Ep.338 - แผนจัดตั้งกองทหาร
3/4
Ep.338 - แผนจัดตั้งกองทหาร
ฮังอวี่สั่งจ้าวหมิง “เหล่าจ้าว รบกวนคุณช่วยแจ้งตัวแทนของแต่ละทีมในเมือง บอกให้พวกเขามารวมตัวกันที่วิหารหิน ผมจะจัดประชุมเมืองหุบเขาเดียวดาย”
มีอาคารอยู่หลายหลังในอาณาเขตของเมือง
และอาคารเหล่านี้มิใช่เพียงของประดับ
แต่ละอาคารล้วนมีจุดบทบาทหน้าที่ของมัน
ตัวอย่างเช่นจำนวนอาคารที่พักอาศัยจะส่งผลต่อการสร้างจำนวนทหารในดินแดน นอกจากนี้ ยังมีอาคารอื่นๆที่มีบทบาทพิเศษอย่างคุกใต้ดิน วิหารหิน ฯลฯ
ยี่สิบนาทีต่อมา
ภายในวิหารหินของเจ้าเมืองหุบเขาเดียวดาย
หัวหน้าทั้งสามของสำนักกระบี่วิญญาณและหัวหน้ากองกำลังจากประเทศต่างๆ
ทั้งหมด 7 คนเดินเข้ามา และพวกเขาพึ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ทุกคนสังเกตดูรอบๆ และพบว่าวิหารหินนั้นกว้างขวางมาก คล้ายเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสักการะอะไรซักอย่าง
เห็นแค่เพียงรูปปั้นหินร่างมนุษย์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย นอกเหนือจากนี้ ยังมีอาคารรูปทรงแท่นบูชาที่มีกองหินคริสตัล แร่ และวัสดุอื่นๆอีกจำนวนมากางซ้อนกันอยู่ตรงแท่นบูชา
ฮังอวี่คือผู้นำของกลุ่มมังกรครามและเป็นขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย
ขณะนี้เขากำลังแสดงสีหน้าเคร่งเครียดอยู่บนเก้าอี้หินหน้าแท่นบูชา หันหน้าเข้าหาตัวแทนทั้งเจ็ดที่เดินเข้ามา โดยมีรองผู้นำสองคนของมังกรครามยืนประกบซ้ายขวา ท่าทีของทั้งคู่เองก็ดูจริงจังมากเช่นกัน
ตัวแทนทั้ง 7 มองหน้ากัน
ฮังอวี่ได้เรียกประชุมเมืองหุบเขาเดียวดายอย่างกะทันหัน
เรื่องนี้สร้างความสับสนแก่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในฐานะเจ้าเมืองหุบเขาเดียวดาย และเป็นผู้นำของมังกรคราม องค์กรโลกวิญญาณที่จัดตั้งขึ้นใหม่
ตอนนี้จึงสามารถกล่าวได้ว่าเขามีอำนาจเหนือทุกคนเมืองหุบเขาเดียวดายอย่างสมบูรณ์!
ต่อให้เป็นทีมชั้นยอดจากสำนักกระบี่วิญญาณแห่งนิวยอร์ก เมื่อเผชิญหน้ากับพี่ใหญ่แห่งโลกวิญญาณ ก็ต้องยอมก้มหัวให้ถึงสามส่วน ดังนั้นเมื่อถูกเรียกตัว ทุกคนจึงรีบมาทันที
มองมายังพฤติกรรมที่ดูจริงจังของฮังอวี่ ไดอาน่าอดเอ่ยถามขึ้นไม่ได้ “บอสฮัง ในเมื่อเรียกพวกเรามาแล้ว สมควรอธิบายอะไรหน่อยไหม?”
ดีมาก
ทุกคนที่สำคัญมาอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าแล้ว
ฮังอวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ถึงขั้นต้องอธิบาย พวกเราแค่ต้องหารือกันเท่านั้น การประชุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับทุกคน ... พวกคุณคงได้ยินเรื่องทูตจากเมืองธารทะเลทรายแล้วใช่ไหม?”
คริสกล่าวว่า “แน่นอน เมืองธารทะเลทรายคือดินแดนของขุนนางใหญ่ ฉันได้ยินมาว่าขุนนางใหญ่ผู้ทรงพลังคนนี้เริ่มให้ความสนใจพวกเราแล้ว และทูตก็พึ่งจากไปเมื่อไม่ถึงครึ่งวันก่อน”
ลุคมองไปยังแท่นบูชาแล้วเอ่ยว่า “ของพวกนี้คงเป็นเครื่องบรรณาการที่เตรียมไว้เพื่อมอบให้เมืองธารทะเลทรายใช่ไหม?”
ฮังอวี่พยักหน้า “ใช่ เมืองหุบเขาเดียวดายและเมืองธารทะเลทรายเป็นอาณาเขตเดียวกัน ถ้าพวกเราปฏิเสธที่จะส่งส่วยให้เมืองธารทะเลทราย ผลที่ตามมา เมืองหุบเขาเดียวดายจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรทุกคนน่าจะเข้าใจ”
ผู้นำที่มีบุคลิกอันร้อนแรงโพล่งคำหยาบคายออกมาทันที “แม่งเอ๊ย ไอ้ชาวโลกวิญญาณพวกนี้มันจะเอาเปรียบพวกเรามนุษย์เกินไปหน่อยแล้ว!”
ผู้นำอีกคนที่ดูสุขุมใจเย็นกล่าว “นี่คือกฏของโลกวิญญาณ มันก็เหมือนกับการจ่ายภาษีในโลกจริง ถ้าพวกเราไม่มีอำนาจพอจะล้มล้างกฏ ก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”
หัวหน้าทีมหลายคนพยักหน้า
ตัวแทนของชนชั้นยอดอย่างลุคขมวดคิ้วเข้าหากัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเครื่องบรรณาการที่เมืองหุบเขาเดียวดายต้องส่งให้กับทางเมืองธารทะเลทรายนั้น ไม่อาจให้กลุ่มมังกรครามออกหน้าทั้งหมดได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะกองกำลังอื่นๆยังจำเป็นต้องพึ่งพาเมืองหุบเขาเดียวดาย พวกเขาไม่เพียงมีที่ปลอดภัยแต่ยังมีมอนสเตอร์ให้ล่า และแหล่งทรัพยากรอีกมากมาย
ฮังอวี่จัดประชุมครั้งนี้เพื่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะช่วยแบ่งปันแรงกดดันทางทรัพยากร ไม่มีอะไรมากไปกว่าการช่วยจ่ายส่วยเป็นการชั่วคราว
ที่บอกว่าชั่วคราว เพราะท้ายที่สุดแล้วเผ่าพันธุ์มนุษย์ย่อมต้องขยายดินแดน!
และตราบใดที่ขยายดินแดน ย่อมไม่พ้นเกิดการต่อสู้กับเมืองธารทะเลทราย
ฮังอวี่กล่าวขึ้นในเวลานี้ “ตอนนี้ผมกล้าบอกกับทุกคนว่าเมื่อเมืองหุบเขาเดียวดายทำสงครามกับเมืองธารทะเลทราย สิ่งที่พวกเราจ่ายไปจะได้กลับคืนมา และมันย่อมได้มากกว่านั้น สามารถสร้างความมั่งคั่งครั้งใหญ่ให้พวกเรา!”
ถูกต้อง!
เมืองหุบเขาเดียวดายนั้นเล็กเกินไป
ขณะที่เมืองธารทะเลทรายคืออะไร
มันคือดินแดนของขุนนางใหญ่!
ดินแดนที่มีอาณาเขตเมืองเล็กกว่า 20 คอยส่งส่วยให้ตลอดทั้งปี!
ฮังอวี่กล่าวว่า “จุดประสงค์หลักที่เรียกทุกคนมาประชุมในครั้งนี้ก็เพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การอยู่รอดและการพัฒนาในอนาคต”
ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
ฮังอวี่กล่าวต่อว่า “อันดับแรก พวกเราต้องจ่ายทรัพยากรที่ควรจะจ่าย ซึ่งจะแบ่งจ่ายตามสัดส่วนการสร้างทหารของแต่ละคน พวกคุณมีข้อคัดค้านอะไรไหม?”
นี่คือทั้งหมดที่ทำได้!
พลังรบของอีกฝ่ายร้ายแรงเกินกว่าพลังของมนุษย์ในตอนนี้จะต้านไหว!
และนั่นเท่ากับว่าเฉพาะกลุ่มมังกรครามต้องจ่ายส่วยมากถึง 50%
ส่วนอีก 50% ก็แบ่งจ่ายจากหลายๆทีม ซึ่งอันที่จริงแล้วนี่ไม่ถือว่าเป็นแรงกดดันมากมายอะไร
เวลายังไม่สุกงอม
ระหว่างซุ่มพัฒนาจะต้องก้มหน้าติดดินเข้าไว้
ยังไม่อาจยั่วยุเมืองธารทะเล!
จ้าวหมิงก้าวออกมาและประกาศว่า “ทุกท่านควรรู้ไว้ แม้ขุนนางใหญ่จะไม่สนใจพวกเราในตอนนี้ แต่ขุนนางเล็กจากดินแดนอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหุบเขาเดียวดาย ทุกตนกำลังจับจ้องมาที่เรา และพวกมันมีแนวโน้มว่าจะรุกรานเมืองหุบเขาเดียวดายในอีกไม่นาน!”
“ดังนั้นสถานการณ์ของเราจึงไม่สู้ดีนัก การเพิ่มพลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายเป็นเรื่องเร่งด่วน และตอนนี้ทหารรักษาดินแดนในโลกวิญญาณของพวกเรายังมีน้อยเกินไป รวมๆแล้วแค่ 300 ตน ซึ่งยังไม่มากพอที่จะทำการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ”
“ตอนนี้พวกเราต้องทุ่มทรัพยากร สร้างกองกำลังโดยเร็วที่สุดเพื่อเตรียมรับมือกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ... ฉันได้คำนวณเอาไว้แล้ว ด้วยอัตราเร็วในการสร้างทหาร วันหนึ่งเมืองหุบเขาเดียวดายจะสามารถสร้างทหารได้วันหนึ่งประมาณ 170 คน ดังนั้นพวกเราต้องสร้างทหารให้ครบจำนวนทั้งหมดภายใน 10 วัน!”
10 วัน!?
ฝูงชนมองหน้ากัน
การสร้างทหารจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
10 วันมันจะไม่รีบเกินไปหน่อยหรือ?
หลายคนไม่รีรอที่จะแสดงความคิดเห็นว่าช่วยตัดสินใจใหม่เถอะ
ฉูเทียนหัวกล่าวเสริมด้วยน้ำแข็งหนักแน่น “นี่คือความต้องการอย่างเร่งด่วน ถ้าทีมไหนสร้างทหารไม่ได้ตามแผนการที่วางไว้ พวกเรามังกรครามคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอเรียกคืนส่วนแบ่งทหาร ไม่ก็โยกย้ายไปให้ทีมอื่น”
“ฉันรู้ว่าการสร้างทหาร 1700 นายในช่วงสิบวันเป็นเรื่องกระชั้นชิดมาก แต่พวกเราต้องเตรียมการให้พร้อมก่อนถูกโจมตี ไม่อย่างนั้นขุนนางเล็กคนอื่นๆจะไม่ให้โอกาสเรา และเมืองหุบเขาเดียวดายคงล่มสลาย!”
“หวังว่าพวกคุณจะไม่ใช่หินคริสตัลหมดไปแล้วในร้านค้าลับ”
ได้ยินคำของฉูเทียนหัว ฮังอวี่รู้สึกเหมือนตัวเองโดนด่า เขากระแอมลำคอเล็กน้อย ขัดจังหวะฉูเทียนหัวแล้วเอ่ยต่อว่า “พวกคุณไม่ต้องกังวลถึงผลที่ตามมา ผมสามารถรับปากหรือให้เซ็นสัญญาก็ได้ ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆกับทหารที่พวกคุณสร้าง และถ้าวันไหนพวกคุณอยากออกจากเมืองหุบเขาเดียวดายเพื่อเตรียมหักร้างถางพงดินแดนของตัวเอง ผมยินดีซื้อทหารคืนด้วยทรัพยากรครึ่งหนึ่งที่ใช้สร้าง ...”
“ในฐานะขุนนาง ผมสามารถนำทหารออกไปทำสงครามนอกดินแดน ในอนาคต ทหารพวกนี้จะเป็นผู้ช่วยเหลือที่ทรงพลังในการล้อมโจมตีเมืองของพวกเรา”
ตัวแทนทั้ง 7 เริ่มพูดคุยกัน
แม้การสรร้างทหารกลุ่มใหญ่จะเป็นเรื่องตึงเครียด
แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นชัดเจน
นอกเหนือจากความจริงที่ว่าการสร้างทหารจะช่วยเพิ่มพลังรบให้แก่เมืองหุบเขาเดียวดายและช่วยปกป้องทุกคนแล้ว
ยังมีหุบเขาล่าสัตว์อีกมากมายในอาณาเขตของเมืองหุบเขาเดียวดาย ซึ่งพื้นที่ของมัน ทีมมนุษย์ไม่สามารถกินรวบทั้งหมดได้ แต่หากมีกำลังทหารที่ช่วยทุ่มเทล่าสัตว์ให้ทุกวัน จำนวนทรัพยากรที่พวกเขาได้รับย่อมเพิ่มขึ้น
ฉะนั้นการกัดฟันทุ่มเงินเพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่าจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่!
ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วต้องสร้างทหาร
เช่นนั้นสู้สร้างตอนนี้เลยดีกว่า!
ลุค คริส ไดอาน่าหารือกัน
สำหรับผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักกระบี่วิญญาณของนิวยอร์ก
ทรัพยากรเพียงเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเลย พวกเขาให้ความสำคัญไปกับการพัฒนาดินแดนใหม่มากกว่า
เพราะท้ายที่สุดแล้ว
การที่ต้องมาอาศัยอยู่ในรั้วบ้านของคนอื่น
มันไม่มอบความสบายใจให้ 100%
ตอนนี้ที่ต้องทำคือช่วยเมืองหุบเขาเดียวดายไปก่อน
เอาไว้ภายหลังเมื่อสำนักกระบี่วิญญาณสามารถยึดครองอาณาเขตใหม่ได้ ค่อยย้ายไปยังที่ๆเป็นของตัวเอง
ตัวแทนทั้งสามจากสำนักกระบี่วิญญาณตอบเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่มีปัญหา!”
ตัวแทนคนอื่นๆอีกหลายคนก็แสดงท่าทีเห็นด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฮังอวี่พอใจมาก “ดีล่ะ งั้นต่อไปมาพูดถึงรายละเอียดในการสร้างทหารกันต่อ”
และในที่สุดก็ได้ข้อสรุป
จากทหารชุดแรกจำนวน 2000 นาย จะมีทหารราบ 550 นาย , ทหารธนู 500 นาย , ทหารจอมเวทย์ 500 นาย , ทหารรักษา 300 นาย , ทหารสอดแนมของมนุษย์จิ้งจอก 100 นาย , และทหารรวบรวมวัตถุดิบ 50 นาย
ทหารธนูและทหารจอมเวทย์นั้นเหมาะสำหรับการต่อสู้ป้องกันเมือง
แน่นอน สามารถนำพวกเขาออกไปล่าบอสหรือกวาดล้างมอนสเตอร์ในภาคสนามก็ได้เช่นกัน
แต่ทหารสองสายอาชีพนี้มีเลือดและความคล่องตัวน้อยกว่าทหารราบ ดังนั้นไม่เหมาะนำออกไปเผชิญหน้าในสงครามประจัญบาน
ขณะที่ในระยะแรกเมืองหุบเขาเดียวดายจะไม่ทำสงครามเชิงรุกอย่างแน่นอน
ดังนั้นสัดส่วนของทหารราบสามารถลดลงได้ และสัดส่วนของทหารจอมเวทย์กับทหารธนูจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเพื่อเสริมการป้องกันเมือง ต้านทานการรุกรานจากดินแดนโดยรอบ
เอาไว้หลังจากฮังอวี่อัพเกรดอาคารที่อยู่อาศัย แล้วขีดจำกัดในการสร้างทหารเพิ่มขึ้น ถึงตอนนั้นค่อยไปสร้างทหารราบก็ยังได้
สำหรับทหารสอดแนมของมนุษย์จิ้งจอก
พวกมันคือทหารระดับต่ำที่มีประโยชน์มาก
เจ้าพวกนี้มีความคล่องตัวสูง เชี่ยวชาญในการลาดตระเวณและสอดแนม สามารถระเบิดฝีเท้าได้ดี เหมาะแก่การไล่ล่าและลอบโจมตี
แม้ด้านพลังรบจะเทียบไม่ได้กับทหารราบมนุษย์ แต่ด้วยจำนวนนับร้อยของพวกมัน เมื่อถูกส่งกระจายไปตามตำแหน่งต่างๆ ทันทีที่ศัตรูปรากฏตัว ก็จะถูกพวกมันค้นพบทันที
มนุษย์จิ้งจอกเย่กู่ เย่โน่ถูกรวบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมังกรครามแล้ว
แต่ฮังอวี่ไม่สนใจอุปการะพวกมนุษย์จิ้งจอก
เขาจึงให้จ้าวหมิงกับฉูเทียนหัวทำสัญญากับพวกมัน นอกจากใช้งานในโลกวิญญาณแล้ว พวกเขายังสามารถนำมนุษย์จิ้งจอกที่มีสติปัญญาทั้งสองไปช่วยเหลือในโลกแห่งความจริงได้
ในส่วนของเรื่องส่วนแบ่งในการสร้างทหาร
ทุกฝ่ายล้วนพอใจ
หลังจากจัดแจงทุกอย่างในเมืองหุบเขาเดียวดายแล้ว
ฮังอวี่ออกจากโลกวิญญาณกลับสู่โลกจริง มอบของที่ซื้อจากพ่อค้าลึกลับให้ซูหยุนปิง จากนั้นวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อรวบรวมทรัพยากร
ทหารสองพันนาย
กลุ่มมังกรครามต้องรับผิดชอบถึงหลักพัน!
ปริมาณทรัพยากรแนะหินคริสตัลที่ต้องใช้เป็นอะไรที่เยอะมาก!
โชคดีที่ตอนซื้อของกับพ่อค้าลึกลับ ฮังอวี่ใช้แค่หินคริสตัลของตัวเองเท่านั้น ยังไม่ใช่ความมั่งคั่งทั้งหมดที่เขาครอบครอง
ในมือฮังอวี่ยังมีสมบัติอยู่กองหนึ่งที่เขาสะสมมาตั้งแต่แรกๆ หลายชิ้นเป็นไอเท็ม อุปกรณ์ และหินสกิลที่มีคุณสมบัติที่ดี
หลังกลับมายังเจียงเฉิง เขามอบหมายให้ซูหยุนปิงกับฉูเทียนหัว ช่วยระบายพวกมันออกอย่างรวดเร็ว
เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นหินคริสตัลขาว เตรียมไว้สำหรับแผนปราบจลาจลในเมืองหุบเขาเดียวดาย
แต่ระหว่างที่ฮังอวี่กำลังวิ่งวุ่น
จู่ๆหวังเอ๋อก็โทรหาเขา “ฮ่ง เจ้านาย เปิ่นหวังเจอบางอย่างเข้าให้แล้ว!”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “ไปเจออะไร?”
สุนัขกล่าวผ่านโทรศัพท์ว่า “เปิ่นหวังเจอเจ้าคนทรยศที่หลบหนีไปครั้งก่อน!”
คนทรยศ?
ฮังอวี่นิ่งคิดพักหนึ่ง
แล้วไม่นานก็จดจำเรื่องการต่อสู้ในโบสถ์มอนสเตอร์ผีได้ทันที
เจ้าพวกที่หนีไปได้อยู่ที่ไหน พ่อมดแวมไพร์ไม่ยอมเปิดปากเลย เรื่องนี้ทำให้สกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงปวดหัวมาก
และเพราะคดีนี้เช่นกัน ฉูเทียนหัวถึงถูกส่งมาประจำการที่เจียงเฉิง
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เรื่องนี้ทำให้เหล่าฉูโมโหมาก
ฮังอวี่บอกให้หวังเอ๋อจับตาดูเป้าหมายอย่างใกล้ชิด จากนั้นโทรหาฉูเทียนหัว รองผู้บัญชาการสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงทันที