ตอนที่ 27 ยืนเชิด-2
ทุกคนต่างก็ปีนขึ้นไปอย่างสุดกำลัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ติด1 ใน 40 อันดับแรก แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะกลายเป็นตัวตลกที่อยู่ที่โหล่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ศิษย์ทุกคนจากนิกายใหญ่และครอบครัวของพวกเขาอยู่ที่นี่
ในการแข่งขันอันทรงเกียรติแบบนี้ การแพ้ให้กับศิษย์ในนิกายเดียวกันนั้นไม่ใช่เรื่องน่าละอาย แต่การแพ้ให้กับคนจากนิกายอื่นคือความอัปยศ
“ดูสภาพน่าสมเพชของพวกมันสิ พวกมันควรจะอยู่แค่ในหอพัก”
สาวกจากนิกายดาวอรุณรุ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันตะโกนใส่สาวกหุบเขาทองคำ ขณะที่สาวกของหุบเขาทองคำหัวเราะลั่นและเยาะเย้ยพวกเขา
“อย่างน้อยเราก็อยู่ในการแข่งขันครั้งนี้ ไม่เหมือนพวกขี้ขลาดที่ไม่มีความกล้าเข้าร่วม”
สาวกหุบเขาทองคำตะโกนกลับ
“พวกเราอยากอยู่เฉยๆมากกว่าเข้าร่วมและนำความอับอายมาสู่นิกาย ไม่เหมือนขยะอย่างพวกเจ้า”
"บัดซบ!"
"เฮ้ สาวน้อย ใช่เจ้ามาจากจันทร์เงิน อย่าไปคุยกับพวกขยะดาวอรุณรุ่ง พวกมันเป็นล้วนแต่เป็นตัวน่ารังเกียจ"
บนบันไดเต็มไปด้วยความโกลาหลและมีความบันเทิงให้ฝูงชนได้เพลิดเพลิน สาวกหลายคนก่นด่ากัน
โชคดีที่มีการห้ามต่อสู้ ไม่เช่นนั้นที่นี่จะกลายเป็นสมรภูมิไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หยุดพวกเขาจากการดูถูกกันโดยใช้คำพูดและบางคนก็นำเริ่มก่นด่าบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดหยุดนิ่งและหุบปากเมื่อสังเกตเห็นคนชุดดำเดินผ่านพวกเขาไปอย่าง
"เขาเป็นใคร?”
“เขามาจากนิกายของเราอย่างงั้นหรอ?”
“ไม่ ดูเสื้อคลุมสีดำของเขาสิ เขาไม่ใช่คนของนิกายไหนทั้งนั้น”
ภายในหัวของไมเคิล ระบบให้รางวัลแก่เขาด้วยคะแนนสุดโกงและแปลงแรงกดดันวิญญาณเป็นค่าประสบการณ์ เขามีความสุขมากในขณะที่เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่หัวเราะออกมาด้วยความดีใจ
"โอ้ พระเจ้า! เขาอยู่ห่างจากอีวานและวิคตอเรียแค่สิบห้าก้าว"
สาวกของนิกายอรุณรุ่งรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงและสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า พวกเขาสงสัยว่าไรอัน ศิษย์ที่เก่งที่สุดของพวกเขาจะไปถึงระดับนี้ได้อย่างสบายๆ แบบนั้นไหม
“มนุษย์ พักสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกน่า”
“พักหรอ? สำหรับข้านี่เหมือนเดินเล่นในสวนสาธารณะ”
“เจ้ามันหยิ่งจองหอง รู้ตัวไหม?”
ขณะที่ไมเคิลกำลังเดินไปด้านบนอย่างใจเย็น
อีวาน คลาร์ก,วิตอเรีย พาร์คเคน, ฮานนา เบอร์รี่และไนล่า รีดไปถึงขั้นที่ 45 แล้ว และเมื่อถึงขั้นที่ 50 ความสงบบนใบหน้าและท่าทางก่อนหน้านี้ของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ความเร็วในการปีนลดลงอย่างมากเนื่องจากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น
“ดูสิ นั่นคือผี!”
เมื่อไมเคิลก้าวขึ้นไปบนขั้นที่ 40 และยืนอยู่คนเดียว ใครบางคนจากฝูงชนก็ตะโกนขึ้น
“เจ้าหมายถึงผีที่ทำลายล้างนิกายเลือดและกระดูกเหรอ!”
“ใช่ เขาคือผีจากเมืองแม่น้ำ!”
ทันทีที่ฝูงชนได้ยินสิ่งนี้ สายตาทั้งหมดของพวกเขาก็ละจากสาวกผู้มีชื่อเสียงและมองไปที่ไมเคิล ขณะที่ระบบให้คะแนนสุดโกงแก่เขาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ฝูงชนเท่านั้น แต่เหล่าสาวกผู้มีชื่อเสียงก็หยุดการสนทนาของพวกเขาและมองไปยังคนที่ฝูงชนตะโกนเรียกผี
ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มอบอุ่น ในขณะที่เขาเดินขึ้นไปบนยอดราวกับแรงกดดันวิญญาณที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากสายลมที่แผ่วเบา
“นั่นมันไอ้บ้านั่น”
เซลิน่ากัดฟันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่น้ำตก
"ระดับการบ่มเพาะของเขาฆ่าทั้งนิกายได้ยังไง?"
“เจ้าโง่! ระดับหลอมกายาขั้น 1 ปกติจะสามารถไปถึงขั้นที่ 45 ได้หรือไง?”
ผู้คนที่เยาะเย้ยเขาในตอนแรกโดยไม่มีเหตุผลรู้สึกหนาวสั่น
"ข่าวนี่มันกระจายเร็วจริงๆ"
เขาดีใจที่มีคนจากเมืองแม่น้ำมาที่นี่และจำเขาได้ บนโลกเขาต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครจำเขาได้ แต่ที่นี่ ยิ่งมีคนจำเขาได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้รับคะแนนสุดโกงจากระบบมากขึ้นเท่านั้น
“ข้าไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นผีที่มีชื่อเสียงจากเมืองแม่น้ำ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดา”
ผู้อาวุโสมาร์คยิ้มและถอนหายใจ
เมื่อมองชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าพวกเขาปีนสูงขึ้นและสูงขึ้น ขณะที่ศิษย์ส่วนใหญ่เริ่มคลานโดยใช้มือและเท้าทั้งสองเหมือนเด็กทารก พวกเขาต่างก็ดีใจ
“เขาเป็นใคร? เขามาจากไหน?”
ฮานนากับไนล่าจ้องมอง ขณะที่พวกนางพยายามปีนไปข้างหน้าโดยใช้พละกำลังทั้งหมด
"เป็นไปไม่ได้"
หัวใจของเซลิน่าสั่นสะท้านด้วยความโกรธ แต่นางไม่สามารถแสดงให้อเล็กซ์เห็นได้ ถ้าอเล็กซ์ทำอะไรเขาเพราะนาง ทั้งสองคนจะถูกลงโทษโดยนิกายโทษฐานไม่เคารพการแข่งขัน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกลืนความโกรธของนางและจับตามองเขา
อัจฉริยะทั้งสี่คนรวมถึงอีวาน คลาร์กพยายามอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปข้างหน้า พวกเขาแต่ละคนภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนที่เก่งที่สุดและไม่อยากแพ้ให้กับคนนอก น่าเสียดายสำหรับพวกเขา แรงกดดันบนขั้นที่ 60 นั้นรุนแรงเกินไป และพวกเขารู้ว่าพวกเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้น ณ จุดนี้ พวกเขาเลยหันกลับไปมองเขาอย่างสงบ
“มนุษย์ แรงกดดันบนขั้นที่สูงกว่านี้จะรุนแรงเกินไป หยุดตรงนี้เถอะ เจ้ามาถึง 10 อันดับแรกแล้ว”
ไมเคิลสัมผัสได้ถึงความประหม่าในน้ำเสียงของนาง แต่เขาไม่คิดจะล้มเลิกในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าประสบการณ์และคะแนนสุดโกงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
"เขาจะไปถึงขั้นที่ 60 ไหม?"
“ถ้าเขาทำได้ พวกนิกายใหญ่คงอยากได้ตัวเขากันมาก”
“ผู้อาวุโสมาร์ค ท่านคิดว่าเขาจะยังต้องการเข้าร่วมนิกายของเราอยู่ไหม?”
แคลร์รู้ว่า ณ จุดนี้ สามนิกายใหญ่จะเสนอทรัพยากรมากมายแก่เขาและขอให้เขาเข้าร่วมนิกายของพวกเขา
“ชาวเมืองแม่น้ำบอกว่าเขาทำลายนิกายเลือดและกระดูกเพราะพวกเขาสังหารหมู่หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยสามัญชน มันอาจฟังดูไร้เหตุผล แต่ข้ามีความรู้สึกว่าเขาจะเคารพคำพูดของเขา”
“งั้นดวงอาทิตย์ก็คงขึ้นในนิกายของเราแล้วจริงๆ”
“เจ้าคิดว่าเขาโสดหรือเปล่า?”
“ดูเขาสิ หนุ่มหล่ออย่างเขาไม่น่าจะโสด”
“ข้าว่าเขามีแฟนแล้วนะ”
สาวกหญิงรวมทั้งคนในสามนิกายใหญ่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา สาวกจันทร์เงินมองเขาราวกับว่าจะกินเขาทั้งเป็นในขณะที่เขาไปถึงขั้นที่ 59 และยืนห่างจากสาวกคนดังทั้งสี่
ด้วยพลังเฮือกสุดท้ายอีวาน คลาร์กและวิตอเรีย พาร์คเคน ก้าวไปอีกขั้นและไปถึงขั้นที่ 61 โดยทิ้งฮานนากับไนล่าไว้ข้างหลัง
“เขาทำได้แล้ว”
"โอ้พระเจ้า!"
ฝูงชนเริ่มกระสับกระส่ายเมื่อเห็นเขายืนอยู่ข้างๆ ฮานนาและไนล่าในชั่วพริบตา ทว่า โดยไม่หยุดพัก เขาก็ก้าวไปอีกก้าวหนึ่งและไปอยู่ข้างอีวาน คลาร์กกับวิตอเรีย พาร์คเคน
"เจ้าเป็นใคร?"
อีวาน คลาร์กหมดแรงและหายใจติดขัดขณะถาม ส่วนไมเคิลยังคงดูสงบราวกับว่าเขามีภูมิคุ้มกันต่อแรงกดดัน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่อีวานรู้สึกด้อยกว่าคนที่อายุเท่าเขา ในตอนแรกเมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับความพินาศของนิกายเลือดและกระดูก เขาไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะด้วยแผนการและคาถาที่ถูกต้อง ใครๆ ก็สามารถทำสำเร็จได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่าคนๆ นั้นจะทรงพลังและมีความสามารถขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงระดับการบ่มเพาะของเขา และเมื่อมองใบหน้าที่สงบของเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมและเคารพ
“ไม่ได้ยินหรอ? ข้าชื่อผี”
เขาตบไหล่อีวานเบาๆ และก้าวค่อไป
“มันจะเป็นไปได้ยังไง”
ดวงตาของวิตอเรียและอีวานเบิกกว้าง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“เขาอยู่แค่ระดับหลอมกายาขั้น 1 เท่านั้น เขาต้านทานแรงกดดันขนาดนั้นได้ยังไง?”
“เขาไม่ได้อยู่ในนิกายใดๆ แต่เขาสามารถเอาชนะเราได้”
สามสาวสะดุ้งและมองเขาที่กำลังก้าวขึ้นไปด้านบน
“เขาคงใช้ยาบางอย่างเพื่อต้านทานแรงกดดันวิญญาณ ด้วยระดับการบ่มเพาะที่อ่อนแอแบบนั้น ข้าจะสามารถระเบิดเขาได้ด้วยคาถาเดียวถ้าเจอกันในสนามรบ”
วิคตอเรียพูดอย่างใจเย็นขณะที่ทั้งสามคนสัมผัสได้ถึงความเย่อหยิ่งในน้ำเสียงของนาง แต่พวกเขาก็เห็นด้วยกับนางเช่นกันพวกเขาคือผู้บ่มเพาะระดับหลอมกายาขั้น 8 ส่วนผีเป็นเพียงผู้บ่มเพาะหลอมกายาขั้น1เท่านั้น พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเขาคงใช้กลอุบายบางอย่างเพื่อฆ่ารัฟฟี่และปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขาสามารถเอาชนะรัฟฟี่อย่างยุติธรรมและตรงไปตรงมา