839 - ฝาหม้อ?
839 - ฝาหม้อ?
เซียวอวิ๋นเฉิงถูกผู้ฝึกตนในอาณาจักรแปลงมังกรไล่ตีเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เขาคำรามราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ
เย่ฟ่านกดผนึกขุนเขาในมือขวาเข้าหากะโหลกศีรษะของเซียวอวิ๋นเฉิงอย่างรวดเร็ว
เซียวอวิ๋นเฉิงเหยียดมือซ้ายออกไปเพื่อป้องกัน หากหว่างคิ้วของเขาถูกโจมตี ก็เท่ากับว่าทะเลแห่งจิตวิญญาณจะต้องถูกทำลาย
ด้วยฐานการฝึกฝนในระดับของเขา แม้ว่าแขนขาจะถูกบดขยี้ มันก็สามารถงอกใหม่ได้ แต่หากทะเลแห่งจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บ นั่นหมายถึงชีวิตความตายอย่างแน่นอน
“ปัง!”
เย่ฟ่านยังคงใช้ผนึกขุนเขาในการโจมตี เขาก้าวไปข้างหน้า มือขวาของเขากลายเป็นสีดำสนิท ทำลายกฎที่เกี่ยวพันกับพลังศักดิ์สิทธิ์และทุบลงไปด้านล่างด้วยพลังทั้งหมดที่มี
“ตึง!”
มือซ้ายของเซียวอวิ๋นเฉิงกระตุก กระดูกของเขาหัก บิดเบี้ยวไร้รูปร่าง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมและมีเหงื่อเย็นไหลออกมา
“อุ๊บ!”
ผนึกสีดำจากมือขวาของเย่ฟ่านถูกกดลงไปอย่างรุนแรง นี่เป็นการเผชิญหน้ากันทางกายล้วนๆ ในที่สุดฝ่ามือและนิ้วของเซียวอวิ๋นเฉิงก็ขาดและกลายเป็นชิ้นเนื้อ
แม้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งเพียงใด แต่ดูหมือนจะไม่เพียงพอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่ฟ่าน เซียวอวิ๋นเฉิงถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยพลังสูงสุดในด้านกายภาพ
“อา...”
เขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและเวียนศีรษะไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกที่รุนแรงเพียงพอที่จะระเบิดกะโหลกศีรษะของเขาเป็นชิ้น
เย่ฟ่านกดมือขวาลง เกือบจะแตะหน้าผากของฝ่ายตรงข้าม วิญญาณของเซียวอวิ๋นเฉิงราวกับถุกผลักออกจากร่างไป และเขาก็ล้มลงทันที
“ปัง!”
เย่ฟ่านเดินตามไปสามก้าวก่อนจะกระทืบเท้าลงกี่ครั้ง ความแรงนั้นเทียบกับน้ำหนักถึงหนึ่งหมื่นจิน!
“ปึง!”
เท้านี้เรียกได้ว่าดุร้ายและเฉียบคมมาก โดยเฉพาะฝ่าเท้าที่เหยียบลงที่หน้าอกของเซียวอวิ๋นเฉิงนั้นทำให้กระดูกของเขาหักไปมากกว่าสิบท่อน
“กร็อบ”
เซียวอวิ๋นเฉิงกระอักเลือดอกมาเต็มปาก ในขณะนี้อวัยวะภายในทั้งห้าของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และเท้าของเย่ฟ่านเกือบจะทะลุหน้าอกของเขาไปถึงกระดูกสันหลัง
“ปัง!”
เย่ฟ่านยังคงโจมตีต่อไป คราวนี้เหยียบบนหน้าผากของฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความปราณี เห็นได้ชัดว่าต้องการทุบหัวของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คนนี้อย่างโหดเหี้ยมมากที่สุด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผู้คนละสายตาไม่ได้
“หยุด!”
มีคนตะโกนเสียงดังอยู่ข้างๆ เขาเป็นประมุขตระกูลเซียวซึ่งมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ เขากำลังกระโจนเข้าหาเย่ฟ่านเหมือนสิงโตชรา
“ปัง!”
เย่ฟ่านไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เท้าขวาของเขายังคงกระทืบลงไปที่คิ้วของเซียวอวิ๋นเฉิง
ในช่วงเวลาวิกฤติ เซียวอวิ๋นเฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพ่นแก่นโลหิตออกมา!
หวังหยางซานแห่งนิกายหยินหยางจ้องมองการต่อสู้ด้วยดวงตาเย็นชา ราชาอสูรแห่งหนานหลิง จักรพรรดิเซี่ย นักบวชแห่งทะเลทรายตะวันตก คนอื่นๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขวางไม่ให้เย่ฟ่านลงมือได้สำเร็จ
“เร็วเข้า!”
ข้างๆ หวังหยางซาน ยอดฝีมือระดับผู้สูงสุดหลายคนต้องการจะวิ่งออกไปขัดขวาง
“อย่าปล่อยให้มันรอดไปได้?” ชายชราตาบอดเยาะเย้ย
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้” หวังหยางซานกล่าว ทันใดนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มข้นก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว
หมอกสีแดงและสีดำยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงมา แรงกดดันครั้งนี้ทำให้ทุกคนมีความรู้สึกหายใจไม่ออก
“อาวุธของปราชญ์โบราณ!”
ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด แม้ว่าพวกเขาจะเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แต่ทุกคนก็ยังมีความวิตกกังวล พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครกล้าสังเวยอาวุธของปราชญ์โบราณเหมือนเช่นชายชราคนนี้
พลังแบบนั้นแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ หากมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเขาถูกโจมตีเข้าไปรับรองได้ว่าร่างกายจะต้องถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดอย่างแน่นอน
“นี่คือกระจกหยินหยางในตำนานหรือไม่” ผู้คนต่างนึกถึงอาวุธในตำนานชิ้นนี้
นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดต่อกันมามากว่าสองแสนปี เป็นหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคลองจากอาวุธเต๋าสุดขั้วของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าปราชญ์ทุกคนจะสามารถสร้างอาวุธที่เข้ากับอาณาจักรของตนได้ เพราะวัสดุประเภทนี้หายากเกินไป
เช่นเดียวกับหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดและแผ่นทองคำสีเขียวที่เรียกว่าน้ำตานางฟ้า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพบได้ทั่วไป
อาวุธที่ปราชญ์โบราณสร้างขึ้นด้วยวัสดุธรรมดาสามารถคงอยู่ได้นานที่สุดก็ประมาณหมื่นปีเท่านั้น อาวุธเหล่านั้นจะต้องเสื่อสลายทิ้งไปตามเวลา
เฉพาะอาวุธระดับวิสุทธิชนที่ได้รับการขัดเกลาจากสมบัติสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไป
“ไม่ใช่ มันไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมา ไม่มีพลังปราณที่ผันผวนเพียงพอจะทำลายทุกสิ่งได้”
“มันเป็นกระจกโบราณที่เลียนแบบขึ้นมาของนิกายหยินหยางเมื่อห้าหมื่นปีก่อน แม้ว่าจะมาเป็นอาวุธประจำตัวของปราชญ์โบราณเช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ผ่านไปแล้วหลายหมื่นปีอำนาจของมันจะต้องเหลือไม่ถึงครึ่งอย่างแน่นอน!”
“แต่มันยังคงมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมาก การดำรงอยู่ของมันไม่มีอาวุธชิ้นใดที่พวกเรานำมาด้วยจะสามารถต่อต้านได้!”
ผู้คนต่างถอยกลับไปและใบหน้าของหลายคนก็ซีดเผือด โดยรู้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับนิกายหยินหยางได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าคนในนิกายหยินหยางจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งจนถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลำดับต้นๆของโลก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่นยอดฝีมือเท่าที่ขายื่นเข้าไปในนรกครึ่งนึงแล้ว
คนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังระดับครึ่งเซียนเท่านั้น เขายังมีอายุเหลือเพียงไม่กี่ปีอีกด้วย คนแบบนี้ย่อมมีความกล้าที่จะลากทุกคนให้ตายไปพร้อมกับเขาหากมันจำเป็น
ในขณะนั้นเซียวอวิ๋นเฉิงได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสก็ส่งเสียงคำรามขึ้นว่า
“มาช่วยข้าเร็ว!”
“ชายชราตาบอดแม้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะเหลือพลังเพียงน้อยนิด แต่มันก็เพียงพอที่จะฆ่าเจ้าทุกคนได้อย่างแน่นอน” หวังหยางซานผู้อาวุโสของนิกายหยินหยางมีน้ำเสียงเฉยเมย
จากนั้นเขาก็แค่เสียงและกล่าวต่อไปว่า “เพื่อเห็นแก่ใบหน้าผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานคนนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่ต้องแลกกับสามชีวิต”
เขาจ้องไปที่เย่ฟ่าน ตงฟางเย่ และต้วนเต๋อ
บนแท่นหยกหมื่นจั้ง ทันใดนั้นเสียงทุกอย่างได้เงียบลง ทุกคนที่นี่ได้ตระหนักว่าแท้ที่จริงแล้วชายชราตาบอดคนนี้กลับมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่
“เจ้าอ้วนนั่น นำชามของเจ้ามา!” หวังหยางซานไม่แยแสและขอสมบัติปกป้องร่างกายของพวกเขาตรงๆ
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตและความตาย ท่าทางของต้วนเต๋อไม่อาจคาดเดาได้ เขากัดฟันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วดวงตาของเขาก็กะพริบอีกครั้ง
“พวกมดปลวกเหล่านี้ควรจะตายได้แล้ว!” เซียวอวิ๋นเฉิงกัดฟันและพูดด้วยความขุ่นเคืองอย่างหาที่เปรียบมิได้
“เจ้าอ้วนเจ้าของต้องการตายมากสินะ”
หวังหยางซานดูเหมือนหมดความอดทนแล้ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปข้างหน้าทันที
“ชาช่า!”
ชามแตกเกิดรอยร้าวมากขึ้น ไฟสีดำหลายหมื่นดวงพุ่งออกมา และเมื่อชั้นนอกของมันแตกออกชามแตกเดิมก็เปลี่ยนเป็นฝาครอบดินเผาที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“นั่นมัน…”
“มันดูคุ้นๆ นะ คล้ายกับที่ข้าเห็นในบันทึกคัมภีร์โบราณบางเล่ม!”
“ข้าจำได้ ...นั่นคือเครื่องหมายของจักรพรรดิกลืนสวรรค์ มันคือฝาหม้ออสูรกลืนสวรรค์”