ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 325 สร้างพิภพของตัวเอง
สีหน้าของจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูเปลี่ยนสีไปในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเย็นยะเยือก และเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เข้มข้น เขานั้นถูกแรงที่มองไม่เห็นกดทับร่างเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้!
“เดี๋ยวก่อนใต้เท้า!! ใต้เท้าหวู่ตี๋โปรดเมตตา ยกโทษให้ข้าน้อยด้วย ท่านใต้เท้าหวู่ตี๋!!”
จักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูร้องออกมาด้วยความกลัว
เขาไม่รู้ว่าไปพูดอะไรที่ทำให้ตัวตนนี้ไม่พอใจเข้า กลายเป็นว่าตอนนี้เขาไปยั่วยุโทสะของจักรพรรดิรู้แจ้งเข้าให้แล้ว และรู้ดีว่าพูดแก้ตัวอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่อาจจะช่วยได้ มีเพียงต้องก้มหน้ายอมรับความผิดอย่างเดียวถึงจะพอเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้!
“เหตุผลที่พิภพยักษ์ต้องการให้เกิดสงครามคืออะไร”
เสียงของซู่เสี่ยวไป่ที่ถามออกมานั้นดังกังวาลไปทั่ว
ซู่เสี่ยวไป่เองยังรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่
ไม่ว่าจะดินแดนบรรพกาล และดินแดนกว้างใหญ่ หรือดินแดนอมตะ ทั้งหมดล้วนเป็นดินแดนใต้การปกครองของพิภพราชันย์ แต่ทำไมจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูถึงได้รับภารกิจให้มาก่อสงครามภายในด้วย มันไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างดินแดนแล้ว แต่เป็นสงครามระหว่างพิภพ
คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวขึ้น ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกถึงรางร้าย
“สิ่งนั้น…..”
จักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูนั้นแสดงท่าทีหนักใจอย่างมาก และน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสั่นกลัว แม้จะอยู่ใต้การปกปิดของเสื้อคลุมดำแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
เขานั้นคิดผิด
จักรพรรดิหวู่ตี๋ผู้นี้ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับเขาตั้งแต่แรก ตัวตนนี้แค่ผ่านมาเฉยๆ เขาไม่ได้ถูกส่งมาจากพิภพยักษ์!
“พิภพยักษ์ต้องการทำอะไร!!”
เสียงของซู่เสี่ยวไป่ดังขึ้นพร้อมกับกระชากร่างของจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูเข้ามาในมือ ก่อนที่จะใช้ดาบมิติตัดแขนของเขา!
“อ้าา!!! ใต้เท้าหวู่ตี๋ได้โปรดเมตตา ข้าพูดไม่ได้ ข้าสาบานต่อวิถีสวรรค์ไปแล้ว !!!”
จักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูร้องตอบกลับมาอย่างเจ็บปวด
“พูดก็ตาย ไม่พูดก็ตายอยู่ดี!”
เกิดประกายแสงสีแดงวาบขึ้นที่นัยน์ตาของซู่เสี่ยวไป่ ก่อนที่แสงนั้นจะเจาะเข้าไปในดวงตาของจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยู พริบตาเดียวจิตวิญญาณของจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูก็แหลกสลายลงไปในพริบตา
กลิ่นไอและพลังชีวิตของจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูนั้นค่อยๆ จางหายไป ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกดูดเข้าไปในพื้นที่หมุนเวียนในคลิกเดียวเพื่อแปลเปลี่ยนเป็นเงิน
คำสาบานต่อวิถีสวรรค์ไม่อาจจะฝ่าฝืนได้
ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ไม่สามารถล้วงเอาข้อมูลสำคัญๆ อะไรออกมาจากปากของจักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูได้เลย ทำให้การจัดการตัวตนนี้เลยดูท่าจะง่ายกว่า
“ใต้เท้าหวู่ตี๋ข้านั้นไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาด้วย โปรดเมตตา!”
จักรพรรดิอมตะซวนบูนั้นเมื่อเห็นฉากนี้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความกลัว จนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
จักรพรรดิอมตะเฮ่ยยูนั้นเป็นถึงจักรพรรดิแห่งความกลัวชั้น 7 ที่ทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิรู้แจ้ง ก็ไม่ต่างจากมดหนอนแมลง ที่จะฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้
มันเป็นช่องว่างระหว่างเขตแดนของจักรพรรดิแห่งความกลัวกับจักรพรรดิรู้แจ้ง
“นอกจากท่าน ที่เขามาเชิญชวนด้วยแล้ว ยังมีดินแดนไหนอีกที่เขาไปมา”
ซู่เสี่ยวไป่เหลือบมองไปยังจักรพรรดิอมตะซวนบู
“เรียนใต้เท้า มีดินแดนมัจฉา ดินแดนขวานเสี้ยว ดินแดนจ้าวผกาย…..และดินแดนอาภรมายาทั้งหมด 7 ดินแดน”
จักรพรรดิอมตะซวนบูนั้นกล่าวยังรวดเร็ว
“เจ็ดดินแดนที่รวมหัวกัน โจมตีสามดินแดน ทำไมถึงต้องใช้กำลังมากกว่าถึงขนาดนี้ ผมรู้ถึงความแข็งแกร่งของดินแดนบรรพกาล แต่ดินแดนอมตะนั้นทรงพลังขนาดไหน?”
ซู่เสี่ยวไป่ถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ใต้เท้าหวู่ตี๋ ที่ดินแดนอมตะนั้นมีกึ่งจักรพรรดิรู้แจ้งปกครองอยู่ และภายใต้การนำของกึ่งจักรพรรดิรู้แจ้งยังมีจักรพรรดิแห่งความกลัวอีกมากมาย เป็นดินแดนที่ทรงพลังอย่างมาก”
จักรพรรดิอมตะซวนบูรีบตอบกลับทันที
“ดินแดนอมตะนั้นถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ดินแดนกว้างใหญ่นั้นอ่อนแอที่สุดในสามดินแดน”
ซู่เสี่ยวไป่เมื่อได้ยินก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้น
เขารู้มาว่าดินแดนกว้างใหญ่นั้นอ่อนแอมาก เพราะไม่ว่าจะดินแดนไหน ก็ต่างมีตัวตนจักรพรรดิแห่งความกลัว มีเพียงดินแดนกว้างใหญ่ที่ไร้ตัวตนระดับจักรพรรดิแห่งความกลัว ที่ดินแดนนี้ยังรอดมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว
ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่เริ่มจะเข้าใจเรื่องของสิ่งต่างๆ มากขึ้นแล้ว
อย่างที่จักรพรรดิอมตะชิงบอก
พิภพเล็ก มีเพียง 30 ดินแดนในการปกครอง
พิภพใหญ่ มี 300 ดินแดน
พิภพพันภพ ปกครอง 3,000 ดินแดน
พิภพหมื่นภพ ปกครอง 30,000 ดินแดน
นอกจากความแตกต่างของขุมอำนาจและพลังของดินแดนแล้ว ยังมีความต่างของระหว่างพิภพอีก ดินแดนกว้างใหญ่นั้นห่างไกลกับพิภพอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ของพิภพหนึ่งเท่านั้น
หากว่าดินแดนอื่นไม่ได้ติดศึกของตัวเองปานี้ดินแดนกว้างใหญ่คงหายไปแล้ว
“พิภพยักษ์นั้นมีเจตนาจะยุแยงให้เกิดสงครามภายในพิภพราชันย์งั้นหรอ”
ซู่เสี่ยวไป่ยังถามต่อ
พิภพราชันย์ และพิภพยักษ์นั้นอยู่ในระดับเดียวกัน
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นใต้จมูกพิภพราชันย์ได้อย่างไร ทั้งที่ทั้งสองพิภพดูแล้วไม่ได้กำลังเปิดศึกกัน?
“ใต้เท้าหวู่ตี๋ ท่านไม่ทราบจริงๆ งั้นหรอว่าพิภพราชันย์นั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มานานแล้ว จนไม่อาจจะปกครองดูแลตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ไม่ใช่แค่พิภพยักษ์เพียงพิภพเดียวที่กำลังจ้องจะเล่นงานพิภพราชันย์ แต่ยังมีพิภพอื่นอีกที่อยู่รอบๆ ที่คิดจะบุกรุกพิภพแห่งนี้!”
จักรพรรดิอมตะซวนบูพูดขึ้นอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงขื่นขม
“ว่ากันว่าจักรพรรดินีหลิงทิงนั้นได้ต่อสู้ต้านทานกับกองกำลังจากนอกพิภพหลายต่อหลายคนด้วยตัวคนเดียว จนนางนั้นสูญเสียอย่างหนัก ทำให้จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นถึงกับต้องออกตามหาจิตวิญญาณที่เหมาะสมไปทั่วพิภพ เพื่อให้กำเนิดบุตรจักรพรรดิจิตอมตะ เพื่อเป็นผู้สืบทอดของนาง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทำให้หัวใจของซู่เสี่ยวไป่รู้สึกถูกบีบคั้นอย่างบอกไม่ถูก
เขารู้ดีว่ามันคือผลของสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากจิตวิญญาณของเขา ที่รู้สึกผูกพันกับบุตรจักรพรรดิจิตอมตะกับจักรพรรดินีหลิงทิง ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกขยี้หัวใจเมื่อรู้เรื่องนี้เข้า
“เรื่องนี้เกิดขึ้นมาช้านานแล้ว และเป็นปัญหาใหญ่ของพิภพราชันย์”
ซู่เสี่ยวไป่ได้แค่คิดอยู่เงียบๆ
เขาคิดว่าพิภพราชันย์สงบสุข แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่บรรกาศก่อนที่จะเกิดพายุโหมกระหน่ำเท่านั้น สงครามระหว่างพิภพนั้นเมื่อเกิดขึ้นจะกินเวลาเป็นพันๆ ปี และวัดกันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
เพราะงั้นในระยะเวลาเดือนสองเดือน หรือปีสองปีมันไม่อาจจะเห็นผลอะไรชัดเจน
อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้
ที่เห็นว่าพิภพยักษ์กำลังรวบรวมดินแดนอื่นจากพิภพราชันย์ให้เริ่มโจมตีดินแดนอมตะ ดินแดนบรรพกาล รวมไปถึงดินแดนกว้างใหญ่ด้วย เขาคิดว่ามันพึ่งจะเกิดขึ้นแต่แท้จริงแล้วสงครามมันเกิดขึ้นมานานเป็นพันๆ ปีแล้ว
แล้วสำหรับซู่เสี่ยวไป่ที่พึ่งมาถึง เขาจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร
ต่างจากเหล่าจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆ ที่อยู่มาเป็นล้านๆ ปี พวกเขานั้นรู้ว่ามันใกล้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดินีหลิงทิงถึงรีบร้อนเดินทางไปทั่ว 33 ดินแดนเพื่อตามหาจิตวิญญาณที่เหมาะสมให้กำเนิดทายาทของตัวเอง
“นานแค่ไหนกว่าที่สงครามจะเริ่มเปิดฉากขึ้น”
ซู่เสี่ยวไป่ถามต่อ
“ใต้เท้าหวู่ตี๋ ข้านั้นไม่อาจจะรู้ได้ แต่หากดูจากการกระทำของพิภพยักษ์แล้ว ที่พยายามติดต่อรวบรวมดินแดนอื่นๆ เข้าด้วยกัน ข้าเกรงว่า คงอีกไม่นานสงครามก็จะเปิดฉากขึ้น”
เวลานั้นกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ช้าพิภพราชันย์จะกลายเป็นสมรภูมิระหว่างหลายพิภพที่บุกเข้ามาพร้อมกัน!
“แต่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเหมือนกัน…”
ซู่เสี่ยวไป่พูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แววตาเต็มไปด้วยความละโมบ
หากว่าเขาบอกเรื่องนี้กับจักรพรรดิอมตะหลงฟู่ เขาคงตกใจอย่างมาก และรีบกลับไปยังดินแดนกว้างใหญ่ทันที สงครามระหว่างพิภพนั้น เขตแดนจักรพรรดิโกลาหลนั้นไม่ต่างจากก้อนเนื้อบินได้เท่านั้น และเป็นอาหารให้กับผู้แข็งแกร่ง
เพราะในพิภพนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่ทรงพลัง แม้แต่จะป้องกันตัวเองยังเป็นเรื่องที่ยาก หากว่าพวกเขาคิดจะเข้าร่วมสงครามด้วยไม่ต่างจากเดินเข้าสู่ลานประหารด้วยตัวเอง
แต่สำหรับซู่เสี่ยวไป่แล้วถือว่าเป็นเรื่องดี
เพราะว่าเมื่อเกิดสงครามหมายถึงอะไร?
คนตาย ศพ วิชา ยุทธภัณฑ์ และสมบัติต่างๆ มากมายที่เหล่าจักรพรรดิอมตะถือครองอยู่ จะมารวมตัวกัน!
ตอนนี้เขานั้นมีกองกำลังร่างเงาที่ทรงพลังมากๆ
เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เขาสะเทือนหรอก
สงครามระดับดินแดนนั้นเขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาสนใจสงครามระหว่างพิภพมากกว่า!
ทั้งเขตแดนจักรพรรดิสะท้านภพ และเขตแดนบรรพชน จะก็ปรากฏตัวขึ้น
“เข้าใจแล้ว”
“เจ้าเจ็ด ออกมานี้”
ซู่เสี่ยวไป่เรียกร่างเงาออกมา
“ตะ–ใต้เท้าสองคน!”
สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิอมตะซวนบูตกตะลึง
เพราะอยู่ๆ ก็มีตัวตนที่มีกลิ่นไอและกระแสพลังแบบเดียวกับจักรพรรดิอมตะหวู่ตี๋ปรากฏขึ้นมาอีก
“จักรพรรดิอมตะซวนบู ท่านจงไปบอกกับดินแดนทั้งเจ็ดที่รวมหัวกันตามคำเชิญชวนของพิภพยักษ์ ว่าให้ทุกคนยอมจำนนต่อดินแดนกว้างใหญ่ซะ!”
“และรวมถึงดินแดนอาภรมายาของท่านด้วย ต่อไปนี้ดินแดนทั้ง 7 ดินแดนจะไม่ได้อยู่ใต้การปกครองของพิภพราชันย์อีกแล้ว แต่จะอยู่ใต้การปกครองของพิภพสุขาวดี!!”
(ที่จริงพระเอกมันตั้งชื่อว่าพิภพขาว มาจาก 1 ตัวอักษรของชื่อตัวเอง)
แววตาของซู่เสี่ยวไป่ส่องเป็นประกายและมุ่งมั่นอย่างมาก