2011 - ต่างแยกกันไปตามทาง
2011 - ต่างแยกกันไปตามทาง
เหตุที่คล้ายคลึงกันแต่ตอนจบของพวกเขาแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
เมื่อราชโองการของอาณาจักรเซียนถูกถ่ายทอด บรรยากาศในตระกูลจิน ตระกูลเฟิงและคนอื่นๆล้วนตกต่ำและเยือกเย็น
อันที่จริงผลลัพธ์ครั้งนี้พวกเขาต่างสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
มิหนำซ้ำพวกเขายังต้องกวาดล้างลูกหลานของตัวเองครั้งใหญ่ ความเสียหายของพวกเขานั้นตระกูลหวังเทียบไม่ได้เลย
ในขณะเดียวกันความเหี้ยมหาญของเซียนอมตะหวังกลับทำให้ทุกชีวิตในตระกูลสามารถเข้าสู่อาณาจักรเซียนได้เช่นเดิม
วันนั้นจินไท่จุนดูเหมือนจะแก่ชราเพิ่มขึ้นอีกแสนปี ใบหน้าของนางยับเยิน ผมสีขาวราวกับหิมะเริ่มแห้งร่วงหล่นตามลม นางเป็นเหมือนตะเกียงที่กำลังจะหมดเชื้อเพลิง
ปู!
ต่อหน้านางศีรษะของชายคนหนึ่งโบยบินไปพร้อมกับเสียงคำรามและเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวจากภายในตระกูล
มือที่สั่นระริกของนางตวัดดาบอย่างต่อเนื่องเพื่อสังหารผู้คนมากมาย
วันนั้นนางลงมือเองฆ่าลูกหลานหลายคน แม้กระทั่งลูกชายลูกสาวและหลานๆของนาง
สายเลือดของนางเกือบถูกสังหารหมู่ทั้งหมด
เซียนอมตะหวังสังหารลูกของตัวเองห้าคน ขณะที่นางถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น นางต้องฆ่าคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด
มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองเกินกว่าจะทนได้ ผู้คนในสายเลือดนี้เหี่ยวแห้งไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีตระกูลเฟิงบรรพบุรุษโบราณของตระกูลนี้ก็ได้รับราชโองการเช่นเดียวกัน เขาลงมือสังหารลูกหลานตัวเองที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตในความมืด
บรรพบุรุษเฒ่าผู้นี้บรรลุเต๋ามาเป็นระยะเวลาเกือบล้านปีแล้ว แต่วันนี้เต๋าของเขาต้องพังทลายลง เป็นเพราะเขามีลูกชายทั้งหมดเจ็ดคนและทั้งหมดอยู่ในรายชื่อที่ต้องถูกประหารชีวิต
ก่อนหน้านี้เขามีลูกหลายคนแต่บางคนเสียชีวิตด้วยวัยชรา บางคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
เด็กทั้งเจ็ดเป็นเหมือนดวงใจของเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนกลับถูกเขาลงมือสังหารด้วยตัวเอง
นี่เป็นเหตุการณ์พายุครั้งใหญ่ที่โหมกระหน่ำเข้าใส่เก้าสวรรค์สิบพิภพ
นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงผู้ฝึกตนหลายคนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ในระหว่างวันเหล่านี้ฝนเทลงมาจากสวรรค์และมีสีแดงฉานจางๆ นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าผู้สูงสุดบางคนได้เสียชีวิตแล้ว
สองตระกูลใหญ่ทรุดตัวลงทันที มีคนตายจำนวนมากเกินไป!
ผู้คนยังสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของผู้เชี่ยวชาญของ อาณาจักรเซียนจากสิ่งนี้
พวกเขาถูกบังคับให้ต้องสังหารลูกหลานของตนเองอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษโบราณตระกูลจินและตระกูลเฟิงต่างก็รอดชีวิตไม่ถูกฆ่า
ในราชโองการของอาณาจักรเซียนนั้นสั่งให้พวกเขาต้องสร้างคุณความดีเพื่อชดเชยความผิดของพวกเขาโดยจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด
“ช่างเลวร้ายจริงๆ ผู้คนของอาณาจักรเซียนไม่ใช่คนดี โหดเหี้ยม เลือดเย็น อย่างไรก็ตาม ข้าชอบสิ่งนี้ ฮ่าฮ่า…” มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังสามารถหัวเราะได้ก็คือเจ้าอ้วนเฉา
พวกเขามีความแค้นอย่างลึกล้ำกับสองตระกูลนี้มานาน วันนี้ความอัปยศอดสูของพวกเขาได้ชำระล้างเสียที
โลกทั้งใบถูกเหวี่ยงและหมุนไปรอบๆผู้ฝึกตนจากตระกูลต่างๆ ต่างก็สั่นสะท้านจากภายใน
มีเรื่องแบบนี้จริงๆ ตระกูลอมตะได้ทรยศต่อดินแดนนี้จริงๆ โดยต้องการเข้าร่วมกับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดและทำการกวาดล้างผู้คนจากเก้าสวรรค์สิบพิภพ
“เซียนอมตะหวังรู้วิธีจัดการกับเรื่องต่างๆ เจตจำนงของเขาเหมือนเหล็กกล้า ในขณะที่จินไท่จินมีจิตใจอ่อนโยนเมตตาต่อลูกหลานของตัวเองนี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างพวกเขา!”
มดเขาสวรรค์ เจ้าอ้วนเฉาและคนอื่นๆต่างรู้สึกหนาวเหน็บเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้คนจึงไม่รู้ว่าหีบไม้ใบนั้นไปตกอยู่ที่ใดแล้ว
คชา!
รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทีละส่วนอันเป็นผลมาจากการปะทะกันของเก้าสวรรค์สิบพิภพ
ยุคไร้การฝึกฝนได้เริ่มต้นขึ้นแล้วกระบวนการนี้ผ่านพ้นไม่ได้ ตระกูลอมตะที่ไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรเซียนต่างถูกกวาดล้างจนแทบจะหมดสิ้น!
ในเวลานี้ยุคที่ปราศจากการบ่มเพาะกำลังมาถึงด้วยก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่
“อา…”
มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงกรีดร้องของเจิ้งเต๋อครึ่งก้าวผู้สูงสุด ตอนนี้อายุขัยของเขาเหลือไม่มากแล้วเวลาผ่านไปเพียงสองเดือนเท่านั้นแต่เขากำลังจะตาย
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้น่ากลัวเกินไป เจิ้งเต๋อผู้ยิ่งใหญ่ใกล้จะเสียชีวิตด้วยความชรา!
ในเวลาเดียวกันสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในเก้าสวรรค์สิบพิภพ ผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่อยู่ในวัยชราต่างก็ทยอยเสียชีวิตจากการทำสมาธิ
ในช่วงเวลานี้อาณาจักรเซียนได้ถอนทหารออกไปจริงๆ ตอนนี้เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆเพื่อรักษาสมดุลสุดท้าย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาก็กำลังจะถอนตัวเช่นกัน ในที่สุดโลกนี้ก็จะเงียบลง
ในช่วงสองเดือนนี้สือฮ่าวเดินทางมาส่งทัวปาอู่หลงและหงส์เพลิงทั้งสองของตระกูลเว่ยที่ทางเข้าของอาณาจักรเซียน
ราชันย์สิบสมัยผู้อมตะที่ถูกเนรเทศก็พยักหน้าให้กับเขาก่อนจะจากไปเช่นเดียวกัน
มีบางคนที่สือห่าวเดินทางมาส่งด้วยตัวเอง แต่ก็มีบางคนที่เขาไม่เคยสนใจแม้แต่น้อยตัวอย่างเช่นราชาหกสมัยหนิงชวน หากฝ่ายตรงข้ามกล้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาตอนนี้
สือฮ่าวก็ไม่ลังเลที่จะตัดศีรษะของหนิงชวนลงมา
ผู้สืบทอดของดินแดนอมตะบางคนมาเพื่อนำทางให้กับพวกเขา ดังนั้นจึงมีบางคนที่สือฮ่าวไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาได้
“พี่ใหญ่เจ้าจะไม่ไปจริงๆ”
วันนั้นสือฮ่าวแอบเห็นฉินฮ่าวก็มาด้วย เขาไม่คิดว่าน้องชายจะสามารถเข้าสู่อาณาจักรเซียนได้จริงๆ
เป็นเพราะกระดูกเต๋าที่อยู่ในร่างกายของเขาดึงดูดใจราชาอมตะคนหนึ่ง ราชาอมตะคนนั้นจึงรับฉินฮ่าวไว้เป็นศิษย์และทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรเซียนได้
เซียนอมตะฉินได้ตั้งปณิธานไว้นานแล้วเขาไม่ต้องการให้เกิด 'ภัยพิบัติที่มีชีวิตยืนยาว' นั่นเป็นเหมือนความฝันอันน่าสะพรึงกลัว
เขาเป็นเซียนอมตะฉิน นอกจากนี้ยังมีเซียนอมตะมู่ และ เซียนอมตะหวังนี่คือสิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานจนถึงแก่นแท้
“พี่สาว ข้าอยากรู้จริงๆว่าคนที่เจ้าชอบคือใครกันแน่เรื่องนี้หลอกหลอนข้ามานาน? อย่าบอกนะว่าเป็นข้า? ฮาฮา…” สือฮ่าวเดินทางมาส่งเซียนสาวของสำนักแยกฟ้าด้วยตัวเองเช่นกัน
ในอดีตเซียนสาวบอกว่านางมีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นทำให้สือฮ่าวรู้สึกอิจฉาชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นเป็นอย่างมาก
"บอกเจ้าให้ก็ได้ หากว่าเจ้าสามารถกลายเป็นผู้อมตะได้ ข้าถึงจะยอมลดตัวลงมาแต่งงานกับเจ้า!” หญิงสาวหัวเราะแล้วกรอกตามองสือฮ่าว
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะจากกันนางก็ถอนหายใจเบาๆพร้อมกับกอดเขาไว้แน่น
“น้องชายตัวน้อยของข้าเจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย!”
เซียนสาวจากไปแล้ว คนอื่นๆก็จะไปเช่นเดียวกัน
“เจ้าไม่ไปกับพวกเขาหรือ” สือฮ่าวถามเฉาอวี่เซิ่ง เขาสกัดค่ายกลจากร่างกายของ หวังต้า หวังอู่ และหวังปา ก่อนจะประทับมันไว้ในร่างกายของเจ้าอ้วนเฉา
น่าเสียดายที่มังกรอีกห้าตัวถูกฆ่าโดยตรงจากเซียนอมตะหวังดังนั้นจึงไม่มีทางได้ค่ายกลที่สมบูรณ์แบบอีกต่อไปแล้ว
“ข้าไปไม่ได้ ชะตาของข้าอยู่ที่นี่ เมื่อสถานการณ์เลวร้ายข้าต้องฝังตัวเองไว้ หลังจากผ่านไปหลายล้านปีข้าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งและกล้าหาญอีกครั้ง!” เฉาอวี่เซิ่งตบหน้าอกของตัวเอง
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงคำพูดดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ
“ไม่รู้ว่าตอนนั้นข้าจะยังจำเจ้าได้หรือไม่ มีคนมากมายที่ข้าไม่ต้องการลืม?”
เขาไม่ได้เข้าสู่อาณาจักรเซียน แต่เขาปลีกตัวเองไปสถานที่เปลี่ยวร้าง จากนั้นสือฮ่าวก็ไม่ได้พบเขาอีกนานแสนนาน
ผู้คนจากนิกายเสริมฟ้าทั้งหมดอพยพ ชิงยี่เป็นคนสุดท้ายที่จะเดินทางต่อไป นางหันหน้ากลับมามองข้างหลังตลอดเวลาราวกับกำลังรอใครบางคน
ในท้ายที่สุดนางก็หลบหนีออกจากนิกายเสริมฟ้าเป็นการชั่วคราวเพื่อจะออกมาตามหาสือฮ่าว
นี่เป็นสถานที่อันเงียบสงบ ชิงยี่ยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว ไม่นานหลังจากนั้น ร่างหนึ่งก็เดินลงมายืนอยู่ข้างหลังนาง