Ep.-342 - ใช้สมุนทหารกวาดล้างมอนสเตอร์
3/4
Ep.-342 - ใช้สมุนทหารกวาดล้างมอนสเตอร์
ฮังอวี่พาจ้าวหมิง เจียงหนาน เสี่ยวเฉียงและหวังเอ๋อเข้าไปยังหุบเขามันติคอร์
โดยมีทหารสมุนเดินตามหลังมาติดๆ
ในที่นี้มีทหารราบเผ่ามนุษย์สิบนาย
ทหารธนูเผ่ามนุษย์สิบนาย
ทหารเวทย์เผ่ามนุษย์สิบนาย
ทหารรักษาเผ่ามนุษย์สิบนาย
พวกเขานำทหารกว่า 40 นายออกมาในคราเดียว!
เจียงหนานอารมณ์ดีมาก
เพราะเป็นอีกครั้งที่เธอได้ร่วมทางกับพี่มหาเทพ!
และในปฏิบัติการครั้งนี้ พี่มหาเทพระบุชื่อเธอด้วยตัวเอง
แล้วอีกอย่าง ปฏิบัติการนี้ต่างจากทุกครั้ง เพราะนอกเหนือจากสมาชิกกลุ่มเล็กๆแล้ว ยังมีทหารตามมาด้วยอีกสิบนาย
สมุนทหารเหล่านี้ตั้งแต่ถูกสร้าง ไม่เคยได้นำเข้าสู่สนามรบมาก่อน
ในบรรดาทหารสี่สิบนาย
ทหารรักษาทั้งสิบเป็นของเจียงหนานทั้งหมด
ดังนั้นทุกคนจึงเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้างดงาม
แน่นอน แม้จะเหมือนมนุษย์จริงๆ ทว่าพวกเขาขาดจิตวิญญาณ จึงไม่ต่างอะไรไปจากหุ่นยนต์จำลองที่มีสติปัญญาต่ำในภาพยนต์นิยายวิทยาศาสตร์
และพวกเขาไม่เหมือนนักบวช ทหารรักษาทุกคนจะแต่งกายในชุดทหารแพทย์ มิใช่สวมชุดคลุมนักบวช และอุปกรณ์ของพวกเขาก็ใกล้เคียงกับนักรบ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหล่าทหารรักษาจึงมีพลังป้องกันที่ต่ำมาก
แต่ละคนเปราะบาง
ต้องระมัดระวังและคอยปกป้องพวกเขาให้ดี!
ในบรรดาทหารที่เหลืออีกสามสิบนาย ทหารราบเป็นของจ้าวหมิง ส่วนทหารธนูและทหารจอมเวทย์เป็นของฮังอวี่
มันจะเป็นการดีกว่าหากกระจายการสั่งการ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกในการออกคำสั่ง หลีกเลี่ยงความสับสนระหว่างการต่อสู้
ฮังอวี่เอ่ยขึ้นขณะเดิน “มันติคอร์เป็นมอนสเตอร์ที่อันตรายมาก มีเลเวลอยู่ในช่วง 11-12 พวกมันทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์ชั้นยอด ห้ามประมาท และพยายามรักษาชีวิตทหารของพวกเราให้ดีที่สุด”
จ้าวหมิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ในแต่ละเลเวลก่อนหน้านี้พลังรบจะขยับขึ้นแบบแทบจะคงที่ แต่หลังจากที่มอนสเตอร์เลเวลเกิน 10 ขึ้นไป ทุกเลเวลที่เพิ่มขึ้น ไม่อาจดูถูกพลังรบของพวกมันได้ หุบเขานี้มีชนชั้นยอดขั้นซิลเวอร์เลเวล 12 อยู่มาก ไหนจะชนชั้นยอดขั้นโกลด์ พลังรบของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่ามนุษย์ในระดับเจ้าถิ่นในเลเวลเดียวกันมากนัก”
“ฮ๊าาา! ทรงพลังขนาดนั้นเลย แบบนี้พวกเราต้องระวังตัวให้มากเข้าไว้!” เจียงหนานมองไปรอบๆอย่างประหม่า สายตาเธอเหลือมองทหารใต้บังคับบัญชาของตัวเอง “ผู้รักษาพวกนี้มีราคาแพงมาก มันคงน่าเสียดายถ้าพวกเขาถูกฆ่าตาย!”
สมุนทหารจะไม่มีการฟื้นคืนชีพ
เมื่อพวกเขาถูกกำจัดออกไป เท่ากับเป็นการสูญเสียทรัพยากรอย่างร้ายแรง
เจียงหนานชอบทหารรักษาของเธอมาก และค่าวัสดุของทหารรักษาก็สูงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ใช่จำนวนที่น้อยสำหรับเธอ
ฮังอวี่เตรียมการก่อนออกเดินทาง เขาเปิดใช้งานแผ่นศิลาประทานพรในเมืองหุบเขาเดียวดาย เพิ่มพรให้แก่ทุกคนรวมไปถึงสมุนทหาร มีผลช่วยเพิ่มความต้านทานหมอกพิษในหุบเขามันติคอร์
ไม่อย่างนั้น
ทุกนาทีพลังชีวิตจะลดลง
อีแบบนี้ต่อให้เป็นฮังอวี่ก็ไม่สามารถแบกรับไหว!
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของทีม
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเขามีขุนศึกสุนัขคอยรับผิดชอบด้านความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง
มันติคอร์ไม่เก่งด้านการปิดบังกลิ่นอาย ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับของสุนัข
ทั้งสี่คนเดินคุยกัน
พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในช่วงนี้
ด้วยบุคลิกและนิสัยของเจียงหนาน ทำให้ตอนนี้เธอสนิทกับเสี่ยวไป๋ กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว
ส่วนจ้าวหมิง หลังจากตัดสินใจรวมทีมกับฉูเทียนหัว และยกให้ฮังอวี่เป็นหัวหน้า เขาก็ได้ละทิ้งบุคลิกในฐานะเถ้าแก่ใหญ่ลงอย่างสมบูรณ์
เจียงหนานคร่ำครวญ “เฮ้อ ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่มหาเทพถึงชอบทำตัวติดดินนัก”
ฮังเสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจ “เข้าใจว่ายังไง?”
เจียงหนานกล่าวว่ารู้สึกหดหู่ใจ “ก็ตั้งแต่เรายึดเมืองหุบเขาเดียวดายได้ ฉันกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในหยานจิง ตอนนี้มีแต่คนมาเยี่ยมฉันที่บ้านทั้งวันทั้งคืน เพราะงั้นหลายวันมานี้ ฉันเลยไม่กล้าออกไปไหนเลยถ้าไม่มีหน้ากากปิดบังตัวตน”
ฮังอวี่หัวเราะ “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เธอเป็นที่รู้จักในฐานะนักบวชสาวงดงามอันดับหนึ่งของประเทศ แม้แต่ผู้ชายครึ่งหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงเป็นแฟนคลับของเธอ”
ประโยคข้างต้นสามารถตีความได้สองแบบ
แบบแรกคือคำว่า ‘สาวงามอันดับหนึ่ง’
นี่หมายความว่าทุกคนคิดว่าเจียงหนานคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในบรรดานักบวชหญิง
แบบที่สองคือคำว่าในฐานะนักบวชอันดับหนึ่ง
นี่หมายความว่าทุกคนคิดว่าเจียงหนานคือนักบวชที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบวชหญิง
ทั้งสองความหมายนี้
ไม่ว่าจะความหมายใดก็ชวนให้เบิกบานใจ
เจียงหนานใบหน้าร้อนผ่าวอย่างสมบูรณ์
สองแก้มของเธอแดงเรื่อ ยกมือเกาหัวอย่างเขินอาย “พี่มหาเทพ อย่าล้อฉันเล่นแบบนี้สิ ฉันจะเก่งแค่ไหนก็เทียบกับพี่ไม่ได้หรอก”
จ้าวหมิงเอ่ยขึ้นในเวลานี้ “คนติดดินก็มีข้อได้เปรียบในการทำตัวติดดิน คนที่เชิดหน้าชูตาตัวเองก็มีข้อได้เปรียบในมุมของเขาเช่นกัน ในเมื่อเธอมีชื่อเสียงแล้ว เธอก็ไม่ควรต่อต้านมัน แต่จงใช้มันให้เกิดประโยชน์”
“แล้วฉันควรทำยังไง?”
เจียงหนานรู้ว่าลุงจ้าวเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้
ปัจจุบันทุกคนคือสมาชิกของกลุ่มมังกรคราม เรียกได้ว่าเป็นหุ้นส่วนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ดังนั้นลุงจ้าวย่อมไม่โกหกเธออย่างแน่นอน
จ้าวหมิงกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคุยรายละเอียด แต่ฉันมีลูกน้องที่เป็นมืออาชีพด้านนี้โดยเฉพาะ เมื่อพวกเรากลับไป ฉันจะสั่งให้เขาเตรียมแผน ช่วยสอนให้เธอวางตัวอย่างเหมาะสม”
เจียงหนานพยักหน้า “ขอบคุณลุงจ้าว!”
จ้าวหมิง “ด้วยความยินดี อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นคนกันเองทั้งนั้น”
ฮังเสี่ยวไป๋ดูงุนงง เธอยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงหนานถึงได้รับความนิยมอย่างกะทันหัน
“ฮ่ง เจ้านาย มานี่เร็ว เปิ่นหวังเจอรังของพวกมอนสเตอร์แล้ว!”
มันติคอร์เป็นมอนสเตอร์ที่มักอยู่รวมกันเป็นฝูง
และฝูงหนึ่งมีประมาณ 20 ตัว!
ซึ่งสามารถระบุพลังรบของพวกมันได้อย่างรวดเร็ว
มันติคอร์ตัวเล็กมีเลเวล 11 ส่วนตัวใหญ่จะมีเลเวล 12
มันติคอร์ขนเหลืองอยู่ในระดับบรอนซ์ ส่วนตัวที่มีขนเทาดำคือจ่าฝูงของพวกมันที่อยู่ในเลเวล 12 เป็นมอนสเตอร์ระดับชั้นยอดขั้นซิลเวอร์ ซึ่งมีพลังรบไม่ด้อยไปกว่าระดับเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ในเลเวล 10
มันติคอร์คือสัตว์ร้ายที่คล่องแคล่วและมีหนังหนา
พวกมันไม่เพียงแต่ดุดันในการต่อสู้ทางกายภาพเท่านั้น
แต่ยังสามารถปล่อยพิษออกมาโจมตีได้
ด้วยพลังรบของมนุษย์ในปัจจุบัน มอนสเตอร์กลุ่มนี้จัดว่ายากจะต่อกร
และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฮังอวี่ถึงต้องนำสมุนทหารมากวาดล้างพวกมัน
ทางหนึ่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรบ
เพราะมันติคอร์ชั้นยอดจะฟื้นคืนชีพในทุกๆสองสามวัน ขณะที่รอบๆหุบเขามีมันติคอร์ชั้นยอดมากกว่า 500 - 600 ตัว อาศัยเพียงพลังรบของทีมเล็กๆ ยังไงก็ไม่สามารถเก็บกวาดพวกมันได้ทัน
อีกทางหนึ่งก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
แม้ตอนนี้พลังรบของฮังอวี่จะแข็งแกร่งมากแล้ว แต่เขาไม่กล้าประมาทบุกเข้าไปในรังของมันติคอร์เลเวล 11 12
ทุกคนเริ่มลงมือ
เสี่ยวไป๋เปิดใช้งานสกิลสายควบคุมแบบสนามพลังก่อน
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เสียงจากการต่อสู้ดึงดูดมอนสเตอร์ฝูงอื่นมา
เหล่าจ้าว ฮังอวี่นำทหารราบเข้าโจมตี
ทหารนับสิบพุ่งเข้าชาร์จใส่ฝูงมันติคอร์ในเวลาเดียวกัน
ฮังอวี่ จ้าวหมิงเป็นคนแรกที่นำเข้าปะทะกับพวกมอนสเตอร์ จ้าวหมิงเปิดใช้งานดูดซับเจตนาฆ่าทันที ดึงตัวจ่าฝูง มันติคอร์ออกจากกลางสนามรบ เรียกมันไปอยู่กลางวงของทหารจอมเวทย์และทหารธนู
ทหารยี่สิบนายระดมยิงพร้อมกัน
ในเวลาเพียง 10 วินาที จ่าฝูงมันติคอร์ก็ถูกจำกัดลง
นี่คือกระบวนการที่สำคัญที่สุด เพราะจ่าฝูงมันติคอร์นั้นแข็งแกร่งมาก มันสามารถสังหารสมุนทหารได้ง่ายๆ ดังนั้นเป็นตัวแรกที่ต้องกำจัด
เมื่อฝูงมันติคอร์สูญเสียผู้นำก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
การต่อสู้หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องง่าย
ทหารราบที่มีเลือดหนาและมีพลังป้องกันสูงยืนอยู่แถวหน้าเพื่อต้านทานมันติคอร์ ด้านหลังพวกเขาคือทหารรักษาที่คอยเติมพลังชีวิต ทหารจอมเวทย์และทหารธนูช่วยระดมโจมตี ฮังอวี่พุ่งเข้าไปกลางวงพวกมัน เก็บกวาดโจมตีปิดฉาก
เจียงหนานเริ่มค่อยๆปรับตัวให้ทันสถานการณ์
เมื่อใดก็ตามที่ทหารคนไหนมีเลือดลงลงถึงขีดอันตราย
เธอจะก้าวออกไป ร่ายสกิลรักษาให้พวกเขาพ้นภัย
ในเวลาเพียงสิบนาที
การต่อสู้ก็จบลง
ทุกคนรู้สึกว่านี่มันผ่อนคลายมาก มากกว่าในทุกๆครั้ง
แม้การใช้กองกำลังทหารเข้าปราบปรามมอนสเตอร์จะส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งแต้มวิญญาณที่ได้รับก็จริง แต่เนื่องจากการเก็บกวาดอย่างรวดเร็วของฮังอวี่ ดังนั้นแต้มวิญญาณส่วนใหญ่จึงไหลไปกระจายกันในมนุษย์ในทีม
เจียงหนานร้องอุทาน “แต้มวิญญาณมากมายเหลือเกิน!”
“นั่นเพราะทุกตัวในที่นี้คือชนชั้นยอดเลเวล 11 และ12!” จ้าวหมิงกล่าว “อัตราการดรอปอุปกรณ์ของพวกมันก็ดีมากด้วย ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์เลเวล 10 11 มีมูลค่าสูงมาก!”
ฮังอวี่กล่าว “มีมันติคอร์ชั้นยอดหลายร้อยตัวในหุบเขา ถ้าคิดเก็บกวาดมันหมดในวันนี้ น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเรา หาหักส่วนแบ่งของหวังเอ๋อกับมดยักษ์เข้าไปด้วย แต้มวิญญาณเฉลี่ยที่ทุกคนจะได้น่าจะอยู่ที่ราวๆ 6000 แต้ม”
คราวนี้ไม่ต้องพูดถึงเจียงหนาน
แม้แต่จ้าวหมิงก็ยังตกใจ
นี่น่ะหรือคือประสิทธิภาพของการนำสมุนทหารออกล่ามอนสเตอร์!?
ห้ามลืมนะว่าขีดจำกัดแต้มวิญญาณในเลเวล 10 อยู่แค่ 8000 แต้มเท่านั้น!
เจียงหนาน จ้าวหมิงเริ่มมีแรงจูงใจ ถึงแม้ทั้งคู่จะเลเวล 10 แล้ว แต่ก็ยังมีสกิลมากมายที่จำเป็นต้องอัพเลเวล ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาต้องการแต้มวิญญาณเป็นจำนวนมาก
สถานการณ์ของฮังอวี่ก็คล้ายคลึงกัน
เขามีสกิลขั้น 3 สามสกิลที่ต้องการอัพเลเวลอย่างเร่งด่วน
หลังจากเก็บกวาดมอนสเตอร์ในวันนี้ คาดว่ามดยักษ์และหวังเอ๋อน่าจะเกือบไปถึงเลเวล 10 ได้!
ซึ่งไม่ว่าจะมดยักษ์หรือหวังเอ๋อ
ตราบใดที่พวกมันไปถึงเลเวล 10
พวกมันจะสามารถช่วยเหลือฮังอวี่ได้ดีกว่าเดิมมาก!