Ep.360 - สร้างโชคในสงคราม
1/3
Ep.360 - สร้างโชคในสงคราม
ไม่นึกเลย ว่าชายผู้แข็งแกร่งจากเมืองทรายดำ และคาดว่าน่าจะเป็นขุนนางจากเมืองทรายดำ จะเลือกฆ่าตัวตายเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ก็อบลินหมีตนนี้อย่างน้อยก็พอมีสมองอยู่บ้าง มันรู้ดีว่าหากไม่ชิงตายก่อน แล้วสุดท้ายถูกจับเป็น ผลร้ายที่ตามมาย่อมรุนแรงกว่านี้แน่นอน
และถ้ามันเป็นขุนนางเมืองทรายดำจริงๆ ในกรณีถูกจับเป็น โดนผนึกแล้วโยนเข้าไปในคุกใต้ดิน เมืองทรายดำที่สูญเสียผู้นำ จะไม่ตกอยู่ในความโกลาหลหรือ?
หรือต่อให้ไม่ถูกจับเป็น แต่ท่ามกลางการปิดล้อมสังหาร อย่างน้อยน่าจะเสียแต้มวิญญาณไปหลายพันแต้ม รวมไปถึงแก่นแท้สีเขียวครึ่งหนึ่งในคราเดียว
นี่ไม่ใช่แค่สูญเสียสิ่งที่ทุ่มเทสะสมมานานกว่าปีหรือสองปี แต่ยังเป็นการยกผลประโยชน์ให้ศัตรู
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เข้าท่า
จึงตัดสินใจเด็ดขาดชิงฆ่าตัวตาย โดยใช้กริชที่มีเอฟเฟกต์เร่งการกำเนิดใหม่
นอกจากนี้ การตายจากกริชยังช่วยให้สามารถเก็บแก่นแท้สีเขียวไว้ในระดับเดิม กล่าวได้ว่าลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวังหรือพบเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจเอาชนะ
เป็นการดีกว่าที่จะชิงตายโดยกริชแห่งการถือกำเนิดใหม่
น่าเสียดายที่หยุดไม่ทัน
จ้าวหมิงเข้ามารายงานสถานการณ์ “ผลสถิติออกมาแล้ว พวกเราสูญเสียสมุนทหารไปหลักสิบ และเผ่ามนุษย์อีกไม่กี่สิบ ยอดรวมแค่เกือบ 100 เป็นการสูญเสียที่อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้”
สูญเสียเกือบหลักร้อย แต่แลกกับการทำลายล้างกองทัพศัตรู
อัตราส่วนความเสียหายระหว่างฝั่งเรากับฝั่งศัตรูอยู่ที่ 16:1
จ้าวหมิงกล่าวต่อ “สงครามนี้พวกเราฆ่าก็อบลินหมีระดับสูงไปแปดตัว มีจับได้สี่ตัว พร้อมผนึกและส่งไปยังคุกใต้ดิน กำไรของศึกนี้มหาศาลมาก แค่เฉพาะด้านอุปกรณ์และวัสดุ พวกเราสร้างโชคได้มากมาย กำไรที่ได้จากสงครามยอดเยี่ยมอย่างที่คิดจริงๆ!”
ฮังอวี่พอใจมาก “คราวนี้ทุกคนทำได้ดี เมืองทรายดำหลังจบศึกนี้ คงได้บาดแผลใหญ่”
ฉูเทียนหัวกล่าว “พวกเรายังไม่ได้แสดงฝีมือเต็มที่เลย มีเหล่าพี่น้องหลายคนออกมาช้าไปเลยยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็อบลินหมีพวกนี้รับมือง่ายเกินไป!”
“เป็นแค่ขุนนางเล็ก แต่มีพลังรบขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว” ฮังอวี่หัวเราะ “เอาล่ะ รีบเก็บกวาดสนามรบเถอะ พวกเราต้องชดเชยให้คนที่สูญเสีย แล้วแจกจ่ายรางวัลตามผลงาน!”
การกวาดล้างทหารเมืองทรายดำ ทหารเหล่านี้ดรอปหินคริสตัลและชุดสีขาว นอกจากนี้พวกมันยังดรอปวัสดุที่ใช้สร้างทหารเช่น ผลึกวิญญาณ ผลึกเหล็กเย็น แร่ทองแดงไฟ , มิธริล , ทองคำเนื้อดี ฯลฯ
เมื่อนับสินสงครามทั้งสิ้น
พบว่าสามารถเก็บอุปกรณ์สีขาวได้ประมาณ 1000 ชิ้น
และหินคริสตัลขาวประมาณ 5000 ก้อน
ฮังอวี่ได้รับรางวัลตามผลงาน ความพ่ายแพ้ของกองทัพเมืองทรายดำ สาเหตุหลักๆเกิดจากฝีมือของฮังอวี่และฉูเทียนหัวที่ลอบโจมตีด้านหลังศัตรู
โดยเฉพาะการปิดล้อมฝั่งหน้าครั้งสุดท้าย จ้าวหมิงและสมาชิกมังกรครามก็อยู่แนวหน้าสุด ทำให้มีส่วนร่วมเยอะที่สุด
กระทั่งทหารรักษาการณ์ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วม
ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารขององค์กรมังกรคราม
ทำให้ทีมของฮังอวี่ได้รับสินสงครามไปกว่า 80% ส่วนที่เหลือแจกจ่ายให้แก่ทีมต่างๆ กระจายตามผลงานและความพยายามของพวกเขา
ในส่วนของเรื่องนี้
แม้ผู้นำทีมหลายคนจะเกิดอาการอิจฉาตาร้อน
อย่างไรก็ตาม การกระจายตามผลงานนั้นยุติธรรมที่สุด ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ทุกคนไม่มีความเกรงกลัวต่อขุนนางเล็กที่อยู่ใกล้เคียงอีกต่อไป เริ่มตั้งตารอกองทัพศัตรูระลอกใหม่บุกเข้ามา และถึงเวลาพวกเขาจะออกไปเผชิญหน้า
เพราะยิ่งฆ่ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น!
กูดูมังกรครามสิ
จำนวนสินสงครามที่พวกเขาได้รับ
มันมากพอแล้วที่จะนำไปใช้สร้างทหาร 500 - 800 นาย!
สำหรับสำนักกระบี่วิญญาณแห่งนิวยอร์ก พวกเขารอคอยวันเวลาที่จะขยายดินแดนสู่ภายนอก ปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยมที่จะขึ้นเป็นขุนนางและมีดินแดนเป็นของตัวเอง
เพราะการอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ให้พวกเขารู้สึกไม่สะดวก
สงครามครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ขุนนางอื่นๆอีกหลายตนจะต้องเริ่มเปิดการโจมตีเชิงรุกอย่างแน่นอน
เมืองหุบเขาเดียวดายจะคอยรวบรวมผลประโยชน์จากกระบวนการนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเล็งหาจังหวะที่เหมาะสม กลืนดินแดนใกล้เคียงหลายแห่งในคราเดียว
และสำนักกระบี่วิญญาณแห่งนิวยอร์กก็จะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อครอบครองอาณาเขตของตนเองได้ในที่สุด
นอกจากหินคริสตัล อุปกรณ์ และวัสดุที่ใช้สร้างทหารแล้ว สินสงครามจากพวกก็อบลินหมีระดับสูงหลายตัวที่ฆ่าได้ก็น่าพอใจเช่นกัน
มีไอเท็มสีฟ้าหลายรายการ
ฮังอวี่ตรวจสอบพวกมันทีละชิ้น และเลือกหยิบสองชิ้นที่มีค่าที่สุดมา
นี่คือกำไรของเขาในสงครามครั้งนี้ สำหรับสินสงครามอื่นๆที่ริบมาได้ ส่วนขององค์กรก็ส่งคืนแก่องค์กร สิ่งที่ควรเป็นของคนอื่นก็ส่งมอบแก่คนอื่น
ไอเท็มสองชิ้นที่เขาเลือกรับมาก็คือ
[หินสกิลนักรบ : ปราณกระบี่วินาศ] สีฟ้าคุณภาพสูง , ชิ้นส่วนมรดกของปรมาจารย์กระบี่วินาศ
[สนับแขนเกล็ดมังกร] อุปกรณ์เลเวล 10 , สีฟ้าคุณภาพต่ำ , การโจมตีทางกายภาพ +10 , การป้องกัน +15 , การป้องกันเดี่ยว +20 , พละกำลัง +5 , ร่างกาย +5 , สกิลเสริม ‘ลดการสั่นสะเทือน’ , ค่าความทนทาน 39
ปราณกระบี่วินาศคือหนึ่งในเทคนิคการสืบทอดของปรมาจารย์กระบี่วินาศซึ่งเป็นสกิลขั้น 3
นอกจากนี้ ปราณกระบี่วินาศยังเป็นสกิลปราณกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดอีกด้วย
หินสกิลนี้มีมูลค่าสูงมาก แม้ฮังอวี่ไม่ได้ใช้ แต่เขายังเลือกเก็บมันไว้กับตัว เพื่อเตรียมไว้ใช้แลกเปลี่ยนกับหินสกิลขั้น 3 ของนักรบอย่าง ‘นักรบเงาลมกรด’
ส่วนสนับแขนเกล็ดมังกรคืออุปกรณ์สีฟ้าขุ่นในเลเวล 10
เจ้าสิ่งนี้ค่อนข้างพิเศษมาก เป็นของที่ดรอปจากเนลู
สนับแขนชนิดนี้สอดคล้องกับตำแหน่งถุงมือทั้งสองข้างบนตัว
ฉะนั้น หากคุณสวมสายรัดข้อมืออยู่ จะไม่สามารถใส่อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้
รวมไปถึงชุดเกราะหนักที่ครอบคลุมทั้งตัวก็จะใส่สนับแขนไม่ได้เช่นกัน
กระนั้น โชคดีที่ชุดเซ็ทหมาป่าหินลาวาของฮังอวี่น่ะเป็นแค่เกราะเบา ดังนั้นพื้นที่จึงไม่ครอบคลุมมาถึงส่วนถุงมือ
เท่ากับว่าสามารถสวมใส่สนับแขนชิ้นนี้ได้
อุปกรณ์จำพวกสนับแขนค่อนข้างหายาก ที่ฮังอวี่สวมใส่ในตอนนี้ยังเป็นแค่อุปกรณ์สีขาวเลเวล 10 อยู่เลย การที่สามารถเปลี่ยนใหม่เป็นอุปกรณ์สีฟ้าขุ่นเลเวล 10 ได้ พลังรบของเขาย่อมพัฒนาขึ้นอย่างมากแน่นอน
สนับแขนเกล็ดมังกรมีค่าคุณสมบัติที่สูงมาก อาศัยแค่ค่าคุณสมบัติของมันคนอื่นๆก็ไม่กล้าดูแคลนแล้ว
แต่บทบาทที่แท้จริงของมันคือการป้องกันต่างหาก เกราะเจ้าสิ่งนี้สามารถใช้ต้านทานการโจมตีได้เหมือนกับโล่ที่ยกขึ้นบังเบื้องหน้า ช่วยลดดาเมจที่ศัตรูทำลงได้หลายส่วน!
อีกทั้งสกิลเสริมที่มาพร้อมกับสนับแขน แม้จะดูไม่ค่อยมีอานุภาพ แต่เอฟเฟกต์ดูดซับแรงปะทะนี้ จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถทนต่อแรงกระแทกหรือสั่นสะเทือนต่างๆได้ ส่งผลให้รู้สึกสบายและมั่นคงมากขึ้นเวลาต่อสู้ เป็นสกิลสายสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมมาก!
อุปกรณ์ที่ดี!
ในตอนนี้ ฮังอวี่มีอุปกรณ์สีฟ้าในครอบครองถึงสี่ชิ้นแล้ว
ระดับนี้ในฐานะขุนนางเล็กถือว่าร่ำรวยมาก
...
หลังจบศึก
เมืองหุบเขาเดียวดายกลับมาสู่ความสงบ ทุกคนกลับทำในสิ่งที่ตัวเองควรทำ
ฮังอวี่ทุ่มทรัพยากรที่ได้มา ลงทุนสร้างเมืองต่อไป
เพราะเขาตระหนักดี
ในไม่ช้าความขัดแย้งระหว่างเผ่ามนุษย์กับชาวพื้นเมืองจะยิ่งลุกลาม
และเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับมนุษย์ที่จะต้องขยายดินแดนออกจากเมืองหุบเขาเดียวดายเพื่อยึดครองดินแดนอื่นๆ
ด้วยความสามารถและความเร็วในการเติบโตของมนุษย์ พวกขุนนางเล็กถือว่าเป็นแค่ภัยคุกคามเล็กน้อย ที่น่าเป็นห่วงจริงๆคือขุนนางใหญ่แห่งเมืองธารทะเลทราย ‘จ้าวสงครามคาลิมัว’
มันไม่มีทางนั่งเฉยเมื่อขุนนางเล็กแผ่ขยายอำนาจ
หลังจากมนุษย์เริ่มเข้ายึดครองดินแดนเพิ่มขึ้น
เมืองธารทะเลทรายจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน
ฉะนั้นต้องเตรียมการล่วงหน้าสำหรับความขัดแย้งระหว่างเมืองธารทะเลทรายที่กำลังจะเกิดขึ้น