วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0082
บทที่ 27 การพักผ่อน, คือส่วนหนึ่งของการเดินทาง (3)
* * *
ปลายทางของโดรนที่บินไปได้ไกล คือรอยแยกขนาดมหึมากลางทะเลทรายตะวันออก
ณ ที่นั่น หนวดปลาหมึกยักษ์ขนาดมโหฬารสะบัดขึ้นมากระแทกโดรน
“…”
ชาโซฮีกำลังนั่งบนเก้าอี้ในท่ากอดอก ดูจากสีหน้า เดาได้ไม่ยากว่ากำลังเมาค้าง
ชาโซฮีไตร่ตรองสถานการณ์อย่างเอาจริงเอาจัง
“เป็นเพราะ OWIC ลงนามในสัญญา ว่าด้วยการไม่เปิดเผยเทคโนโลยีของโลกมนุษย์ในต่างโลก ประชาคมนานาชาติจึงสงบลงได้”
“ประชาชนต้องไม่เห็นด้วยแน่”
“นายไม่รู้หรอกว่ามีคนมากแค่ไหน ที่ดีใจเพราะประตูมิติเปิดขึ้นทั่วโลกพร้อมกัน… โดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่ประตูมิติเปิดขึ้นใจกลางกรุงโซล… แต่แล้ว OWIC กลับตีกรอบกิจกรรมของมนุษย์ในต่างโลก พวกเราไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกินสามชั้นได้ด้วยซ้ำ เพราะห้ามนำรถก่อสร้างข้ามประตูมิติเข้ามา”
“แล้วยังไงต่อ”
“แต่พวกมันกลับนำโดรนทางการทหารเข้ามาใช้เสียเอง!”
คล้ายกับชาโซฮีกำลังรู้สึกถูกหักหลัง
“แถมยังเป็นทางตะวันออก? ไหนบอกว่าการสำรวจทางตะวันออกเกิดขึ้นไม่ได้เพราะติดปรากฏการณ์กำแพง? นี่ก็โกหกอีกแล้ว!”
ดูเหมือนชาโซฮีจะเสียใจมาก แต่สำหรับฉันแล้วเฉยๆ เพราะรู้มานานแล้วว่า OWIC สกปรกแค่ไหน
ด้วยความสัตย์จริง เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน
อาจแค่รู้สึกผิดเล็กๆ ที่วิดีโอเมื่อครู่ช่วยฉันได้มาก
หากพูดถึงตะวันออก ที่นั่นมีโบราณสถานที่ฉันเคยไปสั่นระฆัง
ถัดจากนั้นก็เป็นทะเลทรายกว้างขวาง และมีรอยแยกที่มีปลาหมึกยักษ์อาศัยอยู่ — รอยแยกขนาดมหึมาที่มองไม่เห็นก้น
คงเป็น ‘ห้วงลึกไร้ก้น’ ที่กิโฮเต้เล่าให้ฟังก่อนจะจากไป
คล้ายกับทุกสิ่งถูกเร่งความเร็วขึ้นอย่างน่าประหลาด… หรือไม่ก็กลับสู่ความเร็วเดิม…
ลิลี่ขยี้ตาขณะเดินออกจากห้อง ชาโซฮีเห็นภาพนั้นจึงยิ้มเบาๆ
“ชุดนอนของลิลี่… ตัวที่ฉันเลือกใช่ไหม? ดูดีมาก!”
เป็นชุดนอนที่ฉันซื้อมาระหว่างชอปปิ้งทงแดมุนกับชาโซฮี
ลิลี่มองฉันสลับกับชาโซฮี ก่อนจะถามเป็นภาษาต่างโลก
“เจ้าจะออกเดินทางไปทิศตะวันออกเดี๋ยวนี้เลยหรือ?”
ฉันส่ายหัว
“ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ ช่วงนี้เป็นเวลาพักผ่อน”
“แล้วเจ้าจะออกไปไหน”
“โรงแรม”
“ข้าไปด้วยได้ไหม”
ฉันหันไปมองชาโซฮี หลังจากถ่ายทอดคำพูดลิลี่ ชาโซฮียักไหล่เป็นนัยว่าไม่มีปัญหา
“จะมีปัญหาอะไรได้? ตอนนี้แทบไม่เหลือคนอยู่ในเบสแคมป์แล้ว และหัวหน้ารปภ.ก็ไม่ได้พูดอะไรในเหตุการณ์ผีบุกหมู่บ้านเมื่อคราวก่อน”
ใช่แล้ว ฉันเองก็คิดว่าไม่มีปัญหา และไม่อยากให้ลิลี่ต้องซ่อนตัวไปตลอด
เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า พวกเราเดินเข้าหมู่บ้าน
หมู่บ้านค่อนข้างเงียบ ไม่เห็นใครเดินไปมาบนถนน
“เป็นแบบนี้เพราะสัญญาณเตือนภัยใช่ไหม”
ชาโซฮีพยักหน้า
“ประกาศฉุกเฉินยังไม่ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ หมายความว่าวันหยุดของฉันยังไม่จบ! วู้ฮู้!”
ดูเหมือนชาโซฮีจะมีความสุขมากที่ไม่ต้องทำงานวันนี้
ขณะเดินเข้าไปในโรงแรม ภาพแรกที่เห็นคือโต๊ะกับเก้าอี้ที่ว่างเปล่า บรรยากาศก็มืดมาก แทงไม่มีแสงสว่างเลย
อย่างไรก็ดี ฉันพบใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังยืนอยู่ในมุมหนึ่ง
“คุณมินจี! ไม่ได้พบกันนานนะครับ”
“อ๊ะ! คุณซอนฮู? กลับมาแล้วหรือคะ”
ยุนมินจียังคงเช็ดชามไม้เหมือนเคย
“ยังทำงานที่นี่อยู่อีกหรือ”
“ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของแล้วค่ะ”
“…เจ้าของ?”
ยุนมินจีที่พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย เล่าต่อไป
“ฉันเซ้งกิจการต่อ… ท่านประธาน เอ่อ… เจ้าของคนก่อนต้องเข้าๆ ออกๆ สถานีตำรวจบ่อย ก็เลยประกาศขายในราคาถูก ฉันจึงติดต่อขอเซ้ง”
“มินจี คุณรวยกว่าที่ผมคิดมากเลยนะ”
ยุนมินจียิ้มพลางส่ายหน้า
“ฉันกู้เงินมาจากกองทุนต่างโลกค่ะ ถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นนโยบายสนับสนุนธุรกิจที่ OWIC คิดขึ้น… เป็นไอเดียที่ดีมาก และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบคงที่ ฉันจึงมองว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยง”
“สุดยอด… ฉันควรลาออกมาเปิดกิจการเองบ้างดีไหม? ตอนนี้เธอเป็นเถ้าแก่เนี้ยโรงแรมแล้วสินะ”
ได้ยินคำพูดชาโซฮี ยุนมินจียิ้มเขินๆ
“เถ้าแก่เนี้ยอะไรกัน… ว่าแต่คุณโซฮี ฉันได้อ่านสมุดบันทึกหนี้แล้ว… ก่อนจะคิดเรื่องเปิดกิจการ ช่วยคืนเงินที่ค้างไว้กับโรงแรมก่อนได้ไหม”
“แหะแหะ…”
ชาโซฮีรีบเบือนหน้าหนีอย่างเคอะเขิน เห็นดังนั้น ฉันเข้าประเด็นทันที
“คุณซอยอนกับจีฮุนยังอยู่ที่นี่ไหม”
“ใครกันคะ พูดแค่ชื่อฉันคงไม่รู้จัก”
“เจ้าหน้าที่ของ OWIC”
“อ้อ… สองคนที่มาพักเมื่อคืนสินะ? ยังอยู่ค่ะ น่าจะเป็นแขกชุดเดียวของเมื่อวาน”
ยังหลับกันอยู่หรือ?
เนื่องจากไม่ได้รีบร้อนอะไร ฉันเลือกโต๊ะนั่งอย่างสบายใจ
“เปิดร้านไหม”
“เปิดค่ะ รับกาแฟไหม”
หงึก
“แล้ว… แวมไพร์หญิงท่านนี้รับอะไรดีคะ”
ฉันหันไปมองลิลี่
“…กาแฟคืออะไร?”
“เอากาแฟมาให้เธอด้วย”
ยุนมินจีพยักหน้า
น่าทึ่งอยู่เหมือนกันที่เธอไม่ได้มองว่าลิลี่เป็นตัวประหลาด
นี่คงเป็นหลักการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่มาทำธุรกิจในต่างโลก หากพบเจอสิ่งที่ไม่รู้จัก ถ้าสิ่งนั้นไม่ก่อปัญหากับตัวเอง ก็จะทำเพียงปล่อยผ่าน
สุดท้าย ยุนมินจีหันมาจ้องชาโซฮี
“เถ้าแก่เนี้ย! ฉันขอคาโบนาร่ากับเบียร์เย็นๆ หนึ่งแก้ว!”
พูดจาเหลวไหลอีกแล้ว
ยุนมินจีถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ถือสา และไม่มีท่าทีว่าจะเร่งให้ชาโซฮีชำระหนี้
ในเวลาเดียวกัน ใครบางคนเดินลงมาจากบันได
เห็นแค่ขาก็รู้ได้ทันที
“โห… เมื่อคืนดื่มไปขนาดนั้น เช้ามายังดื่มเบียร์ได้อีกหรือ”
“แอลกอฮอล์ต้องล้างด้วยกรดคาร์บอนิก!”
“จำเรื่องเมื่อคืนได้บ้างไหม?”
“ไม่เลย!”
จินซอยอนเดินลงมาในสภาพสองมือกุมหัว
“มีอะไรโล่งๆ ให้ซดไหม… ขออะไรก็ได้ที่แก้เมาค้าง… กับกาแฟ”
“งั้นเป็นซุปมะเขือเทศนะคะ… ซุปมะเขือเทศหนึ่ง กาแฟสาม เบียร์หนึ่ง”
จินซอยอนกระดกน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
“แล้วจีฮุนล่ะ”
“เขาข้ามประตูมิติไปเมื่อคืน เห็นว่าจะไปตามหาบางอย่าง”
ฉันนึกทบทวนบทสนทนาเมื่อคืน
“เขาคงเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับอัศวินแห่งท้องฟ้ามาจริงๆ และมั่นใจว่าไม่ได้หูฝาด ก็เลยมุ่งมั่นที่จะค้นหาให้เจอ”
นั่นคงเป็นเหตุผลที่จองจีฮุนรีบร้อนกลับบริษัท
เห็นแบบนี้แล้ว ฉันเริ่มคาดหวังกับเขา
“ว่าแต่ คุณซอนฮูมาทำอะไรตั้งแต่เช้า? มีธุระหรือ”
ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาวาง มองผิวเผินดูไม่ต่างจากโทรศัพท์มือถือทั่วไป แต่สีหน้าจินซอยอนเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นหน้าจอ
“…คุณไปได้มายังไง”
“รู้จักด้วยหรือ”
“เป็นอุปกรณ์สำหรับพนักงานบริษัทเท่านั้น”
ดูเหมือนจะมีวิธีจำแนกอยู่ แต่ฉันไม่สนใจ
ได้เห็นรายการวิดีโอ จินซอยอนถอนหายใจยาว
“…การเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องส่วนตัวถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ค่อยมีใครรักษากฎกันเท่าไร”
เข้าใจได้
ฉันเองก็สัมผัสได้ว่า คนที่ทำงานลงพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรักษากฎระเบียบ
โดยเฉพาะพวกหน่วยสังเกตการณ์
ยิ่งเป็นสถานที่เปลี่ยวก็ยิ่งหย่อนยาน จำพวกเขตก่อสร้าง
“คุณซอยอนเองก็ชอบแหกกฎบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ”
“ใช่ ฉันก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองขาวสะอาด… มาดูสิ่งที่คุณอยากให้ฉันเห็นดีกว่า”
เมื่อวิดีโอถูกเล่นตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าจินซอยอนกลายเป็นแข็งทื่อ
“คุณคิดว่ายังไงบ้าง”
“…”
“ก่อนที่ผมจะเดินทางขึ้นเหนือ ข้อมูลเกี่ยวกับเขตความร้อนสูงของคุณซอยอนช่วยผมได้มาก… ก็เลยสงสัยว่า คุณพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเป้าหมายการเดินทางในคราวนี้รึเปล่า”
“สักครู่”
จินซอยอนหยิบโทรศัพท์ไปกด
และหน้าต่างที่หันมาให้ฉันดูก็คือ
วันที่
“…สามปีก่อน?”
“ถ้าจะพูดให้ละเอียดก็คือ สามปีกับอีกสิบเดือนก่อน”
“…”
หรือความทรงจำของฉันจะผิดพลาด?
เมื่อชาโซฮีเห็นวันที่ เธอนั่งแข็งทื่อในท่านำแก้วเบียร์จ่อปาก
“คุณเคยบอกกับผมว่า ประตูมิติเปิดออกตอนไหนนะ?”
“ตามที่สาธารณชนรับรู้คือสองปีกับสองเดือนก่อน แต่ถ้าตามความเป็นจริง… สองปีกับอีกเก้าเดือนก่อน”
วิดีโอนี้ถูกถ่ายก่อนที่ประตูมิติจะเปิด
จินซอยอนหยิบโทรศัพท์ไปดูอีกครั้ง ก่อนจะพูด
“ฉันตัดสินใจได้แล้ว”
“ตัดสินใจแบบไหน”
“ฉันจะตัดขาดกับบริษัท… กิลด์นักสำรวจยังรับสมาชิกเพิ่มอยู่ไหม”
“เรื่องนั้น…”
ฟังดูไม่เลว
“คุณจะลาออกจากงาน?”
จินซอยอนส่ายหน้า
“การที่ฉันยังไม่ลาออก นั่นจะเป็นประโยชน์กับคุณซอนฮูได้มากกว่าไม่ใช่หรือ”
เธอพูดไม่ผิด เป็นคำตอบที่ฉันอยากได้ยิน
ดูเหมือนวิดีโอเมื่อครู่ จะกระตุ้นให้จินซอยอนตัดสินใจได้เด็ดขาด
ถ้าเป็นฉันก็คงเหมือนกัน การที่นักวิจัยระดับสูงถูกหลอกซ้ำซาก เป็นใครก็คงทนอยู่ไม่ได้
“การวิจัยของฉันจะไปมีคุณค่าอะไร? ในเมื่อข้อมูลที่ได้รับมามีแต่เรื่องผิดๆ”
“พี่สาวพูดถูก ผมคิดมาสักพักแล้วว่า… บริษัทกำลังหลอกใช้พวกเรา”
เมื่อหันไปมอง ฉันเห็นจองจีฮุนเดินมาในชุดลำลอง นี่อาจคงเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เห็นเขาใส่สูท
ในมือจองจีฮุนกำลังถือบางสิ่งที่ทำจากโลหะเก่าๆ มองเห็นรายละเอียดไม่ชัดเพราะแสงค่อนข้างมืด
“เมื่อคืนผมค้นจนทั่วบริษัท และในที่สุดก็หามันพบ”
จองจีฮุนวางโลหะลงบนโต๊ะ
มันคือ… ตะเกียง — ตะเกียงรูปทรงกาน้ำ
เป็นตะเกียงที่ดูคุ้นตาทีเดียว ประเภทที่ต้องเติมน้ำมันและดึงไส้เทียนจากทางปาก
“เคยเห็นตะเกียงแบบนี้แค่ในนิทาน… ไม่คิดว่าจะได้เห็นของจริง”
ชาโซฮีแสดงความเห็นสั้นๆ
สีโดยรวมเป็นทองเหลือง แต่ส่วนปากและมือจับออกไปทางสีเงินขัดเงา
“เป็นตัวอย่างที่บริษัทนำมาจากฝั่งตะวันออก ตามที่เขียนไว้ในเอกสารรายงาน บริษัทมองว่ามันเป็นแค่ของเก่าที่ไม่มีคุณค่า”
“…”
ฉันจ้องอย่างตั้งใจ
“นี่หลักฐานที่ยืนยันว่า บริษัทเคยพยายามแกะรอยอัศวินแห่งท้องฟ้าที่มุ่งหน้าไปทางตะวันออก… แต่เนื่องจากไม่มีสิทธิ์อ่านเอกสารระดับสูง เบาะแสของผมจึงจบลงตรงนี้ ที่ตัดสินใจนำมาให้คุณซอนฮูช่วยดู เผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม…”
“เจ้านี่น่ะ…”
หลังจากเรียบเรียงคำพูด ฉันเปิดปาก
“มีใครเคยจับมันแล้วตายไหม”
“…”
จองจีฮุนกับจินซอยอนมองมาทางฉัน
“ทำไมถึง…?”
“เคยมีหรือไม่มี”
“ผมไม่ทราบ แต่ตะเกียงอันนี้ไม่ใช่ความลับของบริษัท มันเก็บอยู่ในโกดังทั่วไป ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปรกติ…”
“ก็เหมือนกับทุกครั้ง คงมีสักเรื่องสองเรื่องที่บริษัทปิดบังพวกเรา”
ได้ยินคำพูดจินซอยอน จองจีฮุนพยักหน้าเห็นด้วย
หยิบมาจากโกดังทั่วไปสินะ…
“ฉันขอยืมหน่อย”
“คุณจะเอาไปทำอะไร”
“พวกคุณเคยสงสัยบ้างไหม… บางที… ทุกสิ่งในต่างโลกอาจจะมีชีวิต”
ป่าคือสิ่งมีชีวิต ส่วนภูเขายังไม่แน่ใจ แต่รากภูเขามีพลังงานมหาศาล หรือแม้แต่ก้อนโลหะก็ขยับได้ถ้าเขียนอักขระลงไป
เจ้านี่ก็เหมือนกัน
“มันคือสิ่งมีชีวิต”
“…หา?”
พูดจบ ฉันสัมผัสได้ว่าชาโซฮีค่อยๆ ถอยห่าง
มีใครเคยตายหรือไม่, มันคือสิ่งมีชีวิต
แค่สองประโยคนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะนิยามอันตรายของตะเกียง
ฉันเดินออกนอกโรงแรมพร้อมกับตะเกียง สัมผัสได้ว่าคนอื่นๆ กำลังตามมา
ตะเกียงค่อนข้างเย็น ภายนอกดูธรรมดา
เรียกได้ว่ากลมกลืนกับของเก่าทั่วๆ ไป
ทันทีที่พ้นกรอบประตู ฉันวาดอักษรรูนลงบนพื้น
รูนบาเรียกีดกัน
หลังจากวางตะเกียงลงไป
ฉันลูบไล้มันอย่างทะนุถนอม
“…นายคิดจะทำอะไร? แล้วนั่นเวทมนตร์อะไร…”
ยังไม่ทันที่ชาโซฮีจะถามจบ
ซู่ว!
บางสิ่งพุ่งขึ้นจากตะเกียง
ฉันรีบก้าวถอยหลังเพื่อสร้างระยะห่าง สิ่งที่อยู่ในตะเกียงอาจมีหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะนิสัยไม่ดี
สมัยที่เคยสู้กับสปริกแกน ฉันเรียกสปริกแกนว่า ‘ภูตภูเขา’
และสมัยที่เคยสู้กับเจ้านี่ ฉันเรียกมันว่า
“ภูตตะเกียง”
เหตุผลที่ฉันไม่ค่อยชอบภูตในต่างโลก เพราะส่วนใหญ่พวกมันจะมีนิสัยแย่
สิ่งที่ลอยขึ้นมา มือข้างหนึ่งถือดาบทรงโค้ง ร่างกายท่อนดูล่างคล้ายเมฆที่เชื่อมกับตะเกียง
โจรสลัด
…ภูตโจรสลัด?
“คึฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็มีลูกเรือคนใหม่ต้องการข้า! ปล้น! ปล้น! ปล้น! คราวนี้พวกเราจะไปปล้นอะไรกันดี?”
ฉันค่อนข้างภูมิใจที่บาเรียกีดกันทำงานได้ตามหน้าที่
ฝั่งตะวันออกเป็นทะเลทราย จึงค่อยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีภูตโจรสลัด
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ
“ลิลี่”
“…อื้อ”
“เจ้านี่คือภูตวิญญาณใช่ไหม”
สิ่งที่ฉันเรียกว่า ‘ภูต’ ส่วนใหญ่ ดูเหมือนชาวต่างโลกจะเรียกว่าภูตวิญญาณ
เมื่อเห็นลิลี่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะ ฉันแสยะยิ้มพลางพยักหน้ารับ
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel