ตอนที่แล้วEp.361 - กองทัพพันธมิตรสามเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.363 - ความสามารถใหม่ของราชินีมดหน้าคน

Ep.362 - ปฏิบัติการลอบสังหาร


3/3

Ep.362 - ปฏิบัติการลอบสังหาร

ฮังอวี่ต้องเตรียมความพร้อมถึงสามด้าน

ด้านแรกคือเสริมสร้างพัฒนาเมืองหุบเขาเดียวดาย

ทรัพยากรที่ได้รับจากสงครามหลายครั้ง รวมไปถึงทรัพยากรที่รวบรวมจากช่องทางในโลกมนุษย์ได้ถูกนำมายังเมืองหุบเขาเดียวดาย สร้างสมุนทหาร อัพเกรดอาคารและเสริมการป้องกัน

ด้านที่สองคือเพิ่มพลังรบส่วนบุคคล

ฮังอวี่นำหินสกิลสีฟ้าใสขั้น 3 ที่พึ่งได้รับออกมา และขอให้ฉูเทียนหัว ซูหยุนปิงช่วยประกาศออกไป ว่าต้องการใช้มันแลกเปลี่ยนกับหินสกิลนักรบเงาลมกรด

ด้านที่สามคือเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนา และจัดหาอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

อุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตรามีบทบาทสำคัญมากในสงคราม แล้วอีกอย่างอาวุธชนิดนี้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเลเวล ดังนั้นยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี

ซูหยุนปิงเข้ามาและพูดว่า “มีข่าวใหม่เกี่ยวกับเมืองหยุนสุ่ย!”

ฮังอวี่เอ่ยถาม “ผมได้ยินมาว่าสกายเน็ตรวบรวมพลบุกโจมตีฐานของผู้เบิกทางมนุษย์ปลาไปหลายครั้ง และทุกครั้งเป็นไปด้วยดี ตอนนี้พวกมันน่าจะถูกกำจัดหมดแล้ว ... หรืออย่าบอกนะว่าชาลู่เกิดปัญหาในการรวบรวมเศษซากฐานของผู้เบิกทางตนอื่นๆ?”

ซูหยุนปิงส่ายหัว “งานรวบกลืนฐานของผู้เบิกทางตนอื่นๆเป็นไปอย่างราบรื่น ชาลู่ได้รับทหารมนุษย์ปลามาหลายพันตัว แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ ในกลุ่มผู้เบิกทาง มีบางรายรอดตายจากการจู่โจมของสกายเน็ต และตอนนี้พวกมันมาถึงเมืองหยุนสุ่ยแล้ว”

ฮังอวี่ตกใจมาก “ว่าอะไรนะ! ผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งยังไม่ตาย แถมยังหลบหนีไปที่อาณาเขตของชาลู่! เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วพวกมันค้นพบตัวตนสายลับของชาลู่รึยัง?”

ซูหยุนปิงกล่าว “พึ่งเกิดขึ้นไม่นาน ชาลู่ยังไม่น่าถูกเปิดโปง เพราะสุดท้ายแล้วยังไม่มีกองทัพมนุษย์ถูกส่งไปประจำการที่หยุนสุ่ย ยังไงก็ตาม ผู้เบิกทางที่รอดจากสงครามคิดจะฮุบดินแดนของชาลู่”

โชคดีที่ยังไม่ถูกเปิดโปง!

ฮังอวี่โล่งใจ

ซูหยุนปิงกล่าวต่อ “ประเด็นก็คือเจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งมาก ชาลู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ถ้าเรายังปล่อยไว้ต่อไป ฉันกลัวว่าฐานหยุนสุ่ยจะถูกยึด เราต้องหาวิธีกำจัดมัน”

“เข้าใจแล้ว อาจารย์ไปบอกชาลู่ก่อนว่าอย่าโวยวายให้อีกฝ่ายผิดสังเกต”

ฮังอวี่ถอนหายใจและพูดต่อ “ผมคิดว่าถ้าได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้วจะมีเวลาได้ขี้เกียจซะอีก แต่กลายเป็นว่าพวกเราต้องลุกไปเก็บกวาดด้วยตัวเองอยู่ดี”

ฮังอวี่โทรหาฉูเทียนหัว  ​

“ว่าไง?” ฉูเทียนหัวรับสาย “แต่ช่วยฟังเรื่องของฉันก่อนนะ ฉันมีข่าวดีมาบอก หินสกิลที่นายต้องการถูกส่งจากเมืองอื่นมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตอนนี้พวกเรามานัดเจอกันแล้วส่งมอบมันดีไหม?”

“จริงหรือ? เยี่ยมไปเลย! ผมเองก็มีบางอย่างต้องจัดการเหมือนกัน อยากได้ความช่วยเหลือจากสำนักข่าวกรองพอดี”

ฮังอวี่อธิบายสถานการณ์สั้นๆ

ฉูเทียนหัวไม่กล้าชักช้า ออกเดินทางพร้อมยอดฝีมือหลายคนจากสำนักข่าวกรองทันที

หลังจากได้พบกัน

ฮังอวี่กวาดสายตาดูคนอื่นๆที่ฉูเทียนหัวนำมา

อีกฝ่ายนำสมาชิกมาทั้งหมด 4 คน   ​

ในหมู่พวกเขา มีสองพี่น้องที่ฮังอวี่รู้จัก เหลียงตง เหลียงชิว นอกจากนั้นก็เป็นชายหนุ่มอีกสองคน

ทั้งสี่เดิมมียศร้อยตรีเป็นหัวหน้าทีมชั้นยอดของสกายเน็ต

หากไม่มีอะไรผิดพลาด

เมื่อกองพลใหม่จัดตั้ง พวกเขาจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย

แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณถูกจัดตั้งขึ้นเสียก่อน และฉูเทียนหัวได้มอบหมายเรื่องคัดเลือกสมาชิกให้แก่ฮังอวี่

ฮังอวี่คัดเลือกตามคุณสมบัติและความสามารถที่เหมาะสมกับสำนักข่าวกรอง และทั้งสี่คนได้รับเลือกในเวลานั้น

ปัจจุบันพวกเขาได้กลายเป็นตัวแทนของสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง!

แต่เรื่องนั้นไว้คุยกันทีหลัง อันดับแรกแลกเปลี่ยนหินสกิลกันก่อน

ฮังอวี่หยิบหินสกิลสีฟ้าใส ‘ปราณกระบี่วินาศ’ ออกมา

ฉูเทียนหัวหยิบหินสกิลสีฟ้าใส ‘เนตรแห่งเงา’  ออกมา

ฮังอวี่พอได้เห็นหินสกิลก้อนนี้

เขาถอนหายใจยาว

ในที่สุดก็ได้รับหินสกิลก้อนนี้มา

เจ้าสิ่งนี้มีความหมายสำหรับเขามาก

โดยไม่มีลังเลใดๆ

ฮังอวี่จ่าย 3000 แต้มวิญญาณ  เรียนรู้สกิลนี้ทันที

ฮังอวี่ทดสอบสกิลใหม่ของเขา ทันทีที่เนตรแห่งเงาเปิดใช้งาน ดวงตาทั้งสองข้างของฮังอวี่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และคล้ายมีอักษรรูนจำนวนมากวิ่งวนอยู่ในดวงตา อีกทั้งม่านตาเขายังฉายแสงสีแดงสดใสราวกับภูติผี

ในชั่วพริบตา

โลกทั้งใบเปลี่ยนไป

ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคืออัตราการไหลของเวลาเชื่องช้าลง

ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของผู้คนที่เดินบนท้องถนน  ความเร็วเวลาคนขยับปากพูด หรืออะไรทำนองนั้น

ทุกสิ่งที่มีการเคลื่อนไหว เมื่อฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลนี้ มันจะเชื่องช้าลงอย่างน้อย 50%

สามารถมองอะไรได้ดีขึ้น โลกทั้งใบชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

ฮังอวี่สามารถแยกแยะสีต่างๆที่ยากต่อการมองเห็นของมนุษย์

เขาสามารถมองเห็นไฝสีดำบนคอข้างขวาของเด็กสาวที่อยู่ห่างออกไป 100 เมตร

สามารถแยกแยกลวดลายของใบไม้แต่ละใบที่อยู่เหนือหัวตนเองได้อย่างชัดเจน

การมองเห็นแบบใหม่ของฮังอวี่น่ะทรงพลังมาก ตอนนี้เขามั่นใจสุดๆว่าต่อให้ถูกปืนกลยิงจ่อหน้า ก็ยังสามารถแยกแยะลวดลายและวิถีกระสุนแต่ละนัดในอากาศได้

เนตรแห่งเงาคือสกิลหลักของนักรบเงาลมกรดที่เป็นมรดกขั้น 3

นี่ไม่ใช่สกิลสายโจมตี

ทว่ากลับมีเอฟเฟกต์อันทรงพลัง!

ความเข้าใจและการสังเกตทั้งหมดได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเป็นสิบเท่า!

ความว่องไว ความปราดเปรียว ปฏิกิริยาทั้งหมดเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

ภายใต้การจับจ้องโดยเนตรแห่งเงา ภาพการเคลื่อนไหวทุกสิ่งทุกอย่างราวกับสโลว์โมชั่น!

ด้วยสกิลนี้

ฮังอวี่จะสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้ทันเวลาแม้อยู่ท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยการโจมตี

ยามฮังอวี่ต้องสู้กับยอดฝีมือชั้นนำ มันจะส่งผลดีต่อเขามหาศาล ช่วยให้รับมือได้ง่ายขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มเพื่อกวาดล้างมอนสเตอร์ ต่อสู้กับ BOSS หรือสู้ตัวต่อตัว

เนตรแห่งเงาเป็นสกิลที่ดี!

สกิลนี้สามารถใช้งานได้ทันที และไม่มีระยะเวลาคูลดาวน์

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันสิ้นเปลืองพลังจิตมากเกินไป

ในทุกๆวินาทีต้องจ่ายพลังจิตอย่างน้อย 6 หน่วย

นี่ทำให้ฮังอวี่รู้สึกลำบากเล็กน้อย ไม่สามารถเปิดใช้งานมันเป็นเวลานาน

ฉูเทียนหัวเบื้องหน้าเขา เมื่อรับหินสกิลปราณกระบี่วินาศมาก็เรียนรู้มันทันที

ฮังอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย “นี่คุณ ...” ​

“อีกไม่นานพวกเราจะมีสงครามใหญ่ในโลกวิญญาณ ทางรัฐบาลเป็นห่วงพวกเรามาก หินสกิลนี้ถือเป็นหนึ่งในการสนับสนุนองค์กรมังกรคราม” ฉูเทียนหัวกล่าวอย่างสงบ จากนั้นเอ่ยต่อว่า “มาพูดถึงเรื่องเมืองหยุนสุ่ยกันเลยเถอะ”

ฮังอวี่กล่าว “สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ง่ายมาก นั่นคือการแอบเข้าไปในเมืองหยุนสุ่ยอย่างเงียบๆ ค้นหาผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งที่หลบหนีเข้ามา และเก็บกวาดพวกมัน โดยชาลู่จะคอยประสานงานสร้างโอกาสให้”​

“ถ้าพวกเราหลายคนร่วมมือกัน ภารกิจนี้ไม่น่าจะผิดพลาด”

ฉูเทียนหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ช่วงนี้ฉันวุ่นอยู่กับทางสำนักข่าวกรอง เพราะงั้นเลยไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามปิดล้อมปราบปรามผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งของทางสกายเน็ต”

“แต่เท่าที่ฉันรู้ ภารกิจปิดล้อมปราบปรามนี้ถือเป็นภารกิจพิเศษที่ผู้บริหารของเจียงเฉิงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก”

“ผู้บัญชาการเล่ยออกหน้าด้วยตัวเอง รวมไปถึงยอดฝีมือชั้นนำของสกายเน็ตเช่นกัน”

“แต่ถึงขนาดนั้นพวกมันก็ยังหลบหนีมาได้ ... แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

ฮังอวี่กล่าว “เพราะอย่างนั้นเลยต้องถึงมือพวกเราไง”

ฝั่งฮังอวี่นำซูหยุนปิง เสี่ยวไป๋ และหวังเอ่อมาด้วย

ด้าน ฉูเทียนหัวนำเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองที่เป็นชนชั้นยอดมาถึง 4 คน

นอกจากนี้ภายในเมืองหยุนสุ่ยยังมีชาลู่คอยประสานงาน

ข้อได้เปรียบที่จะใช้ลอบสังหารนั้นมีเยอะมาก

ฉูเทียนหัวกล่าว “เรื่องนี้ไม่ควรล่าช้า พวกเราต้องลงมือทันที”

ฮังอวี่ก็คิดเหมือนกัน

เขาเรียกเจ้าหมาออกมาและวิ่งไปพร้อมคนอื่นๆ มุ่งหน้าสู่เมืองหยุนสุ่ย

ซูหยุนปิงเอ่ยขึ้นระหว่างทาง “สถานการณ์ในตอนนี้ ชาลู่ได้นำผู้เบิกทางที่หลบหนีออกจากพื้นที่สำคัญแล้ว ปัจจุบันพวกเขาอยู่ในโกดังที่สามของมนุษย์ปลา”

“ผู้เบิกทางคนนี้ชื่อปาซาร์ เป็นนักรบมนุษย์ฉลาม พลังรบแก่กล้ามาก เขามาพร้อมกับผู้เบิกทางที่อ่อนแอกว่าอีกสองตน มีความแข็งแกร่งไม่ต่ำกว่าเลเวล 11”

“ชาลู่จะพยายามถ่วงเวลาปาซาร์ แต่น่าจะเพิ่มเวลาให้พวกเราแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ทางเราต้องมั่นใจว่าจะกำจัดผู้เบิกทางทั้งสามให้ได้”

“...”

เธอยังคงอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของผู้เบิกทางทั้งสาม

ฉูเทียนหัว ฮังอวี่ มองหน้ากัน ก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณว่าไม่มีปัญหา

“ในเมื่อเข้าใจข้อมูลพื้นฐานแล้ว ก็มาเริ่มกันเลย ครั้งนี้พวกเราจะเก็บกวาดให้เกลี้ยง ไม่ทิ้งปัญหาไว้ภายหลังอีก”

“เริ่มปฏิบัติการได้!”