ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 64 ปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 64 ปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ
แปลโดย iPAT
การเพิ่มภาระให้กับร่างกายไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลี่ฉิงซานในปัจจุบัน หมัดปีศาจวัวมอบพละกำลัง ความยืดหยุ่น ความอดทน และพลังการป้องกันที่ไม่ธรรมดาให้เขา แต่มันไม่ได้ทำให้เขาเร็วขึ้น
แม้เขาจะมีพละกำลังมหาสาลแต่หากเขาเชื่องช้า เขาก็จะไม่สามารถโจมตีศัตรู นี่เป็นเหตุผลที่เขาตกอยู่ในอันตรายเมื่อเผชิญหน้ากับหยางอันจื่อ
แม้เขาจะอยู่ได้นานเพราะความอดทนแต่สิ่งใดก็เกิดขึ้นได้ในเวลาชั่วพริบตา หากเขาล้มเหลวในการฆ่าด้วยกระบวนท่าเดียว ฝ่ายตรงข้ามอาจสามารถหลบหนี ท้ายที่สุดผู้ใดจะยืนนิ่งให้คู่ต่อสู้โจมตี
ด้วยการป้องกันที่แข็งแกร่ง เขาสามารถก่อกวนผู้เชี่ยวชาญบางคนที่ใช้หมัดเป็นอาวุธ อย่างไรก็ตามหากเขาเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญดาบหรืออาวุธมีคม ด้วยการกรีดเฉือนหรือทิ่มแทงซ้ำๆ เขาจะทนไม่ไหวในที่สุด หลังจากทั้งหมดแม้แต่เข็มเล่มเล็กๆก็สามารถเจาะหนัง
อย่างไรก็ตามการจัดกระดูกของหมัดปีศาจพยัคฆ์สามารถแก้ปัญหานี้ได้จากต้นทาง มันทำให้เขาสามารถระเบิดพลังภายในออกมาได้ทันทีและเร็วมาก
การจัดกระดูกของหมัดปีศาจพยัคฆ์สามารถสนับสนุนการเคลื่อนไหวได้อย่างครอบคลุม มันจะทำให้เขาเหมือนเสือที่ท่องเที่ยวอยู่ในป่าและเคลื่อนไหวราวกับสายลม
หลี่ฉิงซานหยุดเคลื่อนไหวและปล่อยให้หัวใจของเขาค่อยๆสงบลง เขาปิดเปลือกตาเพื่อทบทวนความรู้สึกก่อนหน้านี้และรอคอย
ทักษะการเคลื่อนไหวของเงาร่างสีดำทั้งสองค่อนข้างน่าประทับใจ ไม่นานพวกเขาก็ออกมาจากป่า ภายใต้แสงจันทร์ พวกเขาเห็นหลี่ฉิงซานนั่งอยู่บนหน้าผาพร้อมกับกลิ่นอายที่ดุร้ายและอันตราย
หลี่ฉิงซานยืนขึ้น “พวกเจ้าเป็นเพียงนักสู้ชั้นสามแต่พวกเจ้ากลับกล้าพอที่จะไล่ล่าข้างั้นหรือ? ช่างกล้าหาญนัก! ตั้งแต่พวกเจ้ามา พวกเจ้าก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ข้างหลัง!” ก่อนที่คนทั้งสองจะกล่าวสิ่งใด หลี่ฉิงซานก็กระโดดลงไปแล้ว
“ปีศาจพยัคฆ์ลงเขา!”
‘เสือโคร่งหลี่ฉิงซาน!’ คนทั้งสองนึกถึงฉายาของหลี่ฉิงซานทันที แรกเริ่มพวกเขารู้สึกว่ามันตลก แต่เมื่อหลี่ฉิงซานใกล้เข้ามา พวกเขาก็ไม่สามารถหัวเราะได้อีก
ตอนนี้คนทั้งสองรู้สึกเสียใจที่ข่าวลือกระตุ้นความโลภของพวกเขา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าเด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นหลี่ฉิงซานจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เมื่อหยางอันจื่อปล่อยข่าวเรื่องโสมจิตวิญญาณออกไป เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องน่าละอายเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของเขาและคนทั้งสองก็ไม่เชื่อเรื่องที่หลี่ฉิงซานทำลายป้อมวายุทมิฬเพียงลำพังเพราะมันไร้สาระเกินไป ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นคือหลี่ฉิงซานกลับเมืองชิงหยางพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงสองคน
แต่มันสายเกินไปแล้วที่พวกเขาจะหนี
“ปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ!” หลี่ฉิงซานกางมือเป็นกรงเล็บและส่งมันพุ่งเข้าไปในทรวงอกเพื่อดึงหัวใจสองดวงที่ยังเต้นอยู่ออกมา
นอกเหนือจากท่าพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว หมัดปีศาจพยัคฆ์ยังมีท่าสำหรับการฆ่าโดยเฉพาะ นั่นคือปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ ปีศาจพยัคฆ์ฉีกลูกแกะ และเสียงคำรามปีศาจพยัคฆ์ มันโหดเหี้ยมและดุร้ายกว่าหมัดปีศาจวัวอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ
“เสี่ยวอัน!”
แจกันกระเบื้องลายครามเปิดออก เสี่ยวอันบินออกมา หลี่ฉิงซานบีบมือ เลือดไหลลงสู่โครงกระดูกสีขาวและถูกดูดซับเข้าไปทันที
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเลือดจากหัวใจของคนมีชีวิต การบ่มเพาะวิธีนี้ชั่วร้ายและน่ากลัวอย่างที่มันควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่รู้สึกอึดอัดในการทำสิ่งนี้ ตั้งแต่คนทั้งสองต้องการฆ่าเขา เขาก็ไม่รู้สึกผิดที่จะฆ่าคนเหล่านี้ เขากระทั่งรู้สึกยินดีจากก้นบึ้งของหัวใจขณะที่แสงสีแดงส่องประกายขึ้นในส่วนลึกของรูม่านตาของเขา
จากมุมมองของคนทั่วไป วัวเป็นสัตว์ที่เรียบง่ายและอ่อนโยน แม้จะมีบางครั้งที่พวกมันหงุดหงิด แต่วัวก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเสือที่ล่าเหยื่อและกินเนื้อ กล่าวได้ว่ารูปแบบหมัดทั้งสองตั้งชื่อตามนิสัยและพฤติกรรมของสัตว์ทั้งสองอย่างแท้จริง
หากหมัดปีศาจวัวช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญของเขา หมัดปีศาจพยัคฆ์ก็ช่วยปลุกความดุร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้น คนที่ชอบการต่อสู้ก็จะต่อสู้ คนที่ชอบฆ่าก็จะฆ่า นั่นคือวิธีการทำงานของโลก
หลี่ฉิงซานลูบศีรษะเสี่ยวอันด้วยมือเปื้อนเลือดและกล่าวเบาๆ “ออกมาสูดอากาศเถอะ” แม้เขาจะไม่รู้ว่าโครงกระดูกจะสูดอากาศอย่างไรแต่เสี่ยวอันก็ยังปืนขึ้นไปบนไหล่ของหลี่ฉิงซานอย่างมีความสุข
หลี่ฉิงซานออกเดินทางต่อแต่เขาไม่รู้ว่าไม่นานหลังจากนั้นอีกสองคนก็มาถึง พวกเขาคือชายหน้าม้าและหญิงชุดน้ำเงินในโรงน้ำชาก่อนหน้านี้ ทั้งสองเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพ พวกเขาไม่เหมือนบุตรหลานขุนนางที่ได้รับการปรนเปรออยู่ในนิกายถ้ำมังกร แม้แต่หญิงชุดน้ำเงินก็ยังหน้าซีดเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฮืม พวกเขาคือสามคนโฉดแห่งเหยา กระทั่งเศษขยะสามชิ้นก็ยังต้องการโสมจิตวิญญาณ ศิษย์พี่ เขาออกจากเมืองและกำลังจะไปอาละวาดที่นิกายถ้ำมังกร นี่เป็นโอกาสดีสำหรับเรา เมื่อทั้งสองฝ่ายหมดแรง เราจะโจมตีและจากไปทันทีที่เราได้รับโสมจิตวิญญาณ ไม่มีผู้ใดสามารถ...”
“หุบปาก!” ชายหน้าม้าก้มลงตรวจสอบศพ เมื่อเขาได้ยินแผนการของหญิงชุดน้ำเงิน เขาก็ขัดจังหวะนางด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “ไปกันเถอะ ไปให้ไกลจากที่นี่!”
หญิงชุดน้ำเงินกรีดร้อง “กระไรนะ!?”
“แม้สามคนโฉดแห่งเหยาจะไม่ใช่ตัวตนที่น่าประทับใจเป็นพิเศษแต่พวกเขาก็มีทักษะอยู่บ้าง แม้เราจะเพิกเฉยต่อคนโฉดลำดับที่สามที่มีฝีมือด้านพิษ คนโฉดอีกสองคนต่างมีฝีมือ หากพวกเขาร่วมมือกัน มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากแม้แต่สำหรับพวกเราที่จะขัดไล่พวกเขาไป แต่ตอนนี้แม้พวกเขาจะระวังตัว พวกเขาก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะป้องกันการควักหัวใจ นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาตาย หลี่ฉิงซานผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเราสามารถรับมือ ข่าวลือเรื่องป้อมวายุทมิฬน่าจะเป็นเรื่องจริง” ชายหน้าม้ากล่าวอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงของเขายังสั่นเล็กน้อย เขาสามารถจินตการได้ว่าเขาจะพบจุดจบอย่างไรหากเขายั่วยุคนเช่นนี้
“เราจะใช้อาวุธลับลอบโจมตีตั้งแต่แรก เหตุใดเราต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง? ตราบเท่าที่เรารักษาระยะห่าง ด้วยทักษะการเคลื่อนไหวของเรา เราจะไม่เป็นไร ศิษย์พี่ ท่านขี้ขลาดเกินไป ความเสี่ยงมาพร้อมกับกำไร หากเราได้โสมจิตวิญญาณ...” หญิงชุดน้ำเงินยังพล่ามไม่หยุดขณะที่ดวงตาของนางสว่างขึ้นเมื่อกล่าวถึงโสมจิตวิญญาณ
“เพียะ!” เสียงตบหน้าดังขึ้น หญิงชุดน้ำเงินรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เจ้ากล้าตบข้าจริงๆงั้นหรือ!?”
ชายหน้าม้ากล่าว “หากเจ้าอยากตายก็ไปเอง อย่าดึงข้าไปด้วย เจ้าสามารถบอกเรื่องนี้กับท่านอาจารย์ แล้วมาดูกันว่าท่านอาจารย์จะลงโทษหรือสรรเสริญข้า!” เขาหันหลังกลับและจากไปโดยไม่รอให้จบประโยค
หญิงชุดน้ำเงินตกตะลึงไปชั่วครู่ แต่นางยังตามเขาไป “ศิษย์พี่ ท่านเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
นิกายถ้ำมังกรตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาสูงชัน สามด้านเป็นหน้าผาแนวตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางทิศตะวันออกที่ดูราวกับถูกตัดด้วยขวาน หน้าผาสูงหลายร้อนเมตร แม้แต่ลิงยังต้องดิ้นรนหาที่ยืนและปีนขึ้นไป
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความมืดมิดของหน้าผาทิศตะวันออก บางสิ่งกำลังบินขึ้นไปพร้อมแสงสว่างราวกับพุเพลิง
หากมองดูใกล้ๆ คนผู้หนึ่งจะเห็นเงาสีดำที่กำลังปีนขึ้นหน้าผาหิน นิ้วมือที่งองุ้มทั้งสิบของมันเจาะลงไปในกำแพงหินเหมือนกรงเล็บเหล็กและทำให้เกิดประกายไฟแลบลั่นขึ้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากหลี่ฉิงซาน