2004 - ความโกลาหลก่อนออกเดินทาง
2004 - ความโกลาหลก่อนออกเดินทาง
“เมื่อคนๆหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ จะมีเป้าหมายบางประเภทเสมอ ลาก่อนหนุ่มน้อย บางทีเราอาจจะไม่ได้พบกันในชีวิตนี้อีกแล้ว แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้งแล้วเมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะได้พบกันอีกอย่างแน่นอน!” เจ้าหมาน้อยจากไป
มันไปหาเส้นทางของตัวเอง อยากจะดูว่ามีอะไรอัศจรรย์อยู่ที่นั่นไหม อยากเห็นใครซักคนจากอดีต
สือฮ่าวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขายังมีหลายสิ่งที่อยากจะถาม แต่ในขณะนั้นเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
เขาไล่ตามมันออกไปพร้อมกับตะโกนบางสิ่งบางอย่าง
“ข้าเคยผ่านมันมาแล้ว อาณาจักรนี้ยุคนี้ ได้จบลงอย่างสมบูรณ์เจ้าต้องค้นหาเส้นทางใหม่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะอยู่ได้” เจ้าหมาน้อยหันกลับมา
“เลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เจ้าคิดว่าตัวเองมีพลังมากพอที่จะตัดหมื่นยุคสมัยด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียวหรือไม่? หากเจ้าไม่มีความสามารถมากถึงขนาดนั้นเจ้าก็จะเป็นเพียงหนึ่งในตัวตนที่ร่วงหล่นในช่วงต้นของยุคที่จะถึงนี้!”
เจ้าหมาน้อยจากไปโดยสิ้นเชิง
ประตูของอาณาจักรเซียนได้เต็มไปด้วยแสงและสี ที่นั่นมีประตูเหล็กกั้นช่องว่างไว้ แยกอาณาจักรทั้งสองออกจากกันออกจากกัน
มีคนมากมายกำลังเดินผ่านประตูเข้าสู่อาณาจักรเซียน ความรู้สึกของพวกเขาค่อนข้างโล่งใจที่ไม่ได้ออกต่อสู้ในแนวหน้าไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีวันได้กลับมา
การก่อกบฏครั้งล่าสุดเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของพวกเขา มีกองกำลังมากมายที่ปนเปื้อนจากสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดพวกเขาไม่ต้องการถูกทอดทิ้งจึงทำการต่อสู้อย่างรุนแรง
ท้ายที่สุดใครก็ตามที่จับอาวุธขึ้นต่อต้านอาณาจักรเซียนจะถูกสังหารจนหมดสิ้นไม่มีความปราณีแม้แต่น้อย
ส่วนคนที่เหลือถูกผลักดันให้เข้าหลบภัยในดินแดนปิดผนึก
หลังจากนี้ทุกอย่างจะจบลง พวกเขาทั้งหมดกลับมาโดยไม่ได้รับสิ่งใด ยุคที่ไร้การฝึกฝนมาถึงแล้วพวกเขาต้องออกจากเก้าสวรรค์สิบพิภพให้เร็วที่สุด
สุนัขตัวน้อยก็กลับมาด้วยเช่นกันมันกลายร่างเป็นแมวสีทองพร้อมกับนอนอยู่ในอ้อมอกของหญิงสาวคนหนึ่ง มันหรี่ตาลงในที่สุดมันก็ได้กลับสู่อาณาจักรเซียนหลังจากผ่านไปหลายล้านปี
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความผิดหวังและความคับข้องใจ ก่อนหน้านี้มันเคยบอกว่าแม้ว่ามันจะตายก็ต้องตายที่เก้าสวรรค์สิบพิภพไม่ขอกลับสู่อาณาจักรนี้ตลอดกาล
แมวศักดิ์สิทธิ์สายเลือดมังกรแท้ถูกมันสังหารไปแล้วก่อนจะแปลงร่างมาแทนที่ มันติดตามลูกสาวของแม่ทัพคนหนึ่งของอาณาจักรเซียนกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ในขณะเดียวกันสือฮ่าวก็ติดตามมาด้วยแต่เขาไม่สามารถไล่ตามมันเข้าสู่อาณาจักรเซียนได้!
สือฮ่าวยืนดูอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ ประตูเหล็กนั้นแข็งแกร่งมาก เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่เฝ้าประตูอยู่
คนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าผู้อมตะนับร้อยเท่าบางทีเขาอาจจะเป็นถึงราชาอมตะ หากมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดนี้เฝ้าประตูอยู่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครบุกทะลวงเข้าไปได้!
ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าสู่ดินแดนอมตะกับซานซางและเสิ่นหมิง ในเวลานั้นประตูที่พวกเขาเข้าไปนั้นเป็นประตูหินไม่ใช่ประตูนี้
เขาเฝ้าดูตะกูลอมตะมากมายที่กำลังอพยพเข้าสู่อาณาจักรเซียน เขาควรจะใช้เส้นทางไหนในการไปถึงที่นั่น? มีคนเฝ้าประตูอยู่ถ้าเขาเหยียบย่ำเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเขาจะตายอย่างแน่นอน?
สือฮ่าวหันกลับมาอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยวก่อนจะจากไป
เขาต้องการบอกลาสหายเก่าบางคนเพราะบางทีเขาอาจจะตามเข้าสู่อาณาจักรเซียนไม่ได้ มันจะเป็นการแยกจากกันชั่วนิรันดร์ของพวกเขา
ในเก้าสวรรค์สิบพิภพในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมานี้ ดินแดนมากกว่าครึ่งหนึ่งได้รับความเสียหายจากสสารความมืด กลายเป็นสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถก้าวเข้าไปได้
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หมอกสีดำได้แผ่ขยายออกไป สิ่งมีชีวิตลึกลับที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังมันได้ถอยกลับหมดแล้ว
ดังนั้นก่อนที่ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดจะถอยกลับพวกเขาจึงต้องสร้างความรุนแรงอีกครั้งเพื่อเป็นการสั่งลา
มีสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดปรากฏขึ้นในเก้าสวรรค์สิบพิภพเป็นครั้งคราวเพื่อทำการสังหารหมู่ผู้คน
นอกเหนือจากนี้ยังมีผู้ที่ถูกละทิ้งโดยดินแดนเซียน พวกเขาวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบโต้มาตุภูมิของพวกเขา รวมทั้งยังก่อความวุ่นวายในเก้าสวรรค์สิบพิภพ
ปู!
ศีรษะมากมายบินออกไปด้วยความไม่เต็มใจ
มีผู้คนไม่น้อยที่มาถึงครึ่งก้าวของผู้สูงสุดแต่พวกเขาก็ยังถูกสังหารด้วยเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ใบหน้าของสือฮ่าวไม่แสดงอารมณ์ ระหว่างทางเขาได้สังหารผู้คนไปมากมาย ในจำนวนนี้มีแม้กระทั่งผู้สูงสุดของอาณาจักรเซียนและอาณาจักรแห่งความมืด
“พวกเจ้ากำลังจะกลับไปแต่ก็ยังคิดจะปล้นพวกเราอย่างนั้นหรือ? โลกใบนี้ถูกทำลายก็เพราะพวกเจ้าแต่พวกเจ้าก็ยังคิดจะประกอบกรรมชั่วอยู่อีก!” สือฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เองที่เก้าสวรรค์สิบพิภพจึงเกิดความวุ่นวายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทุกคนตื่นตระหนกมหาอำนาจเก่าแก่มากมายต่างได้รับความเดือดร้อน
แม้แต่ตระกูลอมตะก็ยังใช้คัมภีร์ประจำตระกูลของพวกเขาเพื่อแลกกับการเข้าสู่อาณาจักรเซียน
ในความเป็นจริงยังมีผู้คนระดับสูงของอาณาจักรเซียนประจำการอยู่ที่นี่เพื่อเตรียมการอพยพครั้งสุดท้าย เพียงแต่พวกเขากลับปล่อยให้คนของตัวเองทำการปล้นฆ่าอย่างหนำใจโดยไม่คิดจะระงับเหตุ
สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงการปกป้องผู้คนของตัวเองจากสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดเท่านั้น
“ตระกูลหวังของเรากำลังจะอพยพแล้วแต่เรากลับไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ พี่ห้า และน้องแปด อยู่ที่ไหน!”
“เราต้องตามหามันและฆ่ามันก่อนที่เราจะไป!”
กลุ่มของมังกรตระกูลหวังกำลังคุยกันเรื่องนี้
จากการดำเนินการของเซียนอมตะหวัง ในที่สุดตระกูลของพวกเขาก็แย่งสิทธิ์เข้าสู่อาณาจักรเซียนได้
วิชาสยบความโกลาหลนั้นเป็นมรดกขั้นสูงสุดที่แม้แต่ราชาอมตะยังต้องการ สิ่งนี้เพียงพอที่ทำให้พวกเขาเข้าสู่อาณาจักรเซียน!
“ไม่อาจปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!”
“หวังว่าท่านพ่อจะตามหาเขาเจอ ไม่เช่นนั้นพี่น้องทั้งสามของเราจะแยกจากกันตลอดกาล”
ใบหน้ามังกรของตระกูลหวังเย็นชาและมีเจตนาฆ่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาเสียใจก็คือตอนนี้เซียนอมตะหวังยังคงยุ่งอยู่กับการเจรจากับอาณาจักรเซียนจึงไม่มีเวลาจัดการฮวง
“พวกเราพี่น้องที่เหลืออีกหกคนควรจะออกไปพร้อมกัน การที่พวกเราร่วมมือกันรวมทั้งน้องเก้าที่เป็นผู้สูงสุดแล้วน่าจะเพียงพอสังหารเขา!”
ในขณะที่ตระกูลหวังกำลังคุยกันอยู่ ตระกูลอื่นก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
มีบางคนตื่นเต้นแต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
มีตระกูลอมตะไม่น้อยที่สามารถใช้สมบัติของพวกเขาแลกเปลี่ยนกับการเข้าสู่อาณาจักรเซียนได้ แต่ก็มีตระกูลอมตะบางส่วนที่ไม่มีสิ่งใดพอจะดึงดูดใจผู้คนจากอาณาจักรเซียนได้
“ฮวงข้าเสียใจจริงๆที่ไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง!” ภายในตระกูลจิน จินไท่จุนคำราม ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ครั้งล่าสุดสือฮ่าวไล่ล่านางจนถึงดินแดนบรรพบุรุษและเกือบจะสังหารนางได้จริงๆ ตระกูลจินเป็นถึงตะกูลอมตะที่รุ่งโรจน์ที่สุดในเก้าสวรรค์กลับได้รับความอัปยศถึงเพียงนี้จะให้นางทนได้อย่างไร
สือฮ่าวเดินทางอย่างเงียบๆคนเดียวจนกระทั่งมาถึงด้านนอกของนิกายเสริมฟ้า
นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพื้นฐานเทียบเท่ากับตระกูลอมตะ
“ผู้น้อยหงเจิ้นชื่นชมเทพธิดาเยว่ฉานของสำนักเสริมฟ้ามาโดยตลอด การมาครั้งนี้ก็เพียงเพื่อให้ได้พบหน้านางสักครั้ง”
สือฮ่าวมองเห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่กำลังตะโกนอยู่ด้านหน้าประตูของนิกายเสริมฟ้า เขามาพร้อมกับผู้คนมากมายที่ติดตามอยู่ด้านหลัง
“เขามาหาชิงยี่?”
สือฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปด้านนอกและตรวจพบสิ่งมีชีวิตทรงพลังลอบแฝงตัวอยู่บนท้องฟ้า
เจตนาของคนพวกนี้งั้นชัดแจ้ง ฝ่ายตรงข้ามกำลังรอคอยให้เขาปรากฏตัวจากนั้นจะได้ทุ่มเทกำลังออกมารุมสังหาร?
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดไปแล้วแต่การที่มีผู้สูงสุดมากมายที่ดักซุ่มสังหารอยู่ก็ทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อย
หงเจิ้นคนนี้เป็นใคร? เหตุไฉนจึงพาผู้เชี่ยวชาญมากมายมาดักซุ่มเขาที่นี่?
สือฮ่าวถอนหายใจเบาๆในฐานะผู้ฝึกฝนชีวิตของเขานั้นขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาไม่ทราบว่าใครเป็นศัตรูกันแน่
ด้วยยุคที่ปราศจากการบ่มเพาะกำลังใกล้เข้ามา ในขณะที่ทุกคนกำลังถอนตัวแต่ก็ยังมีคนที่พยายามจะสังหารเขา?