ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 62 จิตสังหารที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 64 ปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 63 จัดกระดูก


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 63 จัดกระดูก

แปลโดย iPAT  

“เราต้องระวังตัวเมื่อเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพ เจ้าควรจากไปโดยไร้โสมจิตวิญญาณมากกว่าทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย มีคนอื่นอยู่ที่นี่ ให้พวกเขาตรวจสอบก่อน!” ชายหน้าม้าสั่งสอนอย่างจริงจังแต่หญิงชุดน้ำเงินกลับเย้ยหยัน

“ท่านอาจารย์บอกให้เจ้าฟังข้าเมื่ออยู่ข้างนอก!” ชายหน้าม้าโกรธ เขาคิด ‘หากเจ้าต้องการตาย ข้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่าลากข้าไปด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นลูกสาวของท่านอาจารย์ ข้าคงทิ้งเจ้าไปนานแล้ว’

ในยุทธภพ ความประมาทเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำผู้คนไปสู่ความตาย

ชายหน้าม้ามองหลี่ฉิงซานที่อยู่ในฝูงชนราวกับมองคนที่ตายไปแล้ว เขาจิบชาอย่างสะดวกสบาย แม้เขาจะไม่ได้รับโสมจิตวิญญาณ แต่การเฝ้ามองอัจฉริยะหนุ่มที่โชคดีคนนี้ตายจากความโหดเหี้ยมของยุทธภพ มันก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

ในโรงเตี้ยมที่เกิดการต่อสู้ขึ้นก่อนหน้า หลี่ฉิงซานนั่งลงขณะที่ขุนนางบางคนส่งจอกสุราให้เขา แต่เมื่อเขากำลังจะดื่ม เขากลับหยุดและมองของเหลวที่สั่นไหวอยู่ในจอก

ด้วยการหยุดของเขา โรงเตี้ยมเงียบลงทันที ขุนนางถามอย่างระมัดระวัง “มือปราบหลี่ เกิดสิ่งใดขึ้น?”

หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “สุรามีพิษ!” เขาสาดสุราลงบนพื้นและทำให้ควันสีขาวลอยขึ้นมา พิษชนิดนี้ไร้สีไร้กลิ่น หากไม่ใช่เพราะสายตาเหนือมนุษย์ของเขา เขาคงถูกวางยาพิษไปแล้ว

ใบหน้าของขุนนางผู้นั้นกลายเป็นซีดเผือด เขาเป็นคนส่งสุราจอกนี้ให้หลี่ฉิงซาน ดังนั้นเขาจึงรีบโบกมือ “ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้า!”

ขุนนางผู้นั้นคิดว่ากำลังจะถูกทำร้าย เขาต้องการร้องขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือหลี่ฉิงซานมองไปที่เสี่ยวเอ้อ “เจ้าเป็นคนวางยา!” เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารและความเกลียดชังจากคนผู้นี้

“ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขาไม่ใช่เสี่ยวเอ้อของที่นี่!” ขุนนางบางคนกล่าว

เสี่ยวเอ้อผู้นั้นตื่นตระหนกและเริ่มร้องขอความยุติธรรม ทันใดนั้นเขาก็เห็นหมัดพุ่งเข้ามาหาเขา เขาไม่สามารถซ่อนตัวได้อีก ดังนั้นเขาจึงเลื่อนมีดที่อยู่ใต้แขนเสื้อออกมาและแทงไปที่หน้าท้องของหลี่ฉิงซาน

ด้วยเสียงกระแทกและกระดูกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ หน้าอกของเสี่ยวเอ้อยุบลง ศพของเขาลอยออกไปนอกโรงเตี้ยมและตกลงบนถนนด้วยมือที่ยังจับมีดไว้อย่างแน่นหนา แต่ตอนนี้มีดกลับกลายเป็นโค้งงอ

หลี่ฉิงซานทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น “ดื่มกันต่อเถอะ!” เขารู้ว่าสิ่งนี้ไม่แม้แต่จะสามารถเรียกว่าอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

แต่ผู้ใดยังจะมีอารมณ์ดื่มต่อ!

หลี่ฉิงซานกล่าว “ท่านเย่ ผู้นำนิกายถ้ำมังกรโจมตีเมืองอย่างเปิดเผยและหลบหนีไป ท่านพิจารณาเรื่องออกหมายจับเขาหรือยัง?”

เย่ต้าฉวนกล่าว “ถูกต้อง ถูกต้อง แน่นอนว่าข้ารายงานเรื่องนี้ต่อคนระดับสูงแล้ว”

“รังโจรนิกายถ้ำมังกรไม่สามารถอยู่ต่อ ในฐานะเจ้าเมือง ข้าต้องปราบปรามนิกายถ้ำมังกรและจับตัวหยางอันจื่อ พวกเจ้าคิดอย่างไร?”

กลุ่มขุนนางพูดไม่ออก นิกายถ้ำมังกรจะเดินตามรอยป้อมวายุทมิฬ โชคดีที่พวกเขาเรียกบุตรหลานของตนกลับมาแล้ว

เย่ต้าฉวนมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า “แต่ตอนนี้มันอาจสายเกินไปแล้ว?”

หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นไม่ใช่ปัญหา ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ข้าจะกลับมาอย่างรวดเร็ว!” เขาจะไม่ละเว้นทุกคนที่สร้างปัญหาให้เขาและจะไม่ให้ศัตรูมีเวลาพักผ่อน

เขาคิดถึงโฆษณาชวนเชื่อของประเทศจีนที่บอกให้ทุกคนเทิดทูนบูชารัฐบาลและคนร่วมชาติ ‘สหายเล่ยเฟิงเคยสอนเราว่าเราต้องปฏิบัติต่อเพื่อนพ้องอย่างอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิขณะที่เราต้องปฏิบัติต่อศัตรูอย่างโหดเหี้ยมและไร้ปรานีเช่นเดียวกับความหนาวเย็นของฤดูหนาว’

นิกายถ้ำมังกรตั้งอยู่บนภูเขาถ้ำมังกรซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณห้ากิโลเมตร หลี่ฉิงซานออกจากประตูเมืองและเดินทางขึ้นภูเขาทันที ตั้งแต่เขาก้าวเท้าออกจากประตูเมือง เงาดำสองสายก็ติดตามอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ศิษย์พี่น้องคู่นั่น

พวกเขาเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพ เมื่อพวกเขามาถึงเมืองชิงหยาง พวกเขาบังเอิญได้ยินข่าวเกี่ยวกับโสมจิตวิญญาณ เสี่ยวเอ้อที่วางยาพิษก็เป็นสหายของพวกเขา พวกเขารออยู่ที่ชั้นล่างของโรงเตี้ยมตลอดเวลาโดยคิดว่าเมื่อหลี่ฉิงซานตายจากพิษ พวกเขาจะหลบหนีไปพร้อมกับโสมจิตวิญญาณ หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน พวกเขาจะโจมตีหลี่ฉิงซานพร้อมกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขากลับเห็นศพของสหายถูกโยนออกจากโรงเตี้ยม จากนั้นหลี่ฉิงซานก็กระโดดออกจากหน้าต่างและรีบวิ่งออกจากเมือง พวกเขามองหน้ากันและคิด ‘เขากำลังจะหนี!’ ดังนั้นพวกเขาจึงออกไล่ล่า

แม้นิกายถ้ำมังกรจะอยู่ห่างจากเมืองชิงหยางเป็นระยะทางห้ากิโลเมตร แต่มันไม่ใช่ทางเรียบ มันถูกขั้นด้วยภูเขาและหุบเหว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เพียงห้ากิโลเมตร หลี่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าและทิ้งรอยเท้าฝักลึกไว้บนพื้น เมื่อเขาพบสิ่งกีดขวาง ความเร็วของเขาก็จะลดลง

นี่คือเหตุผลที่เขาถูกตราหน้าว่าเงอะงะ หลังจากทั้งหมดหมัดปีศาจวัวไม่เกี่ยวข้องกับความเร็วในการเคลื่อนไหว นั่นทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วของคนปกติเท่านั้น การส่งพลังปราณไปที่เท้าช่วยเร่งความเร็วได้เพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของเขาค่อนข้างแปลก กระดูกสันหลังของเขาบิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เขาอ้าปากหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หัวใจของเขาเต้นแรงขณะที่ไอน้ำสีขาวพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง

ในความเป็นจริงมันไม่ควรต้องใช้กำลังมากนักสำหรับการวิ่ง มันดูเหมือนเขากำลังแบกรับภาระบางอย่างเอาไว้ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนที่ของเขากลับค่อยๆเร็วขึ้น เบาขึ้น ร่างกายของเขาโน้มไปข้างหน้า แขนของเขาห้อยลง นั่นทำให้เขาดูเหมือนสัตว์ป่าในร่างมนุษย์

ท่ามกลางป่าที่มืดมิด กิ่งไม้และพืชพรรณต่างๆที่อยู่ใกล้ตัวเขาถูกเหวี่ยงทิ้งไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นหน้าผาสูงชั้นมากกว่าสิบเมตรก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา หากเป็นช่วงเวลาปกติ เขาต้องหยุดและคิดว่าจะวิ่งอ้อมหรือปีนขึ้นไป แต่ตอนนี้ไม่เพียงเขาจะไม่หยุด เขายังกระโดดขึ้นไปทันที เขาใช้มือคว้าหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผาและออกแรงส่งตัวเองกระโดดสูงขึ้นไป

เขาขึ้นไปบนหน้าผาด้วยการเคลื่อนไหวเดียว มันดูเหมือนเสือที่ดุร้ายกระโดดขึ้นภูเขา แท้จริงแล้วนี้คือท่าพยัคฆ์ปีนภูเขาจากทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์

วัวดำสอนทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์ให้หลี่ฉิงซานแล้ว เขาทำความเข้าใจและเรียนรู้มันตลอดเวลาตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองชิงหยาง ด้วยการมีหมัดปีศาจวัวเป็นรากฐาน การเรียนรู้หมัดปีศาจพยัคฆ์ก็ง่ายขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจสามท่าพื้นฐานจากเก้าท่าจัดกระดูกของหมัดปีศาจพยัคฆ์แล้ว พวกมันคือกระดูกสันหลังปีศาจพยัคฆ์ แผ่นหลังปีศาจพยัคฆ์ และศีรษะปีศาจพยัคฆ์ ทั้งสามเป็นพื้นฐานการจัดกระดูกท่าอื่นๆของหมัดปีศาจพยัคฆ์

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดวัวดำจึงให้เขาเรียนรู้หมัดปีศาจวัวก่อนหมัดปีศาจพยัคฆ์ ท้ายที่สุดหมัดปีศาจพยัคฆ์ก็สร้างภาระให้กับร่างกายมากเกินไป หากเขาเริ่มต้นด้วยหมัดปีศาจพยัคฆ์ ร่างกายของเขาอาจพังทลายทันที