เสียงสายนั้นลอยอยู่รอบๆทำให้ผู้คนไม่สามารถระบุที่มาของมัน ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานพลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนคานของโรงเตี้ยมและเห็นแสงสว่างราวกับคบเพลิง
“ลงมา!” เฟิงจางมองตามหลี่ฉิงซานและสะบัดยันต์ออกจากแขนเสื้อ
ยันต์พุ่งผ่านอากาศและกลายเป็นลูกไฟบินไปยังเป้าหมาย
แม้หลี่ฉิงซานจะไม่ใช่เป้าหมายของลูกไฟ แต่เขายังรู้สึกถึงความร้อนแรงของมัน หากเขาถูกโจมตีด้วยสิ่งนี้ ชะตากรรมของเขาจะน่าอนาถมาก ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นวิธีการของจอมยุทธ์กำลังภายใน พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่สิ้นหวังเช่นซ่งเซียงอู๋ที่กัดลิ้นของตนเอง พวกเขาสามารถกระตุ้นใช้งานมันโดยตรงด้วยพลังปราณและจากความง่ายดายที่เฟิงจางใช้สิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามียันต์มากกว่าหนึ่งแผ่น
ร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากคาน เขาเอื้อมมือคว้าจับลูกไฟโดยตรง เมื่อลงสู่พื้น ไฟก็ดับไปแล้ว
ราวกับเขาไม่ได้ทำสิ่งที่ควรค่าแก่การสนใจใดๆ เขามองไปที่หลี่ฉิงซานและกล่าว “แปลกมาก เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งแต่เจ้ากลับมองเห็นข้างั้นหรือ?” เขาสามารถบอกได้ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวว่าพลังในร่างของหลี่ฉิงซานไม่ใช่พลังภายในแต่เป็นพลังปราณที่แท้จริง
เป็นเพียงเวลานี้ที่หลี่ฉิงซานเห็นรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ เขาดูเหมือนชายอายุยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี คิ้วของเขาเหมือนจันทร์เสี้ยว ดวงตาของเขาเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ใบหน้าของเขาเหมือนประติมากรรมหยก เขาถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณที่คล้ายกับน้ำไหลซึ่งทำให้เขาดูเหมือนคบเพลิงในความมืด นี่เป็นสาเหตุที่หลี่ฉิงซานมองเห็นเขา
ชุดสีแดงที่เขาสวมคล้ายเครื่องแบบของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แต่มันปักรูปหมาป่าสีแดงที่เงยหน้าเห่าหอนขึ้นสู่ท้องฟ้า เขามีป้ายที่ดูคล้ายกันแขวนไว้ที่เอวแต่มันเป็นสีทองแดง
“ผะ...ผู้บัญชาการหมาป่าทองแดง!” หัวหน้าหออู๋ไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อนแต่เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของอีกฝ่าย ท่ามกลางผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ ผู้พิทักษ์หมาป่าทองแดงมีสถานะสูงกว่าผู้พิทักษ์หมาป่าเหล็กดำ ขณะที่ผู้บัญชาการอยู่บนจุดสูงสุดของกลุ่มผู้พิทักษ์ ในมณฑลชิงเหอมีไม่กี่คนที่มีอำนาจมากกว่าเขา เขายืนอยู่เหนือคนหลายพันและเป็นผู้มีอำนาจที่สามารถตัดสินชะตากรรมของผู้คนด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
“ผู้บัญชาการฮัว!” เฟิงจางที่เคยหยิ่งยโสกลายเป็นหนูตัวน้อยต่อหน้าคนผู้นี้ เขารู้สึกเสียใจมากจนอยากตบหน้าตัวเอง
เฟิงจางยังเด็กและใจร้อน เขาเข้าร่วมองค์กรผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองและหยิ่งยโสมากขึ้นทุกวัน เขามายังเมืองชิงหยางและบังคับให้นักสู้ชั้นหนึ่งสี่คนล่าถอยด้วยประโยคเดียว นี่ยิ่งทำให้เขาคึกคะนองมากขึ้น แต่การปฏิเสธของหลี่ฉิงซานทำให้เขาประหลาดใจ ดังนั้นเขาจึงโจมตีด้วยความโกรธแต่ผู้ใดจะคิดว่าการโจมตีของเขาจะล้มเหลว
เขากำลังจะใช้ทักษะพิเศษเพื่อกู้คืนใบหน้าให้กับตนเองแต่เขากลับถูกขัดจังหวะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่แยแสมือที่สามเพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ แต่เขาไม่เคยคิดว่าคนผู้นี้จะเป็นผู้บัญชาการหมาป่าทองแดง หลังจากทั้งหมดโดยปกติแล้วผู้บัญชาการหมาป่าทองแดงจะไม่ออกจากเมืองหลวงแม้เขาจะมีเวลาว่างก็ตาม เฟิงจางรู้สึกเหมือนกับพบฉลามตัวใหญ่ในสระเล็กๆ เขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าจำข้าได้งั้นหรือ? เราเคยพบกันเพียงครั้งเดียว”
“ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เคยลืมผู้บัญชาการฮัว สิ่งที่น่าแปลกมากกว่าคือผู้บัญชาการฮัวจำข้าได้” เฟิงจางก้มศีรษะลงและแสดงออกอย่างสุภาพ
สมาชิกใหม่ของหน่วยหมาป่าอินทรีย์ทุกคนในมณฑลชิงเหอต้องรายงานตัวต่อผู้บัญชาการของพวกเขา เฟิงจางก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถลืมหัวหน้าของเขา ฮัวเฉิงซาน หรือ ผู้บัญชาการฮัว ผู้นี้
ฮัวเฉิงซานกล่าว “เจ้าได้รับมอบหมายให้ดูแลเมืองเจียผิงมิใช่หรือ? เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?”
เฟิงจางเต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามรวบรวมความคิด แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบคำถาม ฮัวเฉิงซานก็โบกมือและกล่าวว่า “ลืมมันไปซะ ตาแก่หวังก็มาด้วย ไปหาเขาเถอะ!”
ตาแก่หวัง!
หัวใจของเฟิงจางแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เห็นได้ชัดว่าฮัวเฉิงซานไม่ได้กล่าวถึงเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ชื่อตาแก่หวังแต่เป็นผู้คุมกฎ หวังฝูซื่อ แน่นอนว่ามีคนไม่มากนักที่กล้าเรียกเขาว่าตาแก่หวัง คนในยุทธภาพกล่าวกันว่า “เจ้าจะอยากพบราชานรกมากกว่าตาแก่หวัง หากเจ้าพบตาแก่หวัง เจ้าจะได้พบราชานรก”
หัวหน้าหออู๋เงียบและรู้สึกเหมือนสมองกำลังจะระเบิด เขาเพียงต้องการฉกชิงโสมจิตวิญญาณจากเด็กน้อยผู้หนึ่งแต่เขากลับนำตนเองเข้ามาพัวพันกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยังไม่ต้องกล่าวถึงหัวหน้าหออู๋ กระทั่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์หรือเจ้าสำนักกำปั้นเหล็กก็ยังต้องระวังตัวและทำตัวสุภาพต่อหน้าตัวตนระดับนี้ แต่เหตุใดตัวตนเช่นนี้จึงปรากฏตัวขึ้นในเมืองที่ห่างไกลเช่นเมืองชิงหยาง?
ฮัวเฉิงซานกล่าวกับหลี่ฉิงซาน “เจ้าหนู มาเถอะ มีคนต้องการพบเจ้า!”