Ep.355 - ความร่วมมือแบบวิน - วิน
1/3
Ep.355 - ความร่วมมือแบบวิน - วิน
หลังจากฉูเทียนหัวได้รับอนุญาตจากฮังอวี่ เขาก็ส่งรายงานเรื่องมนุษย์ปลาให้แก่พวกระดับสูงทันที และเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้กระตุ้นความสนใจของเหล่าเถ้าแก่ใหญ่อย่างมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฮังอวี่พึ่งกลับมาจากโลกวิญญาณก็ได้รับคำเชิญจากเล่ยหยิง ผู้บัญชาการของสกายเน็ต
แต่ไม่เหมือนครั้งก่อน
คราวนี้เขาไม่ต้องถ่อไปถึงสำนักงานใหญ่ของสกายเน็ต ผู้บัญชาการเล่ยได้จองห้องส่วนตัวในร้านอาหารของต้าไห่บนถนนมังกรฟ้า นัดเจอฮังอวี่ใกล้บ้านของเขา
ในฐานะเถ้าแก่ใหญ่ การกระทำเช่นนี้ มันคือการสื่อว่ากำลังให้เกียรติฮังอวี่
เมื่อฮังอวี่มาถึงห้องส่วนตัว เขาก็พบว่า ถ้าไม่นับรวมคนอื่นที่ตัวเองรู้จักอย่างเล่ยหยิงและฉูเทียนหัวแล้ว
ยังมีชายชราอีกคนที่ดูมีอายุราวๆ 60 ปี แก่กว่าผู้นำองค์กรทั้งสอง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูสงบ สุขุม และยังมีพลังรบไม่ด้อยไปกว่าทั้งสอง
พิจารณาจากลำดับที่นั่ง สถานะของชายชราคนนี้ ดูเหมือนว่าจะสูงกว่าฉูเทียนหัวหรือกระทั่งเล่ยหยิง
ต้องรู้นะว่า บุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าทั้งคู่ ในเจียงเฉิงสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ
เขาเป็นใครคงเดาได้ไม่ยาก
อีกด้านหนึ่ง ขณะนี้ชายชรากับเล่ยหยิงต่างประหลาดใจ
เพราะฮังอวี่ไม่ได้ปิดซ่อนกลิ่นอาย บนตัวเขาแผ่ร่องรอยของความดุดันออกมา ชวนให้ผู้คนที่มองมารู้สึกราวกับว่าคนเบื้องหน้ามิใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ร้ายอันน่าสะพรึง!
ต่อให้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่มีตำแหน่งสูง ก็ยังเลี่ยงที่จะตกใจกับกลิ่นอายนี้ไม่ได้
นี่ไม่เหมือนกับความรู้สึกทรงอำนาจที่แผ่ออกมาจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง แต่มันคือการข่มกันระหว่างสิ่งมีชีวิต
ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อยและเอ่ยว่า “ยอดเยี่ยม สมกับเป็นยอดฝีมือที่โด่งดังที่สุดในจีน แค่กลิ่นอายเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกเรารู้สึกถึงความห่างชั้นแม้อยู่ใกล้แค่เอื้อม”
“ขอบคุณ”
ฮังอวี่เก็บกลิ่นอายตน เหลือบมองฉูเทียนหัวด้วยสายตาเชิงคำถาม
ฉูเทียนหัวแนะนำทันที “นี่คือรองเทศมนตรีหวงหงเสวียน”
เล่ยหยิงยังช่วยเสริมว่า “ท่านรองเทศมนตรีหวงรีบมาทันทีหลังจากได้ยินเรื่องของนาย”
ฮังอวี่ไม่กล้าละเลย
ปรากฏว่าเขาคือรองเทศมนตรีของเมืองเจียงเฉิง!
หลังจากการรุกรานของโลกวิญญาณ วิธีการคัดเลือกผู้ที่จะได้ตำแหน่งเทศมนตรีนั้นไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง
ในยุคโลกวิญญาณ หลายจังหวัดเริ่มถูกละทิ้ง ประชากรทั้งประเทศมากระจุกตัวกันอยู่ในเมืองศูนย์กลางทั้ง 36 แห่ง
โครงสร้างองค์กรของรัฐบาลถูกปรับโฉมใหม่
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองคนแล้วคนเล่าได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แต่ละภูมิภาคมีความเป็นอิสระค่อนข้างสูง สิทธิอำนาจของพวกเขาไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
เทศมนตรีในยุคโลกวิญญาณไม่เหมือนกับในสมัยก่อน อำนาจของพวกเขาในตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าผู้ว่าจังหวัดในอดีต!
ตัวตนเหล่านี้มักได้รับแต่งตั้งจากส่วนกลางหรือไม่ก็ถูกทางรัฐบาลส่งตัวมาโดยตรง ทุกคนล้วนมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ไม่ก็เคยเป็นผู้นำระดับสูงของกองทัพในท้องถิ่นนั้นๆ
หวงหงเสวียนกล่าวว่า “เดิมทีเทศมนตรีเหมิงต้องการมาพบนายด้วยตัวเอง แต่เพราะข่าวนี้มันกะทันหันเกินไป อีกอย่างเทศมนตรีเหมิงยังมีภารกิจสำคัญต้องจัดการ ฉันเลยมาพบนายแทน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่กล้าถือสาๆ”
เทศมนตรีเหมิงสมควรเป็น No.01 ของเมืองเจียงเฉิง
ฮังอวี่มั่นใจในพลังรบของตนและกองกำลังของเขาก็จริง
อย่างไรก็ตาม
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนระดับเถ้าแก่ใหญ่ เขาไม่กล้าทำตัวเหิมเกริม จงใจแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน
รองเทศมนตรีหวงยื่นมือส่งสัญญาณให้ฮังอวี่นั่งลงและกล่าวว่า “เรื่องฐานการผลิตของมนุษย์ปลาที่นายตั้งขึ้นนั้นสำคัญมาก ฉันอยากรู้ว่ามีกี่คนที่ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้?”
ฮังอวี่กล่าว “นอกจากคนหรือสองคนที่ใกล้ชิดกับผม ในตำแหน่งระดับกลางลงไปในกองกำลังไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
รองเทศมนตรีหวงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ดีแล้ว เรื่องนี้จะถูกจัดเป็นความลับสุดยอดของเมืองเจียงเฉิง เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล พวกเราต้องเงียบเข้าไว้”
“จุดประสงค์หลักที่เชิญนายมาที่นี่ในวันนี้ คือการหารือกันเรื่องความร่วมมือในโครงการฐานมนุษย์ปลา”
“แต่อย่าเข้าใจผิดไป ทางรัฐบาลไม่ได้มีเจตนาอื่น พวกเราไม่คิดช่วงชิงผลประโยชน์ เพราะยังไงซะในมุมมองของพวกเรา ประโยชน์ที่ได้จากฐานมนุษย์ปลาเป็นแค่เรื่องรอง สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่าคือสถานการณ์ปัจจุบัน”
เหตุใดฮังอวี่จึงไม่กังวลเรื่องเปิดเผยฐานมนุษย์ปลา?
ทางหนึ่งเพราะมันไม่สามารถปกปิดได้
อีกทางหนึ่งเพราะเขามั่นใจว่าถึงแม้ในเจียงเฉิงจะเต็มไปด้วยกองกำลังมากมาย แต่ขณะเดียวกันตัวเมืองถูกรายล้อมไปด้วยปัญหาทั้งภายในและภายนอกจากศัตรูที่แข็งแกร่ง
ฝั่งรัฐบาลกำลังดิ้นรนเพื่อรักษาเสถียรภาพ ดังนั้นไม่มีทางตัดสินใจทะเลาะเบาะแว้งกับกองกำลังพลเรือน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังพลเรือนที่มีชื่อเสียงและภูมิหลังอันเข้มแข็งอย่างฮังอวี่ พวกเขายิ่งจะไม่ลงมือ แต่ใช้ไม้อ่อนแทน
ต้องรู้นะว่าบอสฮังและเมืองหุบเขาเดียวดายเกือบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนแล้ว พวกระดับสูงของรัฐก็ตั้งใจที่จะยกเขาให้กลายเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลเจียงเฉิงจะเตะเขาออกจากเกม ตรงกันข้าม พวกเขาพยายามดึงตัวฮังอวี่
ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าฐานมนุษย์ปลาอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮังอวี่
หากไม่มีเสน่ห์ของซูหยุนปิง
การครอบครองฐานมนุษย์ปลาไม่มีทางเป็นไปได้
ที่ฮังอวี่ยกเรื่องนี้ขึ้นโต๊ะ เป็นเพราะต้องการเจรจาอย่างสันติกับผู้นำระดับสูงของเมืองเจียงเฉิง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาโดยการยอมเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา
และหากได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากทางรัฐบาล มันจะช่วยเร่งพัฒนาฐานการผลิต ซึ่งเป็นผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
ฮังอวี่ไม่ทันได้ออกความคิดเห็น
ผู้บัญชาการเล่ยก็เสนอเงื่อนไขทางฝั่งตัวเอง “รัฐบาลเจียงเฉิง , สกายเน็ตเจียงเฉิง และสำนักข่าวกรองเจียงเฉิงต้องการร่วมมือกับนาย นายคิดว่าจะแบ่งหุ้นในฐานมนุษย์ปลาให้พวกเราได้เท่าไหร่?”
ฮังอวี่กล่าว “มากสุดแค่ 30%”
ผู้บัญชาการเล่ยและรองเทศมนตรีหวงมองหน้ากัน
หวงหงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ส่วนแบ่งนี้ไม่มาก
แต่สิ่งที่รัฐบาลเจียงเฉิงให้ความสำคัญ ไม่ใช่ผลประโยชน์เรื่องนี้
เพราะการที่ฮังอวี่ยินดีมอบส่วนแบ่งให้ 30% นี่ถือว่าจริงใจมากแล้ว หากมากกว่านี้เกรงว่าจะสร้างความยุ่งยากให้อีกฝ่าย
ผู้บัญชาการเล่ยเอ่ยถาม “แล้วเงื่อนไขของนายคืออะไร?”
“รัฐบาลเจียงเฉิงต้องตั้งทีมแนวหน้าเฉพาะกิจไปประจำการในฐานมนุษย์ปลา นอกจากนี้ หุ่นส่วนทุกคนต้องจัดส่งทีมฝ่ายผลิตไปสร้างฐานการผลิตร่วมกัน อย่างไรก็ตาม พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดการหรือการตัดสินใจใดๆของฐานมนุษย์ปลา สามารถควบคุมดูแลได้แค่ส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเท่านั้น”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเถ้าแก่ใหญ่หลายคน ฮังอวี่เปิดเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดของเขาอย่างไม่ถ่อมตนหรือเย่อหยิ่งเกินไป
ถ้าให้สรุปง่ายๆ
ก็คือทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ แต่ห้ามเข้าไปบังคับพวกมนุษย์ปลา
ฉูเทียนหัวพยักหน้า
สิ่งที่เจียงเฉิงกังวลมากที่สุดในตอนนี้คืออะไร?
อันดับแรก พวกเขากังวลว่ามนุษย์ปลาจะสูญเสียการควบคุม และกลายเป็นภัยคุกคามที่อยู่ใกล้เมืองเจียงเฉิง
อย่างที่สอง พวกเขากังวลว่าขุมกำลังนี้จะตกอยู่ในมือฮังอวี่แต่เพียงผู้เดียว แล้วสุดท้ายกลายมาเป็นกดดันฝั่งรัฐบาลแทน
เพราะยังไงซะ จำนวนประชากรของเผ่าวายุคลั่งไม่ใช่น้อยๆ!
ดังนั้นจำเป็นต้องมีคนคอยสอดส่องดูแล
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
ฮังอวี่ไม่มีความตั้งใจจะตั้งตนเป็นราชาในช่วงเวลาที่โลกกำลังวุ่นวาย
หรือต่อให้เขามีความตั้งใจจริงๆ แต่ในโลกวิญญาณมีดินแดนอยู่มากมาย ถ้าให้เลือกระหว่างโจมตีเพื่อยึดเจียงเฉิง ทำไมเขาไม่ใช้เจียงเฉิงเป็นฐานหลังบ้านแล้วตั้งตนเป็นใหญ่ในโลกวิญญาณเสียเล่า?
ตรงกันข้าม หากเจียงเฉิงเป็นระเบียบและเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ แบบนั้นต่างหากจึงสอดคล้องกับความตั้งใจของฮังอวี่
ดังนั้นฮังอวี่จึงไม่คิดทำอะไรที่เป็นการคุกคามเมืองเจียงเฉิง
เช่นนั้นถ้าเป็นพวกมนุษย์ปลาเล่า? ในเมื่อคนอื่นกังวล เขาจึงยอมให้คนของทางการส่งคนไปคอยสอดส่องพวกมัน สามารถจับตาดูได้ตลอดเวลาเพื่อความสบายใจ
และตราบใดที่มีการเริ่มต้นแบ่งปันผลประโยชน์ฐานมนุษย์ปลา ในอนาคตความร่วมมือใดๆก็สามารถต่อรองกันได้
รองเทศมนตรีหวงตัดสินใจในท้ายที่สุด “ตกลง เงื่อนไขนี้พวกเรารับได้ มาพูดถึงเงื่อนไขในการแบ่งปันวัตถุดิบกันต่อ”
ผู้บัญชาการเล่ยเอ่ยตรงๆ “สกายเน็ตสามารถร่วมมือกับฐานมนุษย์ปลา ช่วยกันพัฒนาได้ แต่ชาลู่ต้องให้ข้อมูลแก่ทางเรา แล้วทางเราจะรับผิดชอบในการปฏิบัติการ ช่วยผนวกฐานมนุษย์ปลาตัวอื่นๆเข้ากับเมืองหยุนสุ่ย”
ฮังอวี่ลอบบ่นในใจ
นี่ยังนับเป็นเงื่อนไขอีกหรือ?
ต่อให้ไม่มีฐานมนุษย์ปลาเมืองหยุนสุ่ย
แล้วสกายเน็ตจะไม่ต้องต่อสู้กับผู้เบิกทางจากเผ่าวายุคลั่งหรือไง?
ผู้บัญชาการเล่ยเห็นว่าฮังอวี่ไม่เปิดปากพูด เขาสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจึงกล่าวเสริมว่า
“ถึงพวกเราจะเป็นฝ่ายต่อสู้กับผู้รุกรานจากเผ่าวายุคลั่งตนอื่นๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะฮุบเอาสินสงครามทั้งหมดไป วัตถุดิบครึ่งหนึ่งที่รวบรวมมาได้จะถูกนำมาใช้ในการลงทุนฐานการผลิตเมืองหยุนสุ่ย เพื่อส่งเสริมพัฒนาการฐานของชาลู่”
เออ แบบนี้สิค่อยเข้าท่าหน่อย
ฮังอวี่พยักหน้า
ตราบใดที่สกายเน็ตสามารถทำตามที่พูด ฐานมนุษย์ปลาเมืองหยุนสุ่ยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ผู้บัญชาการเล่ยเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง “สุดท้าย สกายเน็ตจะให้การสนับสนุนด้านเทคนิคสำคัญแก่ฐานเมืองหยุนสุ่ย นายคงรู้ว่าด้านการรวบรวมวัตถุดิบและมรดก ทางสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงเก่งไม่แพ้ทีมไหนในเจียงเฉิง”
ดวงตาของฮังอวี่เป็นประกาย
คำๆนี้ดึงดูดความสนใจของเขามาก