ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 73 ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 73 ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
แปลโดย iPAT
คนผู้นั้นยืนอยู่มุมห้องที่มืดสลัว ชุดสีดำของเขาเกือบหลอมรวมเข้ากับความมืด หลิวหงให้ความสนใจเขาเป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มแรก
ห้วหน้าหออู๋กล่าว “หลิวหง ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับบุคคลสำคัญ” เขายังกล่าวกับหลิวหงที่อายุมากกว่าอย่างเย่อหยิ่งและเรียกชื่อฝ่ายหลังโดยตรง เมื่อเขากล่าวถึงคนชุดดำ ใบหน้าของเขากลายเป็นประจบสอพลอ เขารู้สึกมีความสุขที่สามารถสร้างสายสัมพันธ์กับคนผู้นี้ “นี่คือท่านเฟิง ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์”
‘ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์!’ หัวใจของหลิวหงเต้นผิดจังหวะ เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของหน่วยหมาป่าอินทรีย์ที่เป็นสุนัขล่าเนื้อของทางการได้อย่างไร ไม่แปลกเลยที่หัวหน้าหออู๋จะแสดงออกเช่นนี้เพราะกระทั่งผู้นำสาขาหลักของสำนักกำปั้นเหล็กก็ยังต้องมอบความบังเทิงให้กับตัวตนดังกล่าว
ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แซ่เฟิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าใจดีเกินไปหัวหน้าหออู๋ ห้วหน้าหน่วยของเราดื่มกับผู้นำของเจ้าที่เมืองเจียผิงสองสามครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาให้ความช่วยเหลือพวกเจ้า ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการที่เมืองเจียผิง ข้าไม่สามารถเสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไป”
เจียผิงเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ห่างจากเมืองชิงหยางมากกว่าห้าสิบกิโลเมตร ไม่เพียงมันจะมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน มันยังมีท่าเรือและเหมืองแร่ ดังนั้นมันจึงเจริญมากกว่าเมืองบนภูเขาที่ห่างไกลเช่นเมืองชิงหยาง หัวหน้าหออู๋มาจากที่นั่น เขาเป็นผู้ดูแลเจ็ดสาขาของสำนักกำปั้นเหล็กรวมถึงสาขาที่เมืองชิงหยาง แน่นอนว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์มีสำนักงานอยู่ที่เมืองเจียผิงเช่นกัน
หัวหน้าหออู๋กล่าว “ถูกต้อง ถูกต้อง เราจะไม่สร้างปัญหาให้ท่าน หลิวหง เหตุใดเจ้ายังไม่นำหลี่ฉิงซานมาที่นี่?”
หลิวหงไม่กล้าให้ศิษย์ของเขาจัดการเรื่องนี้ เขาบอกให้หลี่หลงรออยู่ที่นี่ขณะที่เขาไปหาหลี่ฉิงซานด้วยตนเอง
หลี่หลงเคยได้ยินหลิวหงกล่าวถึงผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์มาก่อน แต่นั่นเป็นเรื่องที่อยู่ห่างไกลจากโลกที่เขาอาศัยอยู่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจมันมากนัก เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะได้พบผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จริงๆ นี่ทำให้เขารู้สึกกังวล ‘คราวนี้หลี่ฉิงซานอาจสูญเสียโสมจิตวิญญาณ หากเขายืนยันที่จะเก็บไว้ ข้าต้องพยายามเกลี้ยกล่อมเขา!’
หลี่หลงไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลี่ฉิงซาน สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายเช่นการแบ่งปันบ้านเกิดเดียวกันเท่านั้น หลี่ฉิงซานแข็งแกร่งกว่าเขามาก หากตัวตนเช่นนี้เข้าร่วมสำนักกำปั้นเหล็ก หลี่หลงจะได้รับการคุ้มครอง เมื่อหลี่หลงนึกถึงสิ่งที่หลิวหงกล่าวที่โรงเตี้ยมในวันนั้นเพื่อขอให้หลี่ฉิงซานช่วยดูแลหลี่หลง บางทีชายชราอาจคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ไว้แล้ว นี่ทำให้หลี่หลงรู้สึกสำนึกขอบคุณหลิวหงมากขึ้นไปอีก
หลิวหงพบหลี่ฉิงซานบนเส้นทางถนนในไม่ช้า เขากล่าว “ฉิงซาน หัวหน้าหออู๋จากสำนักกำปั้นเหล็กสาขาหลักมาที่นี่ เขาต้องการพบเจ้า เขามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้า” เขาพยายามหาวิธีบอกหลี่ฉิงซานว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นแต่เขาก็เกรงว่ามันจะชัดเจนเกินไปและทำให้หลี่ฉิงซานหวาดกลัว
หลี่ฉิงซานกล่าว “มันทำให้ผู้อาวุโสหลิวต้องออกมาเรียกข้าด้วยตนเองเลยงั้นหรือ?”
หลิวหงรู้สึกอึดอัดใจ ในสำนักมีการแบ่งระดับชั้นอย่างชัดเจน ตำแหน่งของหัวหน้าหออู๋สูงกว่าหัวหน้าสาขาเช่นเขา คนที่สามารถครอบครองตำแหน่งดังกล่าวต้องเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งเท่านั้น นี่ทำให้พวกเขาสามารถออกคำสั่งหัวหน้าสาขา
“สิ่งที่รบกวนหัวหน้าหอต้องเป็นโสมจิตวิญญาณถูกต้องหรือไม่? ข้าวางแผนที่จะจัดการเรื่องนี้ให้ชัดเจนที่โรงเตี้ยม ท่านควรให้หัวหน้าหอของท่านมาฟังด้วย!” หลี่ฉิงซานไม่หยุด เขาเดินต่อไปยังจุดหมายของเขา
หลิวหงเดินตาม “เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้ ฉิงซาน ข้าทำสิ่งนี้เพื่อเจ้า”
ทั้งสองเดินผ่านตรอกแคบๆ แต่ในจังหวะนี้นักบวชที่ถือไม้เท้าขักขระสีดำของหลวงจีนก็ปรากฏตัวขึ้น เขามองหลี่ฉิงซานและหัวเราะเย้ยหยัน เขาดูดุร้ายและมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเมื่อเขายิ้ม
หลิวหงกรีดร้อง “นักบวชคลั่ง! แสงธรรมปราบมาร!”
หลี่ฉิงซานมองไม้เท้าที่เรืองแสงในมือนักบวชผู้นั้นและตระหนักว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญาณ ‘ดูเหมือนสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณจะไม่ใช่ของหายากมากนักในโลกใบนี้’
หลิวหงกระซิบด้วยความหวาดกลัว “คนผู้นี้เคยเป็นนักบวชที่วัดเป่าหลินที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ แต่เขาชื่นชอบการดื่มและการฆ่า เขาฝ่าฝืนกฎของวัดและถูกขับไล่ออกมา ด้วยความบ้าคลั่งของเขา เขาใช้วิชาร้อยแปดไม้เท้าปีศาจคลั่งฆ่าคนทั้งวัด จากนั้นเขาก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นแสงธรรมบาปมารและท่องเที่ยวไปทั่ว เขาสังหารผู้คนและยึดทรัพย์สมบัติของคนเหล่านั้น ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ที่นั่นต้องมีคนตาย กล่าวกันว่าเขาบรรลุระดับนักสู้ชั้นหนึ่งแล้วและอยู่ห่างจากระดับจอมยุทธ์กำลังภายในเพียงไม่กี่ก้าว”
คนในยุทธภพหลายคนให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างลับๆ พวกเขาพึมพำ
“มันเป็นนักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารจริงๆ ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะมาเช่นกัน”
“เห้อ...ดูเหมือนพวกเราจะหมดโอกาสแล้ว”
“หุบปากแล้วไปซะ หากเขาพบพวกเรา จะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต!”
นักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารกล่าว “เจ้าหนู ส่งโสมจิตวิญญาณมาแล้วข้าจะปล่อยให้ศพของเจ้าไม่บุบสลาย ข้าจะสวดให้กับดวงวิญญาณของเจ้าและเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เจ้าทุกปี” เขาไม่ได้หยิ่งผยอง ในฐานะนักสู้ชั้นหนึ่ง เขาสามารถกวาดล้างทุกคนที่พบเจอตราบเท่าที่คนเหล่านั้นไม่ใช่จอมยุทธ์กำลังภายใน
“เกี่ยวกับโสมจิตวิญญาณ ข้าจะอธิบายในโรงเตี้ยม หากเจ้าอยากฟังก็ไปที่นั่น” หลี่ฉิงซานปิดจมูกเนื่องจากเขาได้กลิ่นสุรา น้ำมัน และเลือดจากร่างของนักบวชผู้นี้ จากนั้นเขาก็เดินทางต่อ
ทันใดนั้นไม้เท้าก็ถูกเหวี่ยงลงมา กระพรวนโลหะส่งเสียงดังเป็นชุด
ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็ต้องหยุดเท้า ไม้เท้าพุ่งเข้ามาหยุดอยู่ที่ปลายจมูกของเขา มันอยุ่ห่างจากใบหน้าของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
“ผู้อาวุโสหลิว โปรดกลับไปก่อน” เสียงของหลี่ฉิงซานฟังดูสงบแต่ในใจของเขาเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ เลือดในกายของเขาเริ่มเดือดอีกครั้ง
ทัศนคติที่ไม่แยแสของหลี่ฉิงซานทำให้นักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารโกรธมาก เขาใช้ท่าร้อยแปดไม้เท้าปีศาจคลั่งด้วยกำลังทั้งหมดออกมาทันที ไม้เท้าสีดำกลายเป็นเงาพุ่งผ่านอากาศเหมือนคลื่น
ตรอกเล็กๆไม่มีที่ว่างให้หลบ แต่หลี่ฉิงซานก็ไม่หลบ เขากำหมัดแน่นและก้าวไปข้างหน้า
หลิวหงไม่พยายามมีส่วนร่วมในการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาหันหลังกลับและวิ่งหนีไปอีกด้านหนึ่งของตรอก
หลี่ฉิงซานมองไม้เท้าที่พร่าเลือน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับนักสู้ชั้นหนึ่ง นักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารทั้งทรงพลัง เฉลียวฉลาด และระวังตัว เขาไม่เปิดช่องว่างแม้แต่น้อย
“ปัง ปัง ปัง ปัง!”
ในตรอกแคบๆ พื้นที่มีจำกัดมาก หมัดของหลี่ฉิงซานปะทะไม้เท้าทำให้เกิดเสียงเหมือนโลหะชนกัน
นักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารลอบตกใจอยู่ภายใน เด็กคนนี้สามารถปิดกั้นไม้เท้าของเขาด้วยร่างกาย! ความตื่นตระหนกทำให้ช่องว่างเปิดออก ดวงตาของหลี่ฉิงซานส่องประกายขึ้น เขาฉวยโอกาสนี้และรีบวิ่งไปข้างหน้า ด้วยการกางหมัดเป็นกรงเล็บ เขาส่งมันพุ่งเข้ามาคู่ต่อสู้โดยตรง อย่างไรก็ตามในจัวหวะนี้เขากลับเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม มันเป็นรอยยิ้มที่หยาบกระด้างซึ่งขัดต่อภาพลักษณ์นักบวชอย่างสิ้นเชิง หลี่ฉิงซานรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ภายใน ‘โอ้ ไม่!’
นักบวชคลั่งแสงธรรมปราบมารเปลี่ยนท่าอย่างกะทันหัน ไม้เท้าของเขาเปลี่ยนจากแนวตั้งเป็นกวาดออกไปในแนวนอน การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้เป็นการหลอกล่อ ตรอบแคบๆจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม้เท้ายังสามารถเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางของมัน เศษหินระเบิดออกมาจากกำแพงและไม่สามารถหยุดยั้งเส้นทางการเคลื่อนที่ของไม้เท้า
“ปัง!”
ไม้เท้าส่งหลี่ฉิงซานลอยออกไปกระแทกกำแพงและตกลงในลานบ้านที่อยู่อีกฝั่ง หลี่ฉิงซานถูกโจมตีเพราะประสบการณ์ที่ไม่เพียงพอของเขา