Ep.361 - กองทัพพันธมิตรสามเมือง
2/3
Ep.361 - กองทัพพันธมิตรสามเมือง
ณ เมืองทรายดำ
เนลูฟื้นคืนชีพ
หลังจากเหล่าก็อบลินหมีระดับสูงตัวอื่นๆที่ยังคงประจำการอยู่ในเมืองทรายดำได้รู้ถึงความพ่ายแพ้ของกองทัพ พวกมันต่างมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา
ก่อนหน้านี้เมืองหุบเขาเดียวดายยังอาศัยการคุ้มครองจากขุนนางใหญ่เพื่อความอยู่รอดอยู่เลย
มันคือหนึ่งในดินแดนเล็กที่อ่อนแอที่สุดภายในอาณาเขตของเมืองธารทะเลทราย
เช่นนั้นแล้วไฉนจู่ๆถึงมีพลังขึ้นมาได้?
ถึงขั้นสามารถโค่นกองทัพของท่านขุนนาง
รู้อะไรไหมว่า
แม้เนลูจะดูแคลนเมืองหุบเขาเดียวดายมาก แต่มันไม่ได้ประมาทเสียทีเดียว
ครั้งนี้ยกกองทัพทหารไปมากถึง 1,600 นาย!
และกองทัพเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นชนชั้นยอด!
เอาจริงๆแค่นี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเอามีดฆ่าวัวไปเชือดไก่แล้ว
แต่ทำไมถึงลงเอยด้วยการสูญเสียทหารทั้งหมด?
เนลูรู้สึกโกรธตัวเองอย่างเห็นได้ชัดกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้
แม้เขาจะใช้กริชแห่งการถือกำเนิดใหม่ เพื่อลดทอนการสูญเสียให้น้อยที่สุดก็ตาม
แต่หลังสิ้นสงคราม
กองกำลังของเมืองทรายดำเสียหายไปเกือบครึ่ง
จำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างทหารใหม่
ซึ่งปริมาณของวัสดุที่ใช้สร้างทหารน่ะเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองมาก และนี่เท่ากับว่าเมืองทรายดำอาจต้องสูญเสียรายได้ตลอดทั้งปี จึงเป็นธรรมดาที่เนลูจะโกรธเกรี้ยว!
รองขุนนางกล่าวขึ้น “พลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก พวกเราควรบอกต่อข่าวนี้หรือไม่?”
“เจ้าโง่! บอกต่อ? ทำไมพวกเราต้องบอกต่อด้วย!” เนลูถลึงมองรองขุนนาง “ไม่ใช่แค่ไม่ปล่อยข่าว แต่พวกเราจะยังเก็บมันเป็นความลับไม่ให้เมืองอื่นรู้!”
ก็อบลินหมีสมองไม่ค่อยดี
แม้บางตัวจะสามารถเปิดภูมิปัญญาได้แล้ว แต่เรื่องไหวพริบบางครั้งก็ยังไม่มี
รองขุนนางใช้เวลาคิดอยู่นาน ในที่สุดก็เข้าใจความต้องการของเนลู
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ขุนนางตนอื่นๆจะรู้ว่าเมืองทรายดำสูญเสียกองกำลัง แบบนั้นไม่เท่ากับทำให้พวกตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหรือ?
ความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางเล็กเดิมทีก็ไม่ดีอยู่แล้ว
แม้แต่ขุนนางเผ่าเดียวกันก็ยังมีความแคลงใจซึ่งกันและกัน
เมืองทรายดำใช่ว่าจะไม่มีศัตรูเลย เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนฉวยโอกาสจากเชื้อไฟที่กำลังปะทุขึ้นในตอนนี้?
เนลูกล่าว “ระหว่างปิดข่าว พวกเราจะกระจายข้อมูลปลอมออกไปยังเมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็ก พูดไปว่าพวกเราประมาท ทำให้เมืองทรายดำสูญเสียทหารไป 500 นาย และสมาชิกระดับสูง 5 คนโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็ทำให้พลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายบาดเจ็บล้มตายไปมากเช่นกัน และตอนนี้เมืองหุบเขาเดียวดายกำลังพักฟื้นจากความสญูเสีย”
รองขุนนางกล่าวทันทีว่า “ท่านต้องการยั่วยุเมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กให้โจมตีเมืองหุบเขาเดียวดายอย่างงั้นหรือ?”
เนลูพยักหน้า “ทั้งสองเมืองนี้ไม่ได้มีพลังรบมากไปกว่าพวกเรา ถ้าบุกโจมตีเมืองหุบเขาเดียวดาย ผลลัพธ์ไม่น่าจะดีไปกว่าพวกเรา”
รองขุนนางเริ่มงงอีกครั้ง “แต่ทำแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไรกับพวกเรา? ถึงการที่พลังรบของเมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กลดลงจะช่วยลดแรงกดดันของขุนนางเล็กในดินแดนรอบๆพวกเราได้ แต่มันก็จะช่วยให้เมืองหุบเขาเดียวดายทำกำไรจากสงครามเช่นกัน”
เนลูกล่าว “ข้าไม่เชื่อใจขุนนางตนอื่น ในเมื่อใครๆก็อยากยึดเมืองหุบเขาเดียวดาย เช่นนั้นต้องให้พวกมันรู้ว่าอีกฝ่ายกระดูกแข็งเสียก่อน แบบนี้พวกมันถึงจะยอมร่วมมือกับข้าจริงๆ”
“สำหรับทรัพยากรที่เมืองหุบเขาเดียวดายกินเข้าไป? ถึงเวลาพอพวกเรายึดได้มันก็คายออกมาเอง!”
รองขุนนางพยักหน้าซ้ำๆ
พลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายน่าจะอยู่ที่กำลังทหารประมาณ 3000 - 4000 นาย
เมืองเช่นนี้
เว้นเสียแต่จะช่วยกันรุม มิฉะนั้นอย่าหวังว่าจะทะลวงได้
เมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กยังไงก็พ่ายแพ้แน่นอน
หลังจากนั้นพวกมันจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมานั่งคุยกันดีๆ แล้วตกลงแบ่งผลประโยชน์กัน
ขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดายไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ เขาเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มาจากภายนอก ยังไม่มีการติดต่อสื่อสารจากพื้นที่ใกล้เคียง
ดังนั้นเนื้อชิ้นนี้ปลอดภัยที่จะกิน กินแล้วไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ
หากเผ่าพันธุ์เดียวกินไม่ไหว
ถ้างั้นก็เรียกอีกสองเผ่าพันธุ์มากินด้วยกัน!
...
และผลปรากฏว่า
การคาดเดาของเนลูถูกต้องจริงๆ
ในช่วงสองวันถัดมา เมืองหุบเขาเดียวดายก็ถูกโจมตี
กองทัพแรกคือคนแคระเทาแห่งเมืองเตาหลอมศิลา
ต่อมาเป็นมนุษย์หมูป่าแห่งเมืองขุนเขาเหล็ก
กองทหารที่พวกมันส่งมานั้นมีจำนวนพอๆกับเมืองทรายดำ และผลลัพธ์ก็คล้ายกัน พวกมันสูญเสียสมุนทหารทั้งหมด และระดับสูงเกือบทั้งหมดถูกล้างบาง
พลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดาย กลายเป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง
เผ่าพันธุ์ใหม่ที่พึ่งมาถึง สามารถลุกขึ้นยืนหยัดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ทั้งยังมีพลังรบและกำลังพลที่แก่กล้า
นี่แสดงว่าพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
การปรากฏตัวของพวกเขาได้กลายเป็นศัตรูของขุนนางรอบด้านทันที
รองขุนนางก็อบลินหมีก้าวเข้ามาและพูดว่า “เป็นอย่างที่ท่านขุนนางคิดจริงๆ เมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ตอนนี้ใช้ทูตส่งสารมาหาพวกเราเพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามร่วมมือยึดเมืองหุบเขาเดียวดาย”
เนลูพยักหน้า “บอกผู้ส่งสารให้รายงานกลับไปว่า ตราบใดที่ขุนนางทั้งสองเต็มใจส่งกำลังพลเต็มจำนวนไปพร้อมกัน แล้วบุกโจมตีเมืองหุบเขาเดียวดาย พวกเราเมืองทรายดำยินดีร่วมมือ”
ไม่นาน
ขุนนางเล็กทั้งสามก็บรรลุข้อตกลง
เมืองหุบเขาเดียวดายและเผ่าพันธุ์ใหม่ข้างในทำให้พวกมันประสบความพ่ายแพ้ที่น่าอับอาย ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างแรงกดดันในการดำเนินชีวิต
ในโลกวิญญาณ ผู้อ่อนแอจำต้องก้มหัวให้ผู้เข้มแข็ง
เป็นการยากที่จะบอกว่าเมืองหุบเขาเดียวดายจะแก่กล้าเพียงใดในอนาคต
และด้วยพลังรบที่พวกเขาแสดงออกมาตอนนี้ มันไม่ด้อยไปกว่าสามเมืองเลย หากยังสามารถพัฒนาต่อไปอีกสักสามสี่ปีจะเกิดอะไรขึ้น?
เผ่าพันธุ์ใหม่นี้มิอาจอยู่ต่อไป ต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุด!
เพื่อการนี้
สามขุนนางเล็กมาพบกัน
และลงนามสัญญาอย่างรวดเร็ว
ก่อตั้งพันธมิตร ร่วมกันโจมตีเมืองหุบเขาเดียวดาย!
...
ณ เจียงเฉิง
ฮังอวี่เปิดกระทู้
และพบว่ากระทู้ร้อนแรงที่สุดในรอบ 2 วันที่ผ่านมา เป็นการเสวนาเกี่ยวกับการต่อสู้ปกป้องเมืองหุบเขาเดียวดาย
เนื่องจากก็อบลินหมีล้มเหลวในการบุกยึด จากนั้นเมืองหุบเขาเดียวดายถูกบุกโจมตีอีกสองครั้งติดต่อกัน
ทว่า
ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
เมืองหุบเขาเดียวดายบดขยี้คู่ต่อสู้และกุมความได้เปรียบได้อย่างแท้จริง
แม้การสูญเสียของพวกคนแคระเทาจากเมืองเตาหลอมศิลากับพวกมนุษย์หมูป่าในเมืองขุนเขาเหล็กจะไม่ร้ายแรงเท่าเมืองทรายดำ
แต่พวกมันก็ยังสูญเสียทหารหลักพันนายและสมาชิกระดับสูงไปหลายตน
ชัยชนะสามครั้งติด!
ขวัญกำลังใจของเมืองหุบเขาเดียวดายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทุกวันนี้ทุกคนเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้!
ในครั้งแรกที่ทำสงครามกับก็อบลินหมี เหล่าทีมอื่นๆที่ไม่ใช่มังกรครามยังระวงอยู่บ้างและไม่กล้าที่จะออกไป
แต่เมื่อศึกครั้งที่สองมาถึง เหล่าผู้คนที่ครั้งแรกเหนียมกลัว แต่ละคนราวกับสุนัขบ้า ตะเกียกตะกายออกไปฆ่าศัตรูทุกตนที่ขวางหน้า
ทรัพยากรและอุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายตามผลงาน
ตราบใดที่ฆ่าศัตรู คุณก็จะได้รับรางวัล
ปัจจุบันทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางเล็ก ไม่เพียงเมืองหุบเขาเดียวดายไม่กลัว ตรงกันข้าม พวกเขาพร้อมอ้าแขนต้อนรับศัตรูทุกตนด้วยความยินดี
และเนื่องจากเมืองหุบเขาเดียวดายคือดินแดนมนุษย์แห่งแรกในโลกวิญญาณ ดังนั้นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจึงได้รับความสนใจจากทั่วโลก
และชัยชันทั้งสามครั้งของเมืองหุบเขาเดียวดาย มีผลจูงใจมหาศาลต่อมนุษย์ทั้งหมดทั้งมวล
ทุกวันนี้หากเปิดกระทู้ โดยทั่วไปก็จะพบกับพาดหัวข่าวประมาณว่า
《ชัยชนะสามครั้งติด มังกรครามช่างยอดเยี่ยม!》
《บอสฮังทรงพลัง ทหารของเขาก็ทรงพลังไม่แพ้กัน!》
《นี่มันจะน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว! บอสฮังสู้สู้! ไอ้เจ้าพวกต่างถิ่น อย่าคิดว่าจะได้ช่วงชิงดินแดนใหม่ของพวกเรา!》
《ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการวิจัยโลกวิญญาณกล่าวว่า “การตั้งอาณานิคมในโลกวิญญาณไม่ควรเร่งรีบ วิธีการของเมืองหุบเขาเดียวดายก้าวร้าวเกินไป อาจดึงดูดความสนใจจากขุนนางใหญ่ได้ ความพ่ายแพ้ของพวกเขาใกล้มาถึงแล้ว》
《ฟิ้ว~ เมืองหุบเขาเดียวดายล่วงเกินขุนนางมากเกินไป ในฐานะต้นไม้ต้นเดียวในแคว้นเดียวดาย จะยืนอยู่ได้สักกี่น้ำกัน?》
...
มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ในเน็ตมีทั้งความคิดเห็นเชิงบวกและเชิงลบเกี่ยวกับฮังอวี่และเมืองหุบเขาเดียวดาย
แน่นอน
ฮังอวี่ยังเป็นที่นิยมมาก ตำแหน่งยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงที่สุดในจีนยังคงเป็นของเขา และเมืองหุบเขาเดียวดายนับแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ยังคงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่มาตลอดทาง ข้อความในเน็ตจึงล้นหลามไปด้วยคำสรรเสริญซะส่วนใหญ่
สำหรับคนที่มองต่าง และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญบางคน
ฮังอวี่ไม่แม้จะกดเข้าไปดู
เขามีกลยุทธ์ของตัวเองสำหรับโลกวิญญาณ
แล้วอีกอย่าง นับตั้งแต่วินาทีที่เข้าสู่อาณาจักรมังกรโลกา เขาไม่มีตัวเลือกมากนัก
เนื่องจากประชากรมนุษย์ในเมืองหุบเขาเดียวดายมีมากทุกวัน
ดังนั้นเรื่องขัดแย้งกับขุนนางใหญ่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น
ขุนนางใหญ่ไม่มีวันยอมให้เผ่าพันธุ์ไหนลุกขึ้นมามีอำนาจในดินแดนของตน ความขัดแย้งระหว่างฮังอวี่กับคาลิมัวไม่ใช่สิ่งที่อาจประนีประนอมได้
ฮังอวี่ต้องเข้ายึดครองดินแดนหลายแห่งติดต่อกันในเวลาที่สั้นที่สุด
ในขณะที่เมืองธารทะเลทรายยังไม่รู้ตัว เขาจะยึดหลายเมืองรวดเดียวเพื่อแบ่งแยกอาณาเขตและตั้งเมืองหุบเขาเดียวดายเป็นศูนย์กลาง
ความท้าทายต่อไปเป็นเรื่องจริงจังมาก!