ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 74 ฆ่านักบวชคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 76 พลังของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 75 จอมยุทธ์กำลังภายใน 


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 75 จอมยุทธ์กำลังภายใน 

แปลโดย iPAT   

หัวหน้าหออู๋รู้สึกโล่งใจ โชคดีที่เขาไม่ได้ไปคนเดียว หลังจากได้ยินข่าว เขายิ่งต้องการโสมจิตวิญญาณมากขึ้น เขาคิดว่าตราบเท่าที่เขากินโสมจิตวิญญาณ เขาจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจอมยุทธ์กำลังภายใน เมื่อเวลานั้นมาถึง สถานะในสำนักกำปั้นเหล็กของเขาจะสูงขึ้น หากเขาพบผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกครั้ง เขาก็ไม่จำเป็นต้องประจบสอพลออีกต่อไป

ผู้พิทักษ์เฟิงยิ้ม “เขามีทักษะบางอย่าง เด็กคนนี้อายุสิบห้าจริงๆงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง เขาจะอายุสิบหกหลังปีใหม่ ตอนนี้เขากำลังจะไปที่โรงเตี้ยมชิงหยาง” หลิวหงไม่กล้าสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้พิทักษ์เฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกออกไปโดยตรงว่าหลี่ฉิงซานปฏิเสธที่จะมา

“คนในยุทธภพควรจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่น น่าสนใจ”

…..

หลี่ฉิงซานเดินมาถึงโรงเตี้ยมในที่สุด ตอนนี้ผู้คนในโรงเตี้ยมดูเหมือนจะแบ่งออกเป็นสองสามกลุ่มที่ต่อต้านกันเอง

แม้คนในโรงเตี้ยมจะได้ยินข่าวที่หลี่ฉิงซานฆ่านักบวชคลั่งแสงธรรมปรามมารมาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นเด็กหนุ่มถือไม้เท้าขักขระที่มีชื่อเสียงของนักบวชคลั่งเอาไว้ในมือ นั่นคือไม้เท้าของนักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมาร!

หลี่ฉิงซานมองไปรอบๆ มีเพียงสี่คนที่เขาสนใจ

พวกเขาเป็นชายชรามือเดียวที่แบกดาบขนาดใหญ่ไว้บนแผ่นหลัง หญิงวัยกลางคนที่ใบหน้าเสียโฉม ชายอ้วนที่ดูเจ้าสำราญ และบัณฑิตหน้าซีดที่ถือกระบี่

‘อย่าบอกว่าเขาคือหวังห่าว ผู้นำนิกายดาบวายุ?’ เขามีฉายาว่าราชันดาบแขนเดียว เขาฆ่าสิบแปดทหารม้าวายุด้วยแขนข้างเดียวและดาบของเขา เขามีชื่อเสียงมากในเมืองเซี่ยชา

บัณฑิตหน้าซีดคือเว่ยตันตงแห่งสำนักใบไม้ร่าเริง เขาเป็นที่รู้จักในนามบัณฑิตมัจจุราช เขาบรรลุเคล็ดวิชาสิบสามกระบี่สังหารถึงขั้นสูงสุด

สำหรับชูซินและลู่ติงรุ้ย พวกเขาก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน หนึ่งคือผียิ้มชูซิน หนึ่งคือนางพญาตัวต่อลู่ติงรุ้ย

คนทั้งสี่ล้วนเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปต่างหวาดกลัว

อาวุธของคนทั้งสี่ต่างเรืองแสง ไม่มีอาวุธชิ้นใดธรรมดา พวกมันคล้ายกับไม้เท้าขักขระของนักบวชคลั่ง มีความเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านี้จะมีไพ่ตายบางอย่างซ่อนอยู่เช่นกัน

เว้นเพียงเว่ยตันตง คนอื่นๆถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คน นอกจากผู้ใต้บังคับบัญชาของคนเหล่านี้ ชาวยุทธ์คนอื่นๆไม่สามารถขอที่นั่งในโรงเตี้ยม

หลี่ฉิงซานเดินเข้าไปในโรงเตี้ยมราวกับไม่มีผู้ใดอยู่รอบตัวเขา เขาดูผอมบางและไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่เขาเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากราชาของเหล่าสัตว์ร้ายอย่างไม่แยแส

ดังฉายาของเขา เสือดำ!

หลี่ฉิงซานวางไม้เท้าและนั่งลง “นำสุรามา”

เสี่ยวเอ้อยกขวดสุราเข้ามาด้วยมือสั่นเทาและทำสุราหกลงบนถาด

“สุราของเจ้าหก ข้าจะให้เจ้า” เว่ยตันตงโยนจอกสุราออกไป

จอกสุราส่งเสียงหวีดหวิวในอากาศแต่ไม่มีสุราแม้แต่หยดเดียวทะลักออกมา

นี่เป็นวิธีการทั่วไปที่ใช้สำรวจผู้คน พวกเขาต้องการตรวจสอบทักษะของหลี่ฉิงซาน หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน หลี่ฉิงซานจะแสดงทักษะที่เหนือกว่าออกมาเพื่อทำให้ทุกคนตกใจ

หลี่ฉิงซานโบกมือและทำให้จอกแตก เว่ยตันตงหน้าซีดเผือดขณะที่คนอื่นๆสงสัยว่าหลี่ฉิงซานได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับนักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารหรือไม่

“ข้ามีสุราของข้าเอง!” หลี่ฉิงซานยกน้ำเต้าขึ้นมา เปิดฝา และโน้มศีรษะไปข้างหลังขณะดื่มสุราที่อยู่ภายใน หลังจากไม่นานเขาก็เปิดปากกล่าว “นี่คือสุราจิตวิญญาณ!”

ทุกคนถูกล่อลวงและพร้อมที่จะโจมตี

หลี่ฉิงซานรู้สึกถึงพลังปราณในร่างที่ถูกเติมเต็ม “ถูกต้อง โสมจิตวิญญาณอยู่กับข้า!” เขาสร้างความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง

ชูซินกล่าว “เจ้าต้องการสิ่งใดเพื่อแลกกับมัน? ต้องการเงินเท่าใด? เสนอราคามาได้เลย! เราสามารถเจรจาต่อรอง!”

หลี่ฉิงซานก้มศีรษะลงราวกับเขากำลังพิจารณาข้อเสนอ

“เจ้าหนู เจ้ารู้จักฉายาของเจ้าอ้วนผู้นี้หรือไม่?” ลู่ติงรุ้ยเร่งกล่าวเมื่อเห็นหลี่ฉิงซานแสดงความสนใจต่อข้อเสนอ

“มันคือสิ่งใด?”

“ผียิ้ม เขาดูเป็นมิตรมากแต่เขาปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความโหดเหี้ยมเสมอ เขาสามารถสัญญากับเจ้าด้วยเงินหลายพันหรือหลายหมื่นตำลึง แต่เจ้าไม่สามารถไว้ใจเขา”

ชูซินยังเผยรอยยิ้มร่าเริง เขาหยิบตั๋วแลกเงินจำนวนหนึ่งออกมาและกระแทกมันลงบนโต๊ะ “อย่ากล่าวเช่นนั้นเมื่อข้ากำลังทำธุรกรรม ข้าไม่เคยโกงผู้ใด เงินเหล่านี้เพียงพอหรือไม่? หากไม่พอก็ถือว่ามันเป็นเงินมัดจำ” เขาไม่ได้กำลังซื้อโสมจิตวิญญาณแต่เป็นโอกาสในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตจอมยุทธ์กำลังภายใน ตราบเท่าที่เขากลายเป็นจอมยุทธ์กำลังภายใน เขาจะสามารถนำเงินที่เขาจ่ายกลับคืนมาทั้งหมด

เว่ยตันตงไอสองสามครั้งก่อนกล่าว “ข้าต้องการโสมจิตวิญญาณเพื่อรักษาชีวิต หากบางคนพยายามแย่งมันจากข้า นั่นก็เหมือนการพยายามฆ่าข้า ดังนั้นข้าก็ทำได้เพียงเสี่ยงชีวิตกับพวกเจ้า!”

หวังห่าวกล่าว “ข้ามีเวลาเหลือในชีวิตไม่มากเช่นกัน ดังนั้นไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องกังวล”

หลี่ฉิงซานเล่นกับน้ำเต้าและเผยรอยยิ้มไม่ใส่ใจ “มีพวกเจ้าสี่คนอยู่ที่นี่ แล้วข้าควรมอบโสมจิตวิญญาณให้ผู้ใด? พวกเจ้าสามารถตัดสินกันเอง!” ตั้งแต่เขากล้ามา มันย่อมไม่ใช่การอวดดี อย่างไรก็ตามความคิดที่น่าสนุกกลับผุดขึ้นในใจของเขา

ชูซินหัวเราะคิกคัก “เราไม่ควรหลงกลอุบายและหันมาเข่นฆ่ากันเองใช่หรือไม่? เพราะนั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เหตุใดเราไม่ร่วมมือกันจัดการเด็กคนนี้และแบ่งโสมจิตวิญญาณออกเป็นสี่ส่วน? วิธีนี้จะเป็นการรับประกันผลประโยชน์ของพวกเรา พวกเจ้าคิดอย่างไร?”

เว่นตันตงกล่าว “ดูเหมือนผีเฒ่าเช่นเจ้าจะเก่งเรื่องการคำนวณ แต่หากเราเริ่มต่อสู้ พวกเราบางคนอาจต้องตาย ใครจะรู้ว่าผู้ใดจะเป็นคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่” หลังกล่าวจบคำ เขาก็ไอออกมาอีกสองสามครั้ง

หวังห่าวและลู่ติงรุ้ยถูกล่อลวง

หลี่ฉิงซานคิด ‘พวกเขาเป็นชาวยุทธ์ที่มีประสบการณ์จริงๆ’ พวกเขาไม่ถูกผู้อื่นชี้นำโดยง่ายและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อตระหนักว่าตนเองกำลังจะตกเป็นเป้าหมายของทุกคนในไม่ช้า หลี่ฉิงซานก็วางมือบนน้ำเต้าและเตรียมทำตามแผนที่วางเอาไว้

แผนของเขาเรียบง่ายมาก มันคือการกินโสมจิตวิญญาณต่อหน้าทุกคน โสมจิตวิญญาณถูกหมักด้วยสุรามานานแล้ว ตอนนี้ฤทธิ์ของมันอ่อนลงมาก เขาสามารถกินมันเข้าไปโดยตรง

แน่นอนว่าสิ่งนี้อาจจบลงด้วยความโกรธของนักสู้ชั้นหนึ่งเหล่านี้และทำให้พวกเขาร่วมมือกันเพื่อฆ่าเขา อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานเชื่อว่ามันไม่ใช่ปัญหาหากเขาต้องการหลบหนี นอกจากนั้นมันยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่คนเหล่านี้จะไม่ลงมือ ท้ายที่สุดเมื่อปราศจากโสมจิตวิญญาณ คนที่มีประสบการณ์เหล่านี้จะไม่ยินดีเสี่ยงชีวิตของตนเพียงเพราะความโกรธ

หากหลี่ฉิงซานเลือกที่จะหนีหรือแอบกินโสมจิตวิญญาณ ปัญหานี้จะไม่มีวันยุติและอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทางเลือกเดียวที่เขามีคือการกระจายข่าวออกไปว่าโสมจิตวิญญาณถูกกินไปแล้ว ด้วยวิธีนี้ เรื่องทั้งหมดจะจบลง

ความคิดนี้ไม่เพียงต้องพึ่งพาความฉลาดเท่านั้นแต่ยังต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขาอีกด้วย หากเขาเป็นนักสู้ชั้นสอง มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้วิธีนี้ แต่เขาเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งและแข็งแกร่งพอที่จะฆ่านักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมาร นี่ทำให้คนเหล่านี้ต้องระวังตัว

ทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในโรงเตี้ยม

ผู้นำกลุ่มคือผู้พิทักษ์เฟิง เขาสวมชุดที่มีสัญลักษณ์รูปหมาป่าสีดำปักอยู่ หมาป่าแยกเขี้ยวและดูราวกับมีชีวิตเมื่อชุดของเขากระเพื่อม

เขาถือดาบที่มีฝักดาบหุ้มด้วยหนังปลาฉลามสีเขียว ด้ามดาบสีทองและมีอัญมณีสีเขียวฝังอยู่ ดวงตาของเขาเป็นรูปสามเหลี่ยมเอียงขึ้นเล็กน้อย นั่นทำให้เขาดูราวกับกำลังเย้ยหยันผู้คนอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลี่ฉิงซานให้ความสนใจคือร่างกายของเขาที่เรืองแสงจางๆคล้ายกับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการแนะนำใดๆ คำบางคำปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที จอมยุทธ์กำลังภายใน!