ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 67 ดาบลอบสังหาร
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 67 ดาบลอบสังหาร
แปลโดย iPAT
หยางอันจื่อมองห้องโถงที่เต็มไปด้วยซากศพ นิกายถ้ำมังกรสิ้นสุดลงในมือของเขาในเสี้ยวพริบตา
หลี่ฉิงซานเคยเป็นคนไร้ค่าในสายตาของหยางอันจื่อ สำหรับคนอ่อนแอ มันไม่สามารถเรียกว่าการยั่วยุ ตรงข้าม มันเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง อย่างไรก็ตามวันนี้คนอ่อนแอผู้นั้นกลับพลิกคว่ำทุกสิ่ง
การปะทะกับเสี่ยวอันทำให้หยางอันจื่อรอดพ้นจากความตายเพราะเขาสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของหลี่ฉิงซาน มิฉะนั้นหากหลี่ฉิงซานเคลื่อนไหว หัวใจของหยางอันจื่อจะถูกควักออกมาอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย!” หยางจุนมองสัตว์ประหลาดสองตัวที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วและไม่เหลือความเย่อหยิ่งเช่นในอดีตอีกต่อไป เขายื่นมือไปทางหยางอันจื่อเพื่อขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว
อย่างไรก็ตามหยางอันจื่อกลับไม่มีความคิดที่จะหยุด เขาพุ่งไปด้านหลังห้องโถงอย่างไม่แยแส เขาสามารถมีบุตรชายได้มากกว่านี้ แต่เขามีชีวิตเดียว เขาตัดสินใจเลือกทางที่ชั่วร้ายที่สุดอย่างเด็ดเดี่ยว
ความสิ้นหวังครอบงำหัวใจของหยางจุนทันที เขาปิดเปลือกตาลงและสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่าน แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ทั้งหมดที่เขาเห็นคือหลี่ฉิงซานและเสี่ยวอันเพิกเฉยต่อเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งสองทะยานร่างผ่านเขาไปเพื่อไล่ล่าหยางอันจื่อ
ทักษะการเคลื่อนไหวของหยางอันจื่อน่าประทับใจ หากเขาสามารถหลบหนี การไล่ล่าจะเป็นเรื่องยาก
หยางจุนรีบขยับเท้าและออกวิ่งอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจเสื้อผ้าที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาตะโกนอยู่ภายในอย่างต่อเนื่อง ‘ข้าต้องแก้แค้น! ข้าจะแก้แค้น!’
“ปุ!” ทันใดนั้นแขนกระดูกก็แทงแผ่นหลังของเขาและทะลวงออกทางหน้าอก หยางจุนมองหน้าอกของตนด้วยความไม่อยากจะเชื่อก่อนจะเดินโซเซไปข้างหน้าสองสามก้าวและทรุดตัวลงพร้อมเสียงตุบ
ปรากฏว่าเมื่อเสี่ยวอันเห็นหยางจุนพยายามหลบหนี ด้วยการสะบัดแขนซ้าย แขนกระดูกของเขาก็พุ่งออกไปเหมือนอาวุธลับ
ในเวลาต่อมาแขนกระดูกก็หลุดออกจากร่างของหยางจุนและบินไปด้านหลังห้องโถงราวกับถูกดึงดูดด้วยแรงที่มองไม่เห็น
ด้านหลังห้องโถงหลักคือห้องโถงบรรพชนของนิกายถ้ำมังกร ภาพของผู้นำนิกายในอดีตถูกแขวนไว้ที่นี่ ภาพเหมือนของผู้นำคนแรกใหญ่ที่สุด มันสูงเกือบสามเมตร เขาถือดาบมังกรทะยานไว้ในมือขณะที่ดวงตาดูไม่แยแส
กล่าวกันว่าเมื่อเขามาถึงเมืองชิงหยาง เขาบุกเข้าไปในรังโจรด้วยดาบเล่มเดียวและฆ่าโจรทั้งหมด เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักดาบมังกรทะยาน เขาได้รับชื่อเสียงด้วยเหตุผลเดียวกันกับหลี่ฉิงซาน พลเมืองและเหล่าขุนนางของเมืองชิงหยางรู้สึกขอบคุณเขาและขอให้เขาอยู่ต่อ ดังนั้นเขาจึงก่อตั้งนิกายถ้ำมังกรขึ้นมาและถ่ายทอดทักษะการต่อสู้ของเขาสู่คนรุ่นหลัง
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันนี้ ไม่ บางทีเขาอาจจินตนาการได้ อุโมงค์ลับตั้งอยู่หลังแท่นบูชาด้านล่างภาพเหมือนของเขา ตราบเท่าทีหยางอันจื่อเข้าไป เขาจะสามารถหลบหนีออกจากภูเขา นั่นคือเป้าหมายของเขา
แต่ความมั่นใจในทักษะการเคลื่อนไหวของหยางอันจื่อกลับพังทลายลงเมื่อเสียสายลมพัดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
บางทีเขาอาจจะเสียสติเพราะความหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงกรีดร้องออกมาว่า “ช่วยข้าด้วย บรรพชนผู้ก่อตั้ง!”
หลี่ฉิงซานส่งกรงเล็บออกไปทันที เขากังวลว่าหยางอันจื่อจะมีไพ่ตายซ่อนอยู่เหมือนซ่งเซียงอู๋
ดังคาด ดาบเล็กๆที่ตั้งอยู่บนแท่นบูชาส่องประกายขึ้นหลังจากหยางอันจื่อกรีดร้อง มันพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว
ดาบเล่มเล็กเรืองแสงสีทองแต่คนผู้หนึ่งสามารถบอกได้ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวว่ามันเป็นดาบไม้ที่ทาสีทอง
ดาบยังอยู่ห่างออกไปหลายเมตรแต่หลี่ฉิงซานกลับสัมผัสได้ถึงความแหลมคมที่พุ่งเข้ามาที่หน้าผากของเขา มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถหลบการโจมตีนี้
หัวใจของหยางอันจื่อผ่อนคลายลงเล็กน้อย นี่เป็นความลับที่สืบทอดกันมาในกลุ่มผู้นำนิกายเท่านั้น เมื่อผู้ก่อตั้งถึงแก่กรรม เขาไม่ได้ทิ้งศพไว้แต่ทิ้งดาบเล็กๆเล่มนี้เอาไว้ ก่อนที่เขาจะจากไป เขาสั่งศิษย์เอกของเขาซึ่งเป็นบรรพบุรุษของหยางอันจื่อให้สวดอ้อนวอนต่อดาบเล่มนี้ทุกวัน หากศัตรูที่แข็งแกร่งบุกโจมตี พวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากมัน แต่มันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แม้หยางอันจื่อจะสวดอ้อนวอดต่อดาบเล่มนี้มานานหลายทศวรรษแต่เขาไม่เคยเชื่อข่าวลือนี้ เขาเคยตรวจสอบดาบเล่มเล็กนี้มาก่อนแต่เขาไม่พบสิ่งผิดปกติ มันเป็นเพียงดาบไม้ที่ธรรมดาที่สุดเล่มหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเขายังไม่กล้าปฏิเสธข่าวลือนี้โดยสิ้นเชิง เขายังเคยคิดมาก่อนว่าเขาจะใช้มันอย่างไร หากสำนักกำปั้นเหล็กและหมู่บ้านบังเหียนม้าบุกโจมตี ดาบไม้ที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียวจะมีบทบาทอย่างไร มันจะสามารถต่อต้านคนหลายร้อยคนงั้นหรือ? กระทั่งถึงช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย หยางอันจื่อจึงเสี่ยงทดลองใช้มันโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา แต่มันกลับได้ผลจริงๆ
หลี่ฉิงซานตระหนักว่าเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันโดยตรง ดังนั้นเขาจึงบิดร่างกลางอากาศ แต่ดาบเล่มเล็กราวกับมีสติปัญญา มันหมุนกลางอากาศและพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานอีกครั้ง ความรู้สึกเย็นเยียบที่หน้าผากยิ่งรุนแรงกว่าก่อนหน้า
ทันใดนั้นดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าแทงดาบเล่มเล็ก เสี่ยวอันเข้าแทรกแซงและพยายามช่วยเหลือหลี่ฉิงซาน อย่างไรก็ตามการโจมตีที่สามารถเจาะโลหะและแยกหินกลับไม่สามารถตัดผ่าดาบไม้เล่มเล็กๆเล่มนี้ ตรงข้าม เสี่ยวอันกลับรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่สะท้อนผ่านดาบของเขากลับมา ดาบมังกรทะยานที่แข็งแกร่งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง เสี่ยวอันลอยกลับหลังและกระแทกเข้ากับเสา
แสงจากดาบไม้เล่มเล็กจางลงเล็กน้อย มันชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานอีกครั้ง ดูเหมือนตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ มันจะไม่หยุด
หลี่ฉิงซานล่าถอยไปถึงมุมห้องโถงก่อนจะหยิบม้วนภาพวาดออกมาและส่งพลังปราณเข้าไปอย่างสิ้นหวัง
ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ลำแสงที่แหลมคมเหมือนดาบก็พุ่งออกมาจากภาพวาดและปะทะกับดาบไม้เล่มเล็ก
ไม่มีการระเบิดครั้งใหญ่แต่แสงสว่างกลับส่องประกายขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อย
เลือดไหลออกมาจากรูหูของหลี่ฉิงซาน
เมื่อแสงสว่างจางหายไป ภาพเหมือนของผู้ก่อตั้งนิกายถ้ำมังกรก็กลายเป็นฝุ่นผงและสลายหายไป หากมองอย่างใกล้ชิด ตอนนี้ผนังและพื้นถูกระบายไปด้วยรอยฟันบางๆจำนวนนับไม่ถ้วน
ดาบเล่มเล็กสามารถปลดปล่อยปราณดาบนับพันออกมาราวกับรัศมีแสงเมื่อมันแตกสลาย สิ่งนั้นทำลายทุกสิ่งในห้องโถงอย่างเงียบๆ
แม้แต่หลี่ฉิงซานก็ยังตกตะลึงกับพลังชนิดนี้ มันทิ้งความประทับใจไว้ในส่วนลึกในใจของเขา
หยางอันจื่อยืนอยู่ใกล้กับอุโมงค์ลับ เมื่อเห็นการลอบสังหารล้มเหลว เขาก็หันหลังกลับและวิ่งไปที่อุโมงค์ลับอีกครั้ง ตราบเท่าที่เขาเข้าไปในอุโมงค์ลับและเปิดใช้งานกลไก หินก้อนใหญ่ที่มีน้ำหนักมหาศาลจะปิดผนึกทางเข้า เมื่อเวลานั้นมาถึงจะไม่มีผู้ใดสามารถติดตามเขาได้
หลี่ฉิงซานถูกบังคับให้อยู่ที่มุมหนึ่ง ขณะที่เสี่ยวอันพุ่งชนเสา ตอนนี้ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเขาได้อีก