ตอนที่แล้วตอนที่ 13 การทดสอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 สวีท, สาวไร้เดียงสา

ตอนที่ 14 หลิวยี่


หน้าจอบนเครื่องกระพริบและตัวเลขพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองดูฉากนี้ หลิวยี่ดูสงบจากภายนอก แต่ภายในเธอรู้สึกคาดหวังอย่างมาก

เหลียงกั๋วก็เงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกไร้อารมณ์และต้องการเห็นว่าเฉินเหิงจะเลวร้ายเพียงใด

หลังจากเป็นเพื่อนที่ดีกับเฉินเหิงมาหลายปี เขารู้จักเฉินเหิงเป็นอย่างดี

จากสิ่งที่เขารู้ ข่วงนี้ เฉินเหิงไม่ได้ขยันเหมือนเมื่อก่อนและเป็นไปได้มากที่คะแนนการฝึกฝนร่างกายของเขาจะลดลง

เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะเป็นพี่น้องร่วมทุกข์กัน

ท้ายที่สุดแล้ว พี่น้องที่ดีก็จะต้องทนการดุด่าและเฆี่ยนตีไปด้วยกัน

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาแน่นิ่งไปอย่างรวดเร็ว เพราะตัวเลขพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในไม่ช้ามันก็เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ทำให้เขารู้สึกตะลึง

50!

การฝึกฝนร่างกาย 50%!

เมื่อตัวเลขนี้ถูกเปิดเผย ทุกคนก็ตกตะลึง

“มันเป็นไปได้ยังไง”

การแสดงออกของเหลียงกั๋วแข็งทื่อ เขาไม่อยากเชื่อเลย “เครื่องพังหรือเปล่า?”

การแสดงออกของทุกคนเหมือนกัน

หลิวหลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาทำซ้ำการทดสอบของเฉินเหิงอีกสองครั้ง แต่ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนแปลง

‘เป็นการฝึกฝนร่างกาย 50% จริง ๆ เหรอ?’

หลิวหลินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

การที่ลูกศิษย์ของเขามีพัฒนาการที่ดีแบบนี้ สิ่งนี้จะสะท้อนถึงตัวเขาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมาก

อย่างไรก็ตามท่ามกลางความสุข เขายังค่อนข้างสับสน

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่เฉินเหิงตรวจร่างกายครั้งล่าสุด เขาทำได้ดีกว่าเหลียงกั๋วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอยู่ที่ประมาณ 30% ของการฝึกฝนร่างกาย

อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงไม่กี่เดือน มันก็เพิ่มขึ้นเป็นการฝึกฝนร่างกาย 50%

ความเร็วนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?

หลิวหลินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกสับสนอย่างช่วยไม่ได้

คนอื่นก็รู้สึกสับสนเหมือนกัน โดยเฉพาะหลิวยี่

‘เขาระงับเลือดฉีและซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาไว้หรือป่าว’ เธอคิดกับตัวเอง

นอกเหนือจากคำอธิบายนี้ ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งอื่นที่สามารถอธิบายได้

ฉากของเฉินเหิงที่ฆ่าปีศาจอย่างโหดเหี้ยมเป็นสิ่งที่ลืมไม่ลงในใจของเธอ

เฉินเหิงไม่ได้มีความแข็งแกร่งแค่เพียงเล็กน้อยอย่างแน่นอน

‘ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนชอบรักษาโปรไฟล์ต่ำจริง ๆ’ เธอคิดขณะถอนหายใจ

ข้างหน้าได้ยินเสียงเครื่องทดสอบทำงาน ขณะที่เครื่องทดสอบต่าง ๆ กำลังแสดงผลลัพธ์ออกมา

ภายในเครื่องทดสอบ ร่างกายของเฉินเหิงเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาก็เดินออกไปด้วยท่าทางสงบ

เมื่อมองดูปฏิกิริยาของทุกคน เขาก็นิ่งเงียบและเดินไปด้านข้าง ดูเหมือนเขาจะไม่อธิบายผลลัพธ์ของเขา

เขาเดาได้แล้วว่าคนอื่น ๆ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก

ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจทีเดียว

หลังจากบรรลุการฝึกฝนร่างกาย นักศิลปะการต่อสู้จะสามารถควบคุมร่างกายของพวกเขาได้มากขึ้นและสามารถควบคุมเลือดฉีระดับพื้นฐานได้

การตรวจสอบเลือดฉี คือการใช้วิธีพิเศษในการกระตุ้นเลือดฉี เพื่อให้เครื่องสามารถตรวจจับได้

เฉินเหิงใช้การควบคุมร่างกายของเขาเพื่อระงับการกระตุ้นนี้ ทำให้เลือดฉีของเขาอยู่ที่ระดับคงที่เพื่อหลอกเครื่อง

โชคดีที่เมืองหลินเป็นสถานที่เล็ก ๆ และวิธีการตรวจสอบก็ไม่ดี เครื่องจักรเหล่านี้เป็นแบบเก่า ดังนั้นจึงง่ายที่จะหลอกพวกมัน

หากเป็นที่อื่น เป็นไปได้ว่าเฉินเหิงจะไม่สามารถซ่อนความแข็งแกร่งของเขาต่อไปได้

‘การเติบโตแบบนี้ในไม่กี่เดือนนั้นค่อนข้างเร็ว แต่ก็ค่อนข้างยอมรับได้…’ เฉินเหิงคิดกับตัวเอง

“อาเหิง”

ในขณะนั้น เหลียงกั๋วก็รีบวิ่งเข้ามาและต่อยเฉินเหิง

เขาหัวเราะในขณะที่พูดว่า “นายแอบฝึกพิเศษหรือป่าว? นายไปถึงระดับนี้ได้ยังไง”

เฉินเหิงหัวเราะและยิ้มในขณะที่เขาได้รับหมัดเหลียงกั๋วและพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้น ฉันเพิ่งได้รับเทคนิคบางอย่าง ดังนั้นฉันจึงอยากจะทำให้นายประหลาดใจ”

“นายจะบอกว่านี่เพราะเทคนิค…”

การแสดงออกของเหลียงกั๋วมืดมนขณะที่เขาพูด “ใครจะไปเชื่อ?”

การเปลี่ยนจากการฝึกฝนร่างกาย 30% ไปเป็นการฝึกฝนร่างกาย 50% ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ด้วยเทคนิคใด ๆ

ในอดีตไม่เคยมีมใครแม้แต่คนเดียวที่มีการฝึกฝนร่างกาย 50% ในชั้นเรียน

อยู่ ๆ ก็มีขึ้นมาสองคน

เฉินเหิงยิ้มและไม่พูดต่อ

เมื่อมองดูปฏิสัมพันธ์ของเฉินเหิงกับคนอื่นจากไกล ๆ หลิวยี่ก็เข้าใจอะไรบางอย่างทันที

‘เป็นแบบนี้นี่เอง…’

เธอคิดในใจว่า ‘เขาซ่อนกำลังไว้เพราะเขากลัวไม่อยากเสียเพื่อนฝูงไป เหตุผลที่เขาไม่ปิดบังอีกต่อไปก็เพราะใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอีกต่อไป?’

เมื่อมองดูผู้คนรอบ ๆ เฉินเหิง และไม่เห็นใครอยู่รอบตัวเธอ เธอก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

ในอดีตเธอเคยเห็นเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

บางคนปลุกพลังขึ้นมาในชั่วข้ามคืนและได้รับพละกำลังมหาศาล แต่กลับถูกคนอื่นกีดกันและต้องกลายเป็นคนโดดเดี่ยว

สำหรับคนทั่วไป เรื่องนี้ไม่ได้ดูเป็นเรื่องใหญ่ และมันเป็นเส้นทางที่ผู้เชี่ยวชาญต้องเดิน

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ นี่ไม่ใช่เรื่องดี

เฉินเหิงเป็นคนแบบนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยว่าเขาพิเศษแค่ไหน

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองเฉินเหิงในภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น

ถ้าเฉินเหิงรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ใครจะรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

หลังจากหลบเลี่ยงคำถามต่าง ๆ และยิ้มในขณะที่ปฏิเสธที่จะสอนเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงสองสามคน เฉินเหิงก็จากไปพร้อมกับเหลียงกั๋ว

ระหว่างทางกลับบ้าน เฉินเหิงเดินไปกับเหลียงกั๋วก่อนที่จะหยุดอย่างกะทันหัน

ไม่ไกลนัก มีหญิงสาวยืนอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

“เพื่อนร่วมชั้นหลิว?”

เมื่อมองไปที่หญิงสาว เฉินเหิงหยุดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้ม “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ”

“เพื่อนร่วมชั้นเฉิน…” หลิวยี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเหิงได้ยินเธอพูด และเสียงของเธอก็ค่อนข้างพิเศษและแหบเล็กน้อย

“ฉันมีบางอย่าง… ฉันอยากคุยกับนายเรื่อง…” เธอพูดเบา ๆ

หลังจากลังเล เธอก็พูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นเฉินมีเวลาหรือเปล่า…”

เฉินเหิงรู้สึกประหลาดใจมากและหยุดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า

จากนั้น เขามองไปที่เหลียงกั๋ว พยักหน้าเข้าใจกันและเดินออกไปพร้อมกับหลิวยี่

พวกเขามาถึงตรอกเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครอยู่เลย

ระหว่างที่ทั้งสองเดินมาที่นี่ ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน

หลิวยี่สงสัยว่าจะคุยกับเฉินเหิงอย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนั้น ในขณะที่เฉินเหิงสงสัยว่าทำไมหลิวยี่ถึงพาเขามาที่ที่ไม่มีใครอยู่

จะโจมตีเขา?

อาจจะไม่ใช่

ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างพวกเขา และเมื่อพวกเขาพบกันในคืนนั้น มีเพียงความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย ไม่มีเหตุผลที่เธอจะโจมตีเขา

แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีก?

ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ การแสดงออกของเฉินเหิงนั้นสงบ แต่มีความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวใจของเขา

อย่างไรก็ตามคำตอบที่หลิวยี่ให้มากลับทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด