ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 66 กวาดล้างนิกายถ้ำมังกร
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 66 กวาดล้างนิกายถ้ำมังกร
แปลโดย iPAT
การแสดงออกของหยางอันจื่อเปลี่ยนแปลงไป เขาไม่ตระหนักถึงการมาของเด็กหนุ่ม ตอนนี้หลี่ฉิงซานไม่ได้งุ่มง่ามเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลเหมือนฝีเท้าแมว
ขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆสงสัยว่าเขาคือผู้ใด หยางจุนก็ตะโกนเสียงดังออกมา “หลี่ฉิงซาน!”
ทุกคนในห้องโถงผุดลุกขึ้นยืนและชักดาบออกมาพร้อมมัน
“ศิษย์เหล่านั้นทำสิ่งใดอยู่?”
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ยังมีผู้ใดอีกบ้าง?”
“พวกเจ้าทั้งหมด ออกมา!”
กลุ่มผู้อาวุโสตกสู่ความโกลาหล
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นอกจากนั้นข้าก็มาคนเดียว!” หลี่ฉิงซานมองไปรอบๆและเห็นผู้คนมากมายที่เขาไม่รู้จัก ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อจัดการผู้นำนิกายที่กระทำความผิด คนอื่นๆสามารถออกจากห้องโถง ข้าให้เวลาพวกเจ้าสิบลมหายใจ” เขาขยับออกไปด้านข้างและเปิดทางออกจากห้องโถง แต่สิ่งที่ตอบกลับคือดาบที่ชี้มาที่เขา
ผู้อาวุโสฝ่ายวินัยกล่าว “เจ้ากำลังร้องขอการลงโทษงั้นหรือ? เจ้าแทรกซึมเข้ามาบนภูเขาเพียงลำพัง เจ้าคิดว่านิกายถ้ำมังกรของเราสามารถล้อเล่นโดยง่ายเช่นนั้นหรือ?” เขามองไปที่หลี่ฉิงซานราวกับฝ่ายหลังเป็นศิษย์คนหนึ่งของนิกายที่อยู่ในกำมือของเขา
“ฆ่ามัน! เขาเป็นศัตรูของนิกายถ้ำมังกรของเรา!”
“หากไม่ใช่เพราะเขา นิกายถ้ำมังกรจะไม่อยู่ในสภาพนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะมามอบตัวกับพวกเราด้วยตนเอง!”
“อย่าปล่อยเขาไปง่ายๆ ข้าต้องการตัดแขนขาของเขาออกมา!”
ผู้อาวุโสที่มีความขัดแย้งกันเองรวมตัวกันเมื่อที่มาของปัญหาอยู่ตรงหน้า พวกเขาต้องการระบายความโกรธและหั่นเขาออกเป็นชิ้นๆ
ในสายตาของพวกเขา หลี่ฉิงซานที่มาเพียงลำพังเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียงและอนุญาตให้พวกเขาชำแหละได้ตามที่พวกเขาต้องการ
มีเพียงหยางอันจื่อที่ยังนิ่งเงียบและกำด้ามดาบเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหลี่ฉิงซาน เดิมทีหลี่ฉิงซานเหมือนกระบองเหล็กที่แข็งแกร่งแต่ขาดความยืดหยุ่น แต่ตอนนี้ดูเหมือนจุดอ่อนเหล่านั้นจะได้รับการแก้ไขแล้ว
หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นนิกายถ้ำมังกรก็จะจบลงเช่นเดียวกับป้อมวายุทมิฬ!” จิตสังหารของเขาปะทุขึ้น
ทุกคนลอบสั่นสะท้านอยู่ภายใน พวกเขารู้สึกราวกับอุณหภูมิในห้องโถงลดลงอย่างกะทันหัน หยางจุนที่พิการไปแล้วแทบหมดสติไป ณ จุดนั้น
ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานก็ทะยานร่างเข้าไปหาศิษย์ของนิกายถ้ำมังกรที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาข้ามระยะทางมากกว่าสิบเก้าในครั้งเดียว ด้วยท่าปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ เขาส่งกรงเล็บพุ่งออกไปในอากาศ
แม้แต่สิงโตก็ยังใช้กำลังทั้งหมดของมันเพื่อจับกระต่ายและไม่เคยพูดพล่ามไร้สาระกับศัตรู
ศิษย์ผู้นั้นไม่เคยคิดว่าหลี่ฉิงซานจะโจมตีเขาอย่างกะทันหัน ด้วยความหวาดกลัว เขาไม่สามารถขยับร่างกาย เขาทำได้เพียงยืนมองกรงเล็บของหลี่ฉิงซานพุ่งเข้าไปในหน้าอกของเขาและควักหัวใจของเขาออกมาก่อนจะโยนทิ้งไปอย่างไม่แยแส
เสี่ยวอันกระโดดขึ้นคว้าหัวใจที่ลอยอยู่กลางอากาศและสูบเลือดจากมัน ตั้งแต่หลี่ฉิงซานรู้ว่ามีโอกาสกู้คืนร่างกายให้กับเสี่ยวอัน เขาก็อุทิศตนให้กับสิ่งนี้ราวกับมันเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
เปลวไฟในเบ้าตาของเสี่ยวอันเต้นรำไปรอบๆและกวาดผ่านผู้คนที่อยู่ในห้องโถง ตราบเท่าที่เขาสามารถดูดเลือดของคนเหล่านี้ เขาจะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นอีกขั้น! ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาใด เขาก็ต้องการปรากฏตัวต่อหน้าหลี่ฉิงซานในร่างมนุษย์อีกครั้ง
เดิมทีทุกคนกลับมารู้สึกตัวทันทีที่หลี่ฉิงซานโจมตีและฆ่าศิษย์ผู้นั้น แต่พวกเขากลับหยุดชะงักไปอีกหนเมื่อเห็นภาพที่น่าสยดสยอง ข้างแสงเทียนที่สั่นไหว โครงกระดูกเล็กๆกำลังกินหัวใจมนุษย์ มีเพียงคำตอบเดียวที่ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา ‘ปีศาจ!’
ตั้งแต่เสี่ยวอันสูญเสียความสามารถในการซ่อนตัว มันก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องซ่อนตัวอีกต่อไป หลี่ฉิงซานชักดาบมังกรทะยานอันล้ำค่าของนิกายถ้ำมังกรออกมาและแทงลงบนพื้น “ข้าได้ยินมานานแล้วว่านิกายถ้ำมังกรเชี่ยวชาญด้านดาบ เสี่ยวอัน เหตุใดเจ้าไม่เรียนรู้จากพวกเขา?”
เสี่ยวอันโยนหัวใจทิ้งไปและคว้าดาบมังกรทะยานขึ้นมา ดาบยาวเกินไปสำหรับเขา แต่ทันทีที่มันอยู่ในมือของเขา ทุกอย่างกลับดูกลมกลืน เขาดูเหมือนยอดนักดาบขณะที่ทุกคนในห้องโถงรู้สึกเหมือนถูกปิดล้อมด้วยดาบจำนวนนับไม่ถ้วน
ผู้อาวุโสฝ่ายวินัยหน้าซีด เขาสูญเสียความมั่นใจจากก่อนหน้าไปทั้งหมด ในฐานะนิกายดาบ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด พวกเขาก็เข้าใจเรื่องดาบไม่มากก็น้อย
บุคคลที่ทิ้งม้วนภาพวาดไว้เบื้องหลังได้รับการยกย่องจากวัวดำ แม้เสี่ยวอันจะเข้าใจเพลงดาบของเขาเพียงบางส่วน แต่มันก็เหนือกว่าเพลงดาบทั้งหมดของนิกายถ้ำมังกรไปแล้ว
กระเบื้องหินอ่อนใต้เท้าหลี่ฉิงซานระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่เขาหายตัวไปจากจุดนั้น เขาใช้ทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์อีกครั้งและพุ่งเข้าไปหาหยางอันจื่อโดยตรง
หยางอันจื่อตะโกน “ฆ่าเขา!” เสียงของเขาทำให้ทุกคนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พวกเขาล้วนเป็นนักดาบที่ขัดเกลาจิตใจมานานหลายปี ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ตกตะลึงมากนัก พวกเขารู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ดังนั้นดวงตาของพวกเขาจึงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำขณะระเบิดพลังทั้งหมดออกไป ดาบหลายสิบเล่มพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานซึ่งอยู่กลางอากาศและติดอยู่กับเส้นทางที่แน่นอน
หลี่ฉิงซานไม่ได้พยายามหลบ เขาไม่แม้แต่จะชำเลืองมองดาบที่พุ่งเข้ามา ดวงตาที่เหมือนสัตว์ป่าของเขาจ้องมองไปที่หยางอันจื่อเท่านั้น
ในที่สุดหยางอันจื่อก็ชักดาบออกมา มันเป็นดาบล้ำค่าอีกเล่มที่เรืองแสง แม้มันจะด้อยกว่าดาบมังกรทะยานแต่มันยังสามารถตัดหินและโลหะได้อย่างง่ายดาย หยางอันจื่อสร้างเงาดาบเจ็ดเล่มพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซาน
ด้านหลัง ร่างของกลุ่มผู้อาวุโสและศิษย์ต่างแข็งทื่อราวกับรูปปั้น พวกเขายังอยู่ในท่าแทงดาบเข้าหาหลี่ฉิงซาน แต่เลือดกลับพุ่งออกมาจากบาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวที่ลำคอ หน้าอก และหน้าผากของพวกเขา แทบจะในเวลาเดียวกันที่พวกขาล้มลงบนพื้น
ในจังหวะที่หลี่ฉิงซานกำลังจะโจมตีสวนกลับ เสี่ยวอันก็วิ่งเข้ามาจากด้านล่าง ดาบมังกรทะยานปล่อยเงาดาบเจ็ดเล่มออกไปปะทะกับดาบทั้งเจ็ดของหยางอันจื่อทำให้เกิดการปะทะครั้งใหญ่
ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กน้อยแต่เป็นนักดาบปีศาจที่แข็งแกร่ง ดาบมังกรทะยานไม่ใช่ของเด็กเล่นแต่เป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวของมัจจุราช
หลี่ฉิงซานเคยกล่าวไว้ว่า เขาจะสังหารหมู่คนป้อมวายุทมิฬด้วยตัวเขาเอง ตอนนี้เมื่อเสี่ยวอันบรรลุขั้นแรกของเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ เขาแข็งแกร่งขึ้นมากโดยเฉพาะหลังจากเรียนรู้เพลงดาบจากสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ หลี่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้!”
จุดแข็งของทั้งสองค่อยๆแสดงออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขาเหนือกว่านักสู้ชั้นสองไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ความได้เปรียบเชิงตัวเลขไม่สามารถทำสิ่งใดพวกเขาได้อีก
“เคล้ง!” ดาบกระเด็นออกไป หยางอันจื่อรีบคว้าดาบของเขาและเร่งล่าถอยอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดเผือด “เจ้าเป็นตัวอะไร?” ความแข็งแกร่งของเสี่ยวอันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถแข่งขัน