ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 60 พบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 60 พบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ
แปลโดย iPAT
วัวดำไม่ได้พูดสิ่งใดอีก เพียงเมื่อหลี่ฉิงซานหันหน้ากลับมา มันจึงเปิดปากกล่าว “เมื่อเจ้ากลับไป เจ้าสามารถเริ่มฝึกหมัดปีศาจพยัคฆ์ หากเจ้าฝึกหมัดปีศาจวัวโดยไม่ฝึกหมัดปีศาจพยัคฆ์ มันจะไร้ประโยชน์”
สายตาของหลี่ฉิงซานกลายเป็นมุ่งมั่น ไม่ว่าเส้นทางนี้จะนำเขาไปสู่สิ่งใด เขาก็จะไม่หันหลังกลับ เพื่อประโยชน์ของเขาเองและเพื่อประโยชน์ของเด็กน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขา
วัวดำมองหลี่ฉิงซาน เขาสอนเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ให้เสี่ยวอันเพราะมันสามารถช่วยสนับสนุนหลี่ฉิงซาน แล้วเคล็ดวิชาเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ที่มันสอนหลี่ฉิงซานโดยตรงจะเป็นเคล็ดวิชาที่ด้อยกว่าได้อย่างไร?
หลี่ฉิงซานค้นป้อมวายุทมิฬเพื่อหากำไรจากการต่อสู้ครั้งนี้โดยมีเสี่ยวอันติดตามไปด้วยหลัง ในไม่ช้าเขาก็พบยุ้งฉาง ข้าวทั้งหมดถูกปล้นมาจากหมู่บ้านต่างๆที่เตรียมไว้สำหรับฤดูหนาว ผู้ใดจะรู้ว่าคนธรรมดาจะหนาวตายหรืออดตายมากเท่าใดเพราะเหตุนี้
หลังจากนั้นเขาก็พบห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยสิ่งของเบ็ดเตล็ด เขาพบคลังอาวุธเช่นกัน ห้องเก็บของเต็มไปด้วยสุรา เนื้อสัตว์ และเกลือ ขณะที่คลังอาวุธเก็บอาวุธธรรมดาทั่วไปเอาไว้ ไม่มีสมบัติเช่นดาบมังกรทะยาน ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจมันเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะค้นหาด้วยวิธีใด เขาก็ไม่พบคลังเก็บสมบัติล้ำค่า แต่เขาพบตั๋วแลกเงินและเงินจำนวนมากในห้องหัวหน้าแต่ละคน
ป้อมวายุทมิฬคงอยู่มานานหลายปี ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาสะสมสมบัติไว้มากเท่าใด บางทีอาจมียันต์วิเศษบางอย่าง เสี่ยวอันยังเป็นฝ่ายที่ค้นพบมากกว่า เขาพบกลไกที่ซ่อนอยู่ในห้องของซ่งเซียงอู๋ หลังจากเปิดใช้งานกลไก ประตูลับก็เปิดออก
ด้านหลังประตู แสงระยิบระยับจากเงินและทองคำแทบทำให้พวกเขาตาบอด มีกล่องไม้บรรจุตั๋วแลกเงินุจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึงเอาไว้ อย่างไรก็ตามสิ่งล้ำค่าที่สุดน่าจะเป็นภาพวาดที่ประดิษฐ์ขึ้นจากอักษรโบราณ
แม้แต่หลี่ฉิงซานยังรู้สึกตื่นเต้น เขาหยิบสิ่งของต่างๆขึ้นมาดูและชื่นชมพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เคยเห็นทองคำ เงิน และสมบัติล้ำค่ามากมายเช่นนี้กระทั่งตลอดสองชีวิตของเขาก็ตาม หลังจากมองไปรอบๆ เขาก็ไม่พบแผ่นยันต์ที่เหมือนกับยันต์ราชันสงคราม นี่ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง เขาคิดว่าซ่งเซียงอู๋จะเก็บบางสิ่งที่ดีพอๆกันเอาไว้ แต่ซ่งเซียงอู๋จะทิ้งไพ่ตายเช่นยันต์ราชันสงครามไว้ในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร หากเขามียันต์อีกใบ เขาจะไม่พกมันติดตัวไว้งั้นหรือ?
เสี่ยวอันเพิกเฉยต่อทองคำและเงิน ราวกับเด็กน้อยรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเล่นอาวุธจากก่อนหน้านี้ เขาเริ่มสำรวจม้วนภาพวาดจำนวนมากอย่างจริงจัง ภาพวาดบางภาพถูกโยนทิ้งหลังจากชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวราวกับเขารู้ว่ามันเป็นของปลอม
หลี่ฉิงซานตรวจสอบม้วนภาพวาดเช่นกัน ภาพวาดเหล่านี้มีทั้งภาพภูเขา แม่น้ำ ดอกไม้ นก และผู้คน นอกจากนั้นยังมีตัวอักษรที่แปลกประหลาด เขาพยายามจดจำพวกมันให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถแยกแยะและไม่เข้าใจตัวอักษรดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้จักตัวอักษรของโลกใบนี้ เขาไม่มีโอกาสและไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือเมื่อเขาอยู่ในหมู่บ้านกระทิงหมอบ เขารู้สึกว่าตนเองต้องแก้ไขเรื่องนี้อย่างเหมาะสมเมื่อมีโอกาส อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจมาก “เจ้าเข้าใจพวกมันงั้นหรือ?”
เสี่ยวอันพยักหน้า แม้เด็กน้อยจะพูดไม่ได้ แต่เขาชี้นิ้วไปที่หลี่ฉิงซานและหลี่ฉิงซานก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าเสี่ยวอันจดจำหลายสิ่งหลายอย่างได้หลังจากบรรลุขั้นแรกของเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์
หลี่ฉิงซานกล่าว “บางทีเจ้าอาจจำบ้านของเจ้าได้ในไม่ช้า เจ้าเข้าใจตัวอักษรตั้งแต่อายุยังน้อย เจ้าต้องมีการศึกษาที่ไม่ธรรมดา บางทีเจ้าอาจไม่ได้มาจากตระกูลร่ำรวยทั่วไป”
เสี่ยวอันกลายเป็นโศกเศร้า กระทั่งเด็กน้อยจะจำบ้านของตนเองได้แล้ว แต่เขาจะกลับไปพบครอบครัวของเขาได้อย่างไร โดยเฉพาะในสภาพนี้
หลี่ฉิงซานปลอบโยน “อย่ากังวล ข้ามีวิธี เจ้าจะดูดีในไม่ช้า ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ”
เสี่ยวอันร่าเริงขึ้นทันที แม้เขาจะไม่รู้ว่าวิธีการของหลี่ฉิงซานคือสิ่งใด แต่เขาเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์
วัวดำได้ยินบทสนทนาเหล่านี้จากด้านนอก มันลอบหัวเราะเยาะอยู่ภายใน เด็กน้อยจะมาจากตระกูลร่ำรวยทั่วไปได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าดวงวิญญาณของเสี่ยวอันพิเศษมาก นี่เป็นสาเหตุที่วัวดำให้ความช่วยเหลือผีน้อยตนนี้
หลี่ฉิงซานอาจไม่รู้ว่าข้อกำหนดในการฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์เข้มงวดเพียงใด แต่วัวดำรู้ดี ในความเป็นจริงความสำเร็จของเสี่ยวอันในการทะลวงขอบเขต กระทั่งวัวดำยังค่อนข้างประหลาดใจ นี่อาจไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์และสติปัญญาตามธรรมชาติเท่านั้น เป็นไปได้ว่าพรสวรรค์ทางจิตวิญญาณของเสี่ยวอันอาจถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยการใช้ยาหรือทักษะทางจิตวิญญาณบางอย่าง
เสี่ยวอันคลี่ม้วนภาพอีกชิ้นออกและทำให้ห้องลับสว่างขึ้นทัที
หัวใจของหลี่ฉิงซานสั่นสะท้านขึ้น เขารู้สึกเหมือนดาบที่แหลมคมกำลังพุ่งเข้าโจมตีเขา แท้จริงแล้วมันยังน่ากลัวกว่าการโจมตีของหยางอันจื่อถึงสิบเท่า เขาคว้าเสี่ยวอันตามสัญชาตญาณและดึงเด็กน้อยไปข้างหลังเพื่อปกป้องเขา
ภาพวาดตกลงบนพื้น แต่มันไม่ได้โจมตีพวกเขาเช่นที่เขาคิด หลังจากจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฉิงซานก็หยิบภาพวาดชิ้นนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ตัวอักษรที่สลักไว้ดูมีชีวิตชีวาและแหลมคมมาก แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของมัน
วัวดำกล่าว “เจ้าหนู เจ้าโชคดีมาก เจ้าพบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่แท้จริงแล้ว!”
“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ!” หลี่ฉิงซานรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขามองภาพวาดในมืออย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะเสี่ยวอัน “เสี่ยวอัน เจ้าน่ารักจริงๆ”
เสี่ยวอันเห็นหลี่ฉิงซานมีความสุข ดังนั้นเด็กน้อยจึงก้มศีรษะลงอย่างมีความสุขเช่นกัน
“สิ่งนี้ใช้งานอย่างไร?”
วัวดำกล่าว “ลองส่งพลังปราณเข้าไป”
การต่อสู้กับป้อมวายุทมิฬ หลี่ฉิงซานใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพเป็นหลัก เขาไม่ได้ใช้พลังปราณมากนัก ดังนั้นพลังปราณส่วนใหญ่ของเขาจึงยังคงอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาทดลองส่งพลังปราณเข้าไปในภาพวาด พลังปราณในร่างของเขากลับพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายพลังปราณของเขาก็ถูกดูดเข้าไปในภาพวาดทั้งหมด
ภาพวาดส่องประกายขึ้น ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาและกวาดผ่านกล่องทองคำก่อนจะตกกระทบกำแพงหินของห้องลับ มันไม่ได้สร้างความโกลาหลใดๆแต่หลังจากนั้นกล่องทองคำก็ถูกแยกออก
หลี่ฉิงซานกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาเข้าไปตรวจสอบ ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือลำแสงสายนั้นตัดกล่องทองคำออกเป็นสองส่วนด้วยรอยตัดที่ราบเรียบและสะอาดหมดจด จากนั้นเขาก็พบร่องลึกบนกำแพงหิน
“นี่คือพลังของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณงั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานกลืนน้ำลาย ไม่ต้องกล่าวถึงความแข็งแกร่งของกระทิงหนึ่งตัวที่เขาภาคภูมิใจ แม้แต่ยันต์ราชันสงครามก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีชนิดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสัมผัสได้ว่าพลังปราณของเขายังไม่เพียงพอสำหรับมัน มันยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ถึงหนึ่งในสิบส่วน! หากมันสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา มันจะทรงพลังถึงระดับใด!