ตอนที่ 198 วิกฤตเศรษฐกิจ
ซูข่านกับหลู่เฉียนซานได้เดินเข้าไปที่ห้องทำงานของเธอ ผู้คนในสำนักงานยังคงโห่ร้องด้วยความดีใจ
โดยปกติแล้ว สวัสดิการของบริษัทว่านเซี่ยงกรุ๊ปนั้นก็ดีมากอยู่แล้ว การได้เงินเดือนเพิ่ม 2 เท่า ถึงแม้จะเดือนเดียวก็เถอะ และโบนัส ทำให้พนักงานดูดีใจเป็นพิเศษ
สิ่งนี้จะทำให้พวกเขารักองค์กรมากขึ้น และตั้งใจทำงานเยอะกว่าเดิม
หลู่เฉียนซานได้เปิดประตูให้ซูข่าน ใบหน้าที่สวยงามของเธอดูแดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้อยู่ห้องเดียวกับผู้ชาย ซึ่งเธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน
ซูข่านได้มองไปรอบๆห้องทำงานของหลู่เฉียนซาน ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่เท่าห้องของจางหม่าน มันดูเล็กกว่าเล็กน้อยแต่ก็สวยงามอยู่พอสมควร
มีโซฟาตัวเล็ก ขนาดของมันเข้ากันได้ดีกับห้องแห่งนี้
ซูข่านได้เดินไปนั่งที่โซฟา
"นั่งลง"
ซูข่านชี้ไปยังโซฟาตำแหน่งตรงข้ามของเขา หลู่เฉียนซานเดินตามมาและค่อยๆนั่งลง
ซูข่านเห็นหลู่เฉียนซานเขาจึงถามว่า
"ขายฟิวเจอร์น้ำมันหมดแล้วสินะ ได้เงินทั้งหมดเท่าไหร่?"
หลู่เฉียนซานทำหน้าครุ่นคิดและพูดขึ้นมา
"หากว่าฉันคำนวนไม่พลาดนะคะ เงินที่ได้จะเยอะกว่า 2 เท่าเล็กน้อย ตอนนี้เงินทั้งหมดที่มี่อยู่ในบริษัทมีอยู่ 13,000 ล้านค่ะ"
13,000 ล้าน!!
นี่มันเยอะกว่าที่ซูข่านคำนวนไว้อีก ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ก่อน มันทำให้เขาได้รับเงินเยอะกว่าเดิมเล็กน้อย
13,000 ล้านและจะได้จากส่วนแบ่งของ HSBC อีก 2,400 ล้าน นี่คือเงินทั้งหมดที่ซูข่านได้รับจากฟิวเจอร์น้ำมันครั้งนี้
แต่มันก็ยังไม่ได้หักเงินที่กู้มาจาก HSBC และเลเวอเรจอีก รวมๆแล้วก็เป็นเงินประมาณ 2,000 ล้าน
เมื่อไม่กี่วันก่อนจางหม่านก็ได้แบ่งเงินจากส่วนนี้ไปอีก 500 ล้านเพื่อโอนไปยังซิงซี กรุ๊ป สำหรับสร้างตึกที่สูงที่สุดในประเทศ
รวมๆแล้วบริษัทว่านเซี่ยงมีสภาพคล่องทางการเงินอยู่ที่ 11,000 ล้าน
ซูข่านได้ให้หลู่เฉียนซานไปทำการชอร์ตตลาดอสังหาริมทรัพย์อีก 5,000 ล้าน สภาพคล่องของบริษัทว่านเซี่ยงเหลืออยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้าน
ดูเหมือนว่าจะเหลือน้อยกว่าที่ซูข่านคิดไว้อยู่
ซูข่านส่ายหัว ดูเหมือนว่าเงินที่ได้มากว่าหมื่นล้านได้ใช้ไปเกือบครึ่ง การทำเงินแบบก้าวกระโดนแบบนี้แล้ว นอกจากฟิวเจอร์น้ำมันอย่างอื่นก็ดูเป็นไปได้ยาก
ถ้าคนอื่นรู้ว่าซูข่านกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน
การที่เหลือเงินกว่า 6,000 ล้านแล้วบอกน้อยเนี่ย จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ การที่เงินจาก 5,000 ล้านกลายเป็น 10,000 ล้านมันไม่ใช่หรอกง่ายๆอีกด้วย
สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่เพิ่งเปิดใหม่ การหารายได้เข้าบริษัทเยอะขนาดนี้ต้องเป็นที่น่าอิจฉาของใครหลายๆคน
เมื่อคิดเกี่ยวกับตัวเลขแล้ว ซูข่านรู้ว่าเหลือเงินสำหรับให้ทำอย่างอื่นอีก 6,000 ล้านเท่านั้น
"เฉียนซาน"
ซูข่านได้มองไปที่หลู่เฉียนซานและพูดอย่างช้าๆ
"ทีมที่เธอทั้งขึ้นเพื่อชอร์ตตลาดอสังหาริมทรัพย์เซียงเจียงเสร็จรึยัง?"
"รุ่นพี่ของฉันเขาตอบรับแล้วค่ะ พวกเขายินดีที่จะร่วมงานกับเรา"
หลู่เฉียนซานตอบช้าๆ
"อืม"
ซูข่านพยักหน้าและพูดต่อ
"นอกจากนี้แล้ว ฉันจะให้เธอตั้งทีมขึ้นมาอีกทีมสองทีม ฉันจะให้ทีมพวกนี้รับผิดชอบสองอย่าง"
"สองอย่าง?"
หลู่เฉียนซานแสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็น
ซูข่านยิ้มและพูดต่อ
"ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นมีการพัฒนาเศรษฐกิจไปในทางที่ดี ตลาดหุ้นของอเมริกาก็ดูมีแนวโน้มที่กำลังจะอยู่ในช่วงขาขึ้น"
สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว ก่อนหน้านั้นเศรษฐกิจของพวกเขาดูดีมากขึ้นเรื่อยๆ มีองค์กรขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นมากมาย เทคโนโยลีที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมาได้นำไปใช้กับทั้งโลก
การเจริญเติบโตของญี่ปุ่นได้ก้าวมาจนถึงขีดสุด และพวกเขาก็เริ่มที่จะหยิ่งผยองในตัวเอง พวกเขาเริ่มไม่ซื้อของจากอเมริกาอีกเลย
แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นได้พ่ายแพ้สงคราม ประเทศอเมริกาก็ได้เข้ามาปกครองอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
วัฒนธรรมของญี่ปุ่นจึงมีบางอย่างที่ใกล้เคียงกับอเมริกาอย่างมาก โชคยังดีที่ตัวตนของคนญี่ปุ่นทำให้ประเทศของพวกเขาฟื้นตัวกลับมาเร็ว
หลังจากเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่ง เศรษฐกิจของประเทศก็ดีขึ้นตามลำดับ
ตั้งแต่ปีที่แล้วตอนที่ซูข่านได้เริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นครั้งแรกในชาตินี้ เขาได้เห็นการเติบโตของหุ้นญี่ปุ่นเรื่อยๆ
แต่สำหรับสหรัญอเมริกาแล้ว ประเทศนี้น่ากลัวกว่าเยอะ
ตั้งแต่ปีนี้ยาวไปจนถึงอีก 20 ปีข้างหน้าก่อนที่จะเกิดวิกฤติการณ์เศรษฐกิจ ตลาดหุ้นของอเมริกาก็มีแต่จะดีอย่างเดียว
หุ้นของตลาดนี้มีแต่สีเขียวในทุกๆวัน นั่นแหละมันทำให้เกิดฟองสบู่ การที่ฟองสบู่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วแตกพร้อมกันทีเดียวมันทำให้เกิดวิกฤติการณ์
ในช่วงเวลานั้นไมโครซอฟต์เริ่มต้นบริษัทด้วยเงินมูลค่าเพียง 2 ล้านเท่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้มูลค่าของบริษัทไมโครซอฟต์ก็ได้กลายเป็น 500,000 ล้านดอลล่าห์
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นของบริษัทในอเมริกา
ในช่วงดังกล่าวมีบริษัทจำนวนมากได้พัฒนาไปเป็นยักษ์ใหญ่ ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น ยาฮู(Yahoo)
บริษัทเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจของอเมริกา พวกเรามีเงินทุนที่สูงและมีมูลค่าของบริษัทที่สูงมาก ไม่แปลกที่พวกเขาจะได้ก้าวมาเป็นยักษ์ใหญ่
ในตลาดอเมริกาที่บ้าคลั่งแบบนี้ การที่จะทำเงินได้ในช่วงนั้นเวลานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
"หุ้นญี่ปุ่นและหุ้นอเมริกาเหรอคะ?"
หลู่เฉียนซานทวนคำของซูข่านซ้ำด้วยความประหลาดใจ
"ใช่แล้ว"
ซูข่านเห็นหลู่เฉียนซานประหลาดใจ เขาจึงพูดต่อ
"ฉันให้จางหม่านไปตั้งบริษัทที่อเมริกาแล้ว การลงทุนกับไมโครซอฟต์และแอปเปิ้ลอีก แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับการลงทุนในเซียงเจียงซักหน่อย"
"โดยทั่วไปแล้วทั้งสองบริษัทนั้นไม่เหมือนกันเลย เป็นเพียงบริษัทที่เปิดขึ้นมาใหม่และต้องการทุน"
"ในอนาคตจะมีบริษัทแบบนี้เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก การที่มีบริษัทที่อเมริกาจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะลงทุนได้ทุกเมื่อ"
การลงทุนในบริษัทที่จะเติบโตไปเป็นยักษ์ใหญ่ในอนาคตนั้นมันจะทำเงินคืนกลับมาอย่างมหาศาล
บริษัททั้งหลายในอเมริกาล้วนแล้วแต่มูลค่าของบริษัทสูงกว่าหลายแสนล้านดอลล่าห์
นี่ยังไม่รวมธนาคารที่จะกลายมาเป็นธนาคารระดับโลกอีกนะ ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ซูข่านไม่ได้เอ่ยถึงอีกมากมาย