Ep.362 - ปฏิบัติการลอบสังหาร
3/3
Ep.362 - ปฏิบัติการลอบสังหาร
ฮังอวี่ต้องเตรียมความพร้อมถึงสามด้าน
ด้านแรกคือเสริมสร้างพัฒนาเมืองหุบเขาเดียวดาย
ทรัพยากรที่ได้รับจากสงครามหลายครั้ง รวมไปถึงทรัพยากรที่รวบรวมจากช่องทางในโลกมนุษย์ได้ถูกนำมายังเมืองหุบเขาเดียวดาย สร้างสมุนทหาร อัพเกรดอาคารและเสริมการป้องกัน
ด้านที่สองคือเพิ่มพลังรบส่วนบุคคล
ฮังอวี่นำหินสกิลสีฟ้าใสขั้น 3 ที่พึ่งได้รับออกมา และขอให้ฉูเทียนหัว ซูหยุนปิงช่วยประกาศออกไป ว่าต้องการใช้มันแลกเปลี่ยนกับหินสกิลนักรบเงาลมกรด
ด้านที่สามคือเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนา และจัดหาอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
อุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตรามีบทบาทสำคัญมากในสงคราม แล้วอีกอย่างอาวุธชนิดนี้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเลเวล ดังนั้นยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี
ซูหยุนปิงเข้ามาและพูดว่า “มีข่าวใหม่เกี่ยวกับเมืองหยุนสุ่ย!”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “ผมได้ยินมาว่าสกายเน็ตรวบรวมพลบุกโจมตีฐานของผู้เบิกทางมนุษย์ปลาไปหลายครั้ง และทุกครั้งเป็นไปด้วยดี ตอนนี้พวกมันน่าจะถูกกำจัดหมดแล้ว ... หรืออย่าบอกนะว่าชาลู่เกิดปัญหาในการรวบรวมเศษซากฐานของผู้เบิกทางตนอื่นๆ?”
ซูหยุนปิงส่ายหัว “งานรวบกลืนฐานของผู้เบิกทางตนอื่นๆเป็นไปอย่างราบรื่น ชาลู่ได้รับทหารมนุษย์ปลามาหลายพันตัว แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ ในกลุ่มผู้เบิกทาง มีบางรายรอดตายจากการจู่โจมของสกายเน็ต และตอนนี้พวกมันมาถึงเมืองหยุนสุ่ยแล้ว”
ฮังอวี่ตกใจมาก “ว่าอะไรนะ! ผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งยังไม่ตาย แถมยังหลบหนีไปที่อาณาเขตของชาลู่! เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วพวกมันค้นพบตัวตนสายลับของชาลู่รึยัง?”
ซูหยุนปิงกล่าว “พึ่งเกิดขึ้นไม่นาน ชาลู่ยังไม่น่าถูกเปิดโปง เพราะสุดท้ายแล้วยังไม่มีกองทัพมนุษย์ถูกส่งไปประจำการที่หยุนสุ่ย ยังไงก็ตาม ผู้เบิกทางที่รอดจากสงครามคิดจะฮุบดินแดนของชาลู่”
โชคดีที่ยังไม่ถูกเปิดโปง!
ฮังอวี่โล่งใจ
ซูหยุนปิงกล่าวต่อ “ประเด็นก็คือเจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งมาก ชาลู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ถ้าเรายังปล่อยไว้ต่อไป ฉันกลัวว่าฐานหยุนสุ่ยจะถูกยึด เราต้องหาวิธีกำจัดมัน”
“เข้าใจแล้ว อาจารย์ไปบอกชาลู่ก่อนว่าอย่าโวยวายให้อีกฝ่ายผิดสังเกต”
ฮังอวี่ถอนหายใจและพูดต่อ “ผมคิดว่าถ้าได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้วจะมีเวลาได้ขี้เกียจซะอีก แต่กลายเป็นว่าพวกเราต้องลุกไปเก็บกวาดด้วยตัวเองอยู่ดี”
ฮังอวี่โทรหาฉูเทียนหัว
“ว่าไง?” ฉูเทียนหัวรับสาย “แต่ช่วยฟังเรื่องของฉันก่อนนะ ฉันมีข่าวดีมาบอก หินสกิลที่นายต้องการถูกส่งจากเมืองอื่นมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตอนนี้พวกเรามานัดเจอกันแล้วส่งมอบมันดีไหม?”
“จริงหรือ? เยี่ยมไปเลย! ผมเองก็มีบางอย่างต้องจัดการเหมือนกัน อยากได้ความช่วยเหลือจากสำนักข่าวกรองพอดี”
ฮังอวี่อธิบายสถานการณ์สั้นๆ
ฉูเทียนหัวไม่กล้าชักช้า ออกเดินทางพร้อมยอดฝีมือหลายคนจากสำนักข่าวกรองทันที
หลังจากได้พบกัน
ฮังอวี่กวาดสายตาดูคนอื่นๆที่ฉูเทียนหัวนำมา
อีกฝ่ายนำสมาชิกมาทั้งหมด 4 คน
ในหมู่พวกเขา มีสองพี่น้องที่ฮังอวี่รู้จัก เหลียงตง เหลียงชิว นอกจากนั้นก็เป็นชายหนุ่มอีกสองคน
ทั้งสี่เดิมมียศร้อยตรีเป็นหัวหน้าทีมชั้นยอดของสกายเน็ต
หากไม่มีอะไรผิดพลาด
เมื่อกองพลใหม่จัดตั้ง พวกเขาจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย
แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณถูกจัดตั้งขึ้นเสียก่อน และฉูเทียนหัวได้มอบหมายเรื่องคัดเลือกสมาชิกให้แก่ฮังอวี่
ฮังอวี่คัดเลือกตามคุณสมบัติและความสามารถที่เหมาะสมกับสำนักข่าวกรอง และทั้งสี่คนได้รับเลือกในเวลานั้น
ปัจจุบันพวกเขาได้กลายเป็นตัวแทนของสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง!
แต่เรื่องนั้นไว้คุยกันทีหลัง อันดับแรกแลกเปลี่ยนหินสกิลกันก่อน
ฮังอวี่หยิบหินสกิลสีฟ้าใส ‘ปราณกระบี่วินาศ’ ออกมา
ฉูเทียนหัวหยิบหินสกิลสีฟ้าใส ‘เนตรแห่งเงา’ ออกมา
ฮังอวี่พอได้เห็นหินสกิลก้อนนี้
เขาถอนหายใจยาว
ในที่สุดก็ได้รับหินสกิลก้อนนี้มา
เจ้าสิ่งนี้มีความหมายสำหรับเขามาก
โดยไม่มีลังเลใดๆ
ฮังอวี่จ่าย 3000 แต้มวิญญาณ เรียนรู้สกิลนี้ทันที
ฮังอวี่ทดสอบสกิลใหม่ของเขา ทันทีที่เนตรแห่งเงาเปิดใช้งาน ดวงตาทั้งสองข้างของฮังอวี่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และคล้ายมีอักษรรูนจำนวนมากวิ่งวนอยู่ในดวงตา อีกทั้งม่านตาเขายังฉายแสงสีแดงสดใสราวกับภูติผี
ในชั่วพริบตา
โลกทั้งใบเปลี่ยนไป
ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคืออัตราการไหลของเวลาเชื่องช้าลง
ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของผู้คนที่เดินบนท้องถนน ความเร็วเวลาคนขยับปากพูด หรืออะไรทำนองนั้น
ทุกสิ่งที่มีการเคลื่อนไหว เมื่อฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลนี้ มันจะเชื่องช้าลงอย่างน้อย 50%
สามารถมองอะไรได้ดีขึ้น โลกทั้งใบชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
ฮังอวี่สามารถแยกแยะสีต่างๆที่ยากต่อการมองเห็นของมนุษย์
เขาสามารถมองเห็นไฝสีดำบนคอข้างขวาของเด็กสาวที่อยู่ห่างออกไป 100 เมตร
สามารถแยกแยกลวดลายของใบไม้แต่ละใบที่อยู่เหนือหัวตนเองได้อย่างชัดเจน
การมองเห็นแบบใหม่ของฮังอวี่น่ะทรงพลังมาก ตอนนี้เขามั่นใจสุดๆว่าต่อให้ถูกปืนกลยิงจ่อหน้า ก็ยังสามารถแยกแยะลวดลายและวิถีกระสุนแต่ละนัดในอากาศได้
เนตรแห่งเงาคือสกิลหลักของนักรบเงาลมกรดที่เป็นมรดกขั้น 3
นี่ไม่ใช่สกิลสายโจมตี
ทว่ากลับมีเอฟเฟกต์อันทรงพลัง!
ความเข้าใจและการสังเกตทั้งหมดได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเป็นสิบเท่า!
ความว่องไว ความปราดเปรียว ปฏิกิริยาทั้งหมดเพิ่มขึ้นอย่างมาก!
ภายใต้การจับจ้องโดยเนตรแห่งเงา ภาพการเคลื่อนไหวทุกสิ่งทุกอย่างราวกับสโลว์โมชั่น!
ด้วยสกิลนี้
ฮังอวี่จะสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้ทันเวลาแม้อยู่ท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยการโจมตี
ยามฮังอวี่ต้องสู้กับยอดฝีมือชั้นนำ มันจะส่งผลดีต่อเขามหาศาล ช่วยให้รับมือได้ง่ายขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มเพื่อกวาดล้างมอนสเตอร์ ต่อสู้กับ BOSS หรือสู้ตัวต่อตัว
เนตรแห่งเงาเป็นสกิลที่ดี!
สกิลนี้สามารถใช้งานได้ทันที และไม่มีระยะเวลาคูลดาวน์
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันสิ้นเปลืองพลังจิตมากเกินไป
ในทุกๆวินาทีต้องจ่ายพลังจิตอย่างน้อย 6 หน่วย
นี่ทำให้ฮังอวี่รู้สึกลำบากเล็กน้อย ไม่สามารถเปิดใช้งานมันเป็นเวลานาน
ฉูเทียนหัวเบื้องหน้าเขา เมื่อรับหินสกิลปราณกระบี่วินาศมาก็เรียนรู้มันทันที
ฮังอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย “นี่คุณ ...”
“อีกไม่นานพวกเราจะมีสงครามใหญ่ในโลกวิญญาณ ทางรัฐบาลเป็นห่วงพวกเรามาก หินสกิลนี้ถือเป็นหนึ่งในการสนับสนุนองค์กรมังกรคราม” ฉูเทียนหัวกล่าวอย่างสงบ จากนั้นเอ่ยต่อว่า “มาพูดถึงเรื่องเมืองหยุนสุ่ยกันเลยเถอะ”
ฮังอวี่กล่าว “สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ง่ายมาก นั่นคือการแอบเข้าไปในเมืองหยุนสุ่ยอย่างเงียบๆ ค้นหาผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งที่หลบหนีเข้ามา และเก็บกวาดพวกมัน โดยชาลู่จะคอยประสานงานสร้างโอกาสให้”
“ถ้าพวกเราหลายคนร่วมมือกัน ภารกิจนี้ไม่น่าจะผิดพลาด”
ฉูเทียนหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ช่วงนี้ฉันวุ่นอยู่กับทางสำนักข่าวกรอง เพราะงั้นเลยไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามปิดล้อมปราบปรามผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งของทางสกายเน็ต”
“แต่เท่าที่ฉันรู้ ภารกิจปิดล้อมปราบปรามนี้ถือเป็นภารกิจพิเศษที่ผู้บริหารของเจียงเฉิงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก”
“ผู้บัญชาการเล่ยออกหน้าด้วยตัวเอง รวมไปถึงยอดฝีมือชั้นนำของสกายเน็ตเช่นกัน”
“แต่ถึงขนาดนั้นพวกมันก็ยังหลบหนีมาได้ ... แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”
ฮังอวี่กล่าว “เพราะอย่างนั้นเลยต้องถึงมือพวกเราไง”
ฝั่งฮังอวี่นำซูหยุนปิง เสี่ยวไป๋ และหวังเอ่อมาด้วย
ด้าน ฉูเทียนหัวนำเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองที่เป็นชนชั้นยอดมาถึง 4 คน
นอกจากนี้ภายในเมืองหยุนสุ่ยยังมีชาลู่คอยประสานงาน
ข้อได้เปรียบที่จะใช้ลอบสังหารนั้นมีเยอะมาก
ฉูเทียนหัวกล่าว “เรื่องนี้ไม่ควรล่าช้า พวกเราต้องลงมือทันที”
ฮังอวี่ก็คิดเหมือนกัน
เขาเรียกเจ้าหมาออกมาและวิ่งไปพร้อมคนอื่นๆ มุ่งหน้าสู่เมืองหยุนสุ่ย
ซูหยุนปิงเอ่ยขึ้นระหว่างทาง “สถานการณ์ในตอนนี้ ชาลู่ได้นำผู้เบิกทางที่หลบหนีออกจากพื้นที่สำคัญแล้ว ปัจจุบันพวกเขาอยู่ในโกดังที่สามของมนุษย์ปลา”
“ผู้เบิกทางคนนี้ชื่อปาซาร์ เป็นนักรบมนุษย์ฉลาม พลังรบแก่กล้ามาก เขามาพร้อมกับผู้เบิกทางที่อ่อนแอกว่าอีกสองตน มีความแข็งแกร่งไม่ต่ำกว่าเลเวล 11”
“ชาลู่จะพยายามถ่วงเวลาปาซาร์ แต่น่าจะเพิ่มเวลาให้พวกเราแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ทางเราต้องมั่นใจว่าจะกำจัดผู้เบิกทางทั้งสามให้ได้”
“...”
เธอยังคงอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของผู้เบิกทางทั้งสาม
ฉูเทียนหัว ฮังอวี่ มองหน้ากัน ก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณว่าไม่มีปัญหา
“ในเมื่อเข้าใจข้อมูลพื้นฐานแล้ว ก็มาเริ่มกันเลย ครั้งนี้พวกเราจะเก็บกวาดให้เกลี้ยง ไม่ทิ้งปัญหาไว้ภายหลังอีก”
“เริ่มปฏิบัติการได้!”