Ep.341 - น้ำไม่ไหลสู่นาคนนอก
2/4
Ep.341 - น้ำไม่ไหลสู่นาคนนอก
สกิลเสน่ห์ไม่ใช่ของพิเศษอะไร
อันที่จริง มันเป็นสกิลของผู้ใช้วิญญาณขั้น 3
อย่างไรก็ตาม บทบาทของเสน่ห์ที่เกิดจากสกิลพรสวรรค์และจากสกิลที่เรียนรู้เองนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งคือสกิลพรสวรรค์ หนึ่งคือสกิลมรดก อย่างหลังมีเอฟเฟกต์ที่จำกัด ขณะที่อย่างแรกสามารถพัฒนาและเพิ่มเอฟเฟกต์ได้อย่างต่อเนื่องตามเลเวล
อย่างไรก็ตาม อัตราความสำเร็จของสกิลเสน่ห์ที่เกิดจากสกิลพรสวรรค์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเลเวลศัตรู สถานะของศัตรู พลังรบศัตรู ฯลฯ
หรือก็คือหากซูหยุนปิงต้องการใช้สกิลนี้กับฉูเทียนหัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จ!
ฉูเทียนหัวอยู่ในเลเวลเดียวกับเธอและมีพลังรบมากกว่า ดังนั้นจึงยากที่เสน่ห์จะได้ผล
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่เธอควบคุมเป้าหมายได้สำเร็จแล้ว เอฟเฟกต์เสน่ห์ที่ใช้ในครั้งต่อๆไปจะค่อยๆอ่อนลง ดังนั้นจำนวนเป้าหมายที่สามารถหว่านเสน่ห์จึงมีจำกัด ซูหยุนปิงไม่สามารถสร้างกองทัพล้างสมองด้วยสกิลนี้ได้
อย่างน้อย
ก็ไม่ใช่ด้วยพลังรบของเธอในตอนนี้!
ฮังอวี่พูดกับเหล่าฉูว่า “หูเจี้ยนทิ้งร่องรอยเอาไว้แล้ว คุณสามารถส่งคนไปติดตามเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วถ้ามีข่าวอะไรใหม่ๆ ให้ติดต่อผมทันที”
ฉูเทียนหัวพยักหน้า “วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว ขอบคุณที่จริงๆที่นายยื่นมือช่วย ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่มีความคืบหน้า”
ฮังอวี่หัวเราะ “พวกเราเป็นคนกันเอง ไม่จำเป็นต้องขอบคงขอบคุณก็ได้”
ฉูเทียนหัวลังเลเล็กน้อย “แต่พูดไปแล้ว ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งอยากให้นายช่วย”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “เรื่องอะไร?”
ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “นายน่าจะรู้แล้ว ฉันได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง แต่แผนกนี้พึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้น มันยังว่างเปล่า ฉันเลยว่าจะรับสมาชิกกลุ่มแรกจากสกายเน็ต”
ฮังอวี่ถาม “อ่าหะ แล้วคุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”
ฉูเทียนหัวกล่าว “ฉันจะร่างรายชื่อบุคลากรแล้วส่งให้นาย จากในบรรดาคนกลุ่มนี้ ฉันจะดึงตัวเข้าเป็นสมาชิกสำนักข่าวกรอง ฉันอยากให้นายช่วยตรวจสอบและคัดกรองพวกเขาอีกรอบ”
ฮังอวี่ตกใจและพูดว่า “คุณต้องการให้ผมช่วยคัดกรองสมาชิกสำนักข่าวกรอง? นี่มันเรื่องใหญ่ ด้วยสถานะของผมคงไม่เหมาะสม”
เขาเคยได้ยินจากเหล่าฉูแล้ว
สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณจะมีการจัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ
สำนักข่าวกรองโลกฝ่ายวิญญาณคือแผนกที่ตั้งควบคู่ไปกับสกายเน็ต
แต่เมื่อเทียบกับสกายเน็ตซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวนมากแล้ว สำนักข่าวกรองเป็นแค่แผนกเล็กๆ พวกเขามีหน้าที่หลักในการเฝ้าติดตาม ตรวจสอบ รวบรวมข้อมูล และมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นพิเศษในการปราบปรามภัยคุกคามในเมืองที่อาจเกิดขึ้น
ถือได้ว่าเป็นองค์กรสืบราชการลับ
กำลังคนไม่จำเป็นต้องมีมากมาย
ทว่าทุกคนต้องเป็นชนชั้นยอด
การคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์เข้าสู่หน่วยงานดังกล่าวมีความสำคัญมากเพียงใดน่ะหรือ? มันสำคัญชนิดที่ว่าพวกเขาอาจมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเจียงเฉิง นั่นเท่ากับว่าข้อมูลโดยละเอียดของสมาชิกสกายเน็ตต้องเป็นความลับภายใน การที่ฉูเทียนหัวนำรายชื่อออกมาเช่นนี้ มีความเสี่ยงที่ความลับองค์กรจะรั่วไหล
ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “นายเป็นที่ปรึกษาพิเศษของสกายเน็ตเจียงเฉิง ตราบใดที่นายไม่เผยแพร่มันออกไป การส่งข้อมูลสมาชิกกลุ่มให้กับนายไม่ใช่การละเมิดระเบียบวินัย อีกอย่าง นายมีประสบการณ์และรู้เรื่องโลกวิญญาณมากกว่าฉัน ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องรบกวนนายแล้ว”
ฮังอวี่กล่าวว่า “งั้นก็ตกลง นี่ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรๆ ผมจะช่วยเลือกให้ แล้วอีกอย่าง สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของเมืองมาก ผมไม่ใช่คนที่เพิกเฉยต่อสถานการณ์โดยรวม”
ดวงตาของฉูเทียนหัวฉายแววปิติยินดี “ถ้าอย่างนั้นประเด็นนี้เป็นอันจบไป ฉันขอกลับไปจัดกลุ่ม เตรียมการเรื่องลอบติดตามหูเจี้ยนก่อน”
เขาไม่ได้อ้อยอิ่ง
เริ่มจัดแจงภารกิจทันที
เบาะแสที่ชื่อว่าหูเจี้ยนผู้นี้สำคัญมาก
ไม่มีใครรู้ว่าสมาคมฤๅษีลี้ลับกำลังทำอะไร
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องแน่นอน!
นี่คือภารกิจแรกหลังจากที่ฉูเทียนหัวถูกส่งเข้ามาในเจียงเฉิง
นอกจากนี้ สำนักข่าวกรองประจำเมืองเจียงเฉิงเองก็จำเป็นต้องประเดิมผลงานดีเช่นกัน
เพราะงั้นต้องจบงานนี้ให้สวยที่สุด!
หลังจากกลับถึงบ้าน ฮังอวี่เอ่ยถาม “ของของผมขายได้ยังไงบ้าง”
ซูหยุนปิงตอบว่า “ฉันกระจายข้อมูลของพวกมันผ่านช่องทางของสมาคมโลกวิญญาณแล้ว เนื่องจากทุกชิ้นเป็นของคุณภาพดี ฉันคิดว่าคงระบายของทั้งหมดได้ภายในสองวันและอย่างน้อยน่าจะขายได้ราวๆ 10,000 หินคริสตัลขาว”
ตอนนี้ฮังอวี่ขาดเงิน
เขาเลยตัดสินใจนำของที่สะสมไว้ออกขาย
ส่วนหนึ่งถูกขายให้กับพ่อค้าโลกวิญญาณเหล่าเซี่ยง และส่วนที่เหลือส่งต่อให้ซูหยุนปิง
ระบายของออกโดยผ่านทั้งทางคนในและคนนอก
เมืองหุบเขาเดียวดายต้องการเงินลงทุนอย่างเร่งด่วน
และยังเป็นในปริมาณมาก!
ค่าใช้จ่ายในการสร้างทหารแต่ละคนค่อนข้างสูง
การสร้างทหารนับพันต้องใช้หินคริสตัลขาวนับหมื่น!
นอกจากนี้ หินคริสตัลขาวยังเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของต้นทุนการสร้างทหารเท่านั้น
ยังมีวัสดุอย่างอื่นเช่นเหล็กเย็น ทองแดงไฟ ไม้เหล็กดำ มิธริล ฯลฯ อีกเป็นจำนวนมาก
แต่แผนการขั้นแรกของฮังอวี่
ขั้นแรกคือต้องมีเงินในมืออย่างเร่งด่วน
ยิ่งมีเงินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถแก้ปัญหาความต้องการวัสดุอื่นๆได้เท่านั้น และด้วยความได้เปรียบในฐานะขุนนาง ได้เปรียบในด้านข่าวกรอง ทำให้สามารถหาหินคริสตัลและวัสดุเพิ่มเติมได้ไวขึ้น ช่วยแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ได้
และยังสามารถมอบหมายให้สามคนสำคัญอย่างจ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และซูหยุนปิงช่วยจัดการ
ทั้งสามมีคอนเนคชั่นกว้างขวาง ดังนั้นไม่น่ายากถ้าจะเร่งหาหินคริสตัลจำนวนมาก
รายได้จากอุตสาหกรรมของกลุ่มมังกรฟ้าเพิ่มขึ้นทุกวัน
ฮังอวี่มีต้นเงินต้นนี้ที่ทำเงินทุกวันและกำลังเติบโตอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
แม้ว่าจะมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกังวลในระยะยาว
ทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าการก่อสร้างฐานการผลิตของมนุษย์ปลาจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือช่องทางการจัดหาทรัพยากรขนาดใหญ่ เช่น ไม้เหล็กดำ มิธริล , ทองคำเนื้อดี เนื่องจากที่กล่าวมาในเมืองค่อนข้างหายากเลยมีราคาแพง ดังนั้นการนำพวกมันจากภายนอกจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสร้างดินแดนของฮังอวี่ได้เยอะมาก
เรื่องงานของชาลู่
ฮังอวี่มอบให้ซูหยุนปิงดูแลจัดการ
แล้วในขณะเดียวกัน เนื่องจากชาลู่รวบรวมกลุ่มมนุษย์ปลา ตั้งโรงงานอยู่ห่างจากเมืองเจียงเฉิงไม่ถึง 30 ไมล์ ฮังอวี่เลยคิดว่าบางทีควรติดต่อเป็นพันธมิตรกับองค์กรใหญ่อื่นๆบ้างแล้ว
เพราะของแบบนี้จะปกปิดไปได้นานแค่ไหน?
จะถูกพบเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ฮังอวี่รู้สึกว่าเขาควรหาพันธมิตรที่มีภูมิหลังเป็นทางการ เช่นฉูเทียนหัวซึ่งกำลังทำหน้าที่ในสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณ นี่น่าจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆได้มาก
แน่นอน
ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน
ฮังอวี่เข้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดาย
อย่างแรกที่ทำ เขาออกตรวจตราดินแดนแล้วฟังรายงานของเหล่าจ้าว
จ้าวหมิงกล่าวว่า “เมืองหุบเขาเดียวดายค่อยๆมีมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ จำนวนมนุษย์ในที่นี้เพิ่มถึงหลักพันคนแล้ว และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมืองของพวกเราเป็นมีชื่อเสียงมากในโลกมนุษย์ แบบนี้อนาคตต้องรุ่งเรืองแน่นอน!”
ฮังอวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่เลว จากที่ผมค้นจากความทรงจำ แต่ละแคว้นใน อาณาจักรมังกรโลกา จะมีประชากรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100,000 ชีวิต แบบนี้อีกไม่นานแคว้นเดียวดายของเราจะมีประชากรมากที่สุดอย่างแน่นอน”
เหตุผลก็ง่ายๆ
แคว้นเดียวดายเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างในหมู่มวลมนุษย์
เมื่อเป็นแบบนั้น ใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรมังกรโลกาและต้องการหลีกเลี่ยงการสู้รบกับชาวโลกวิญญาณที่มีสติปัญญาในแคว้นอื่นๆ ที่แรกที่พวกเขานึกถึงย่อมไม่พ้นแคว้นเดียวดาย
ด้วยเหตุนี้
ประชากรในเมือง
นับวันมีแต่จะยิ่งเพิ่มขึ้น!
อีกอย่าง ทำเลของเมืองหุบเขาเดียวดายก็มีความสำคัญที่ชัดเจนเช่นกัน
อาณาเขตนี้อยู่ใกล้กับจุดเกิดของมนุษย์ที่ถูกส่งมาจากป่าแห่งการเริ่มต้นที่สุด ดังนั้นหากคิดออกล่าหรือหาที่พักพิง พวกเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้ามาในเมืองหุบเขาเดียวดาย แบบนี้ใช้เวลาไม่นานเมืองก็จะเจริญรุ่งเรือง
และกลุ่มมังกรครามจะใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นในด้านการปิดล้อมอาณาเขต เก็บภาษี หรือสร้างทหาร เมื่อมีข้อได้เปรียบดั่งเช่นการอยู่ใกล้น้ำ เมืองหุบเขาเดียวดายจึงมีความสำคัญมาก และต่อไปต่อให้ยึดเมืองอื่นๆได้
แต่เมืองหุบเขาเดียวดายไม่อาจปล่อยให้หลุดมือ!
ดินแดนนี้จะต้องถูกปกครองโดยพวกเขา!
ฮังอวี่วางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและอัพเกรดกำแพงเมือง สิ่งปลูกสร้าง และทุกอย่างในเมืองหุบเขาเดียวดาย จากนั้นทำธงโลกวิญญาณและปักธงที่มีสัญลักษณ์ของมังกรครามไว้ทั่วเมือง ทางหนึ่งเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กลุ่ม ทางหนึ่งเพื่อดึงดูดคนที่ไว้วางใจในกลุ่มมังกรครามเข้ามา
แบบนี้แล้วยังจำเป็นต้องกังวลเรื่องการจัดหาสมาชิกในอนาคตอีกหรือ?
จ้าวหมิงรายงานข่าวอื่น “อีกเรื่องหนึ่ง มีคนรายงานว่าในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ มีมอนสเตอร์ส่งเสียงร้องโหยหวนน่าหวาดกลัวสันนิษฐานว่ามอนสเตอร์ระดับ BOSS ฟื้นคืนชีพแล้ว”
“จริงหรือ? อยู่ในตำแหน่งไหน แล้วพวกมันหอนแบบไหน?”
จ้าวหมิงชี้ไปบนแผนที่ “เป็นตรงนี้ มอนสเตอร์ที่หอนเหมือนสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกพิษ ตราบใดที่เข้าไป จะตกอยู่ในสถานะติดพิษทันที และจากที่ได้ยินมา มอนสเตอร์ข้างในล้วนเป็นชนชั้นยอดทั้งหมดในเลเวล 11 เลยไม่มีใครกล้าเข้าไป”
หุบเขามันติคอร์? (อสูรกินคน มีใบหน้ามนุษย์ ลำตัวสิงโต และหางเป็นแมงป่อง)
เป็นมันนี่เอง!
มีหุบเขาขนาดใหญ่มากกว่าสิบแห่งในอาณาเขตเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่ละหุบเขามีพื้นที่ใหญ่โต ซึ่งแต่ละหุบเขาสามารถแบ่งแยกย่อยเป็นหลายสายพันธุ์ให้ล่า
รวมๆทั้งหมดแล้ว
ทรัพยากรมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหุบเขาเดียวดายนั้นค่อนข้างสมบูรณ์
โดยรวมแล้วมีมอนสเตอร์ทั้งหมด 35 สายพันธุ์
มอนสเตอร์เหล่านี้มีเลเวลอยู่ที่ประมาณ 8-12 และในทุกพื้นที่ล่าสัตว์ จะมีมอนสเตอร์เจ้าถิ่นอย่างน้อยหนึ่งตัว
ระดับเจ้าถิ่นรีเฟรชช้ามาก
อย่างน้อยเดือนละครั้ง
พวกมันจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่า!
มันติคอร์ตามปกติแล้วจะมีเลเวลอยู่ในช่วง 11-12 เป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าถิ่นของพวกมัน
ฮังอวี่กล่าวว่า “คุณไปเรียกเจียงหนานมา วันนี้พวกเราจะตั้งทีมไปกวาดล้างหุบเขามันติคอร์ ที่นั่นเป็นแหล่งทรัพยากรชั้นยอด พวกเราจะไม่ปล่อยน้ำสู่นาคนอื่น!”