MDB ตอนที่ 199 การกลับมาของตระกูลซื่อ PART 3
มันต้องเม็ดยาเมฆาเหนือวารีอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรยาของมันหายไปตามกาลเวลาและหลู่ปิ่นได้รับมาจากหลินจิน ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าห้องโถงยาแห่งนี้จะมีสูตรยาดังกล่าวได้อย่างไร?
ขณะที่หลู่ปิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีใครบางคนเข้ามาใกล้เขาเพื่อมองให้ใกล้ขึ้นก่อนที่จะถามเขาอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงที่เคารพว่า
“นั่นท่านแม่ทัพหลู่หรือขอรับ?”
หลู่ปิ่นตกใจ เขากำลังจมอยู่ในความคิดเกินกว่าจะสังเกตเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาหาเขา เมื่อหันกลับไป เขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างเขา และเมื่อพวกเขาสบตากัน อีกฝ่ายก็ตกใจและอยากจะโค้งคำนับ
หลู่ปิ่นรีบหยุดเขาทันที “เจ้านั่นเอง เหวินถัง เจ้าอย่าทำอะไรให้คนอื่นหัวความสนใจมาที่ข้า ข้าแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่เท่านั้น”
คน ๆ นั้นคือจั่วเหวินถัง พ่อบ้านของคฤหาสน์เจ้าเมือง
เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รู้จักกันเป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปในอดีต จั่วเหวินถังอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของหลู่ปิ่น ในตอนที่เขาถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ แม้ว่าคนหลังจะลาออกจากตำแหน่งและรับใช้ราชวงศ์ในเวลาต่อมา
ส่วนจั่วเหวินถัง เมื่อเขาถูกปลดระวาง เขาก็กลับไปที่เมืองเมเปิ้ลบ้านเกิดของเขาและกลายเป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์เจ้าเมือง
นี่คือเหตุผลที่จั่วเหวินถังให้เกียรติหลู่ปิ่นเป็นอย่างมาก
ท้ายที่สุด ชายผู้นี้เป็นอดีตผู้บัญชาการของเขา
“ท่านแม่ทัพลู่ ทำไมท่านไม่บอกข้าว่าท่านจะมี่เมืองเมเปิ้ล ข้าจะได้เตรียมการต้อนรับท่านอย่างเหมาะสม” จั่วเหวินถังไม่สนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เมื่อเทียบกับหลู่ปิ่น ยาเม็ดใหม่นั้นไม่มีค่าอะไรเลย หรืออย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เขาคิดในตอนนี้
หลู่ปิ่นรู้สึกยินดี เป็นเรื่องดีที่อดีตลูกน้องของเขายังจำเขาได้ อย่างไรก็ตาม การเดินทางครั้งนี้ เขาต้องการให้คนรู้น้อยที่สุด เขาเพียงต้องการเชิญหลินจินไปที่เมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยตัวตนของเขา
“ข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องส่วนตัว ข้าจึงไม่ได้คิดจะรบกวนเจ้า ท้ายที่สุด เจ้าเองก็ต้องยุ่งเหมือนกัน” หลู่ปิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จั่วเหวินถังตั้งใจจะเชิญหลู่ปิ่นออกไปเพื่อดื่ม ฝ่ายหลังก็ดูสนใจเช่นกัน แต่หลังจากคิดอีกรอบแล้ว หลู่ปิ่นก็กล่าวว่า
“เจ้าเป็นแขกผู้มีเกียรติในงานนี้ มันดูไม่เหมาะสมที่จะออกไปทั้ง ๆ แบบนี้”
“มันไม่เหมาะสมตรงไหนกัน?” จั่วเหวินถังไม่ได้สนใจงานนี้เลย
แต่หลู่ปิ่นสนใจ เขาอยากจะรู้ว่าเม็ดยานั้นเป็นเม็ดเมฆาเหนือวารีจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงอยู่ต่อ
เนื่องจากเขาไม่คิดจะไป จั่วเหวินถังจึงไม่กล้าออกไปและไม่มีความกล้าที่จะกลับไปนั่งที่ด้านหน้า เขาแค่ยืนด้วยความเคารพข้างหลู่ปิ่น
หลังจากนั้นไม่นาน บางคนเริ่มสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ท้ายที่สุด จั่วเหวินถังมีสถานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองเมเปิ้ล เมื่อเห็นเขาให้เกียรติชายสูงวัยที่อยู่ข้าง ๆ เขาและชายคนนั้นดูโดดเด่นมากเพียงใด จึงไม่จำเป็นต้องใช้สมองดั่งอัจฉริยะก็รู้ว่าคน ๆ นั้นต้องไม่ใช่ชายชราทั่วไปอย่างแน่นอน
บุคคลสำคัญทั้งหมดในเมืองเมเปิ้ลเริ่มสังเกตเห็นหลู่ปิ่น แม้แต่ซื่อเหวินจวินที่ยืนอยู่บนเวทีกับเฉินเหวินหลินที่เป็นหนึ่งในผู้ชมก็สังเกตเห็นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถหยุดกลางคันได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะเข้าไปทักทายเขาแน่นอน
ตอนนี้ห้องโถงถูกดึงความสนใจสำเร็จแล้ว ซื่อเหวินจวินก็พูดขึ้นว่า
“ข้าสงสัยว่ามีใครในที่นี้รู้บ้างว่าสิ่งที่ข้าถืออยู่นั้นมันคืออะไร?”
ไม่มีใครตอบ
พวกเขาไม่สามารถบอกได้หรือไม่แน่ใจ
ท้ายที่สุด แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านยาก็นึกไม่ออกว่าจะมีเม็ดยาที่สามารถแช่ในน้ำได้
ทันใดนั้น ชายชราคนหนึ่งในกลุ่มฝูงชนก็พูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้รู้เรื่องยาอะไรมากนัก แต่ข้าชอบอ่านตำรามนต์แห่งเม็ดยาที่ข้าได้เคยอ่านในตอนที่ข้ายังเด็ก
เนื้อหาของในมันเขียวเม็ดยาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘เม็ดยาเมฆาเหนือวารี’ มันมีสรรพคุณในการทำลายคำสาปที่เป็นอันตรายและสามารถใช้รักษาสิ่งชั่วร้ายได้เช่นกัน
ลักษณะเฉพาะของมันคือ เมื่ออยู่ในน้ำมันจะไม่ละลายและจะสร้างชั้นขี้ผึ้งขึ้นรอบ ๆ ตัวมัน
อย่างไรก็ตาม สูตรยาสุดมหัศจรรย์นี้ได้สูญหายไปนานแล้วและข้ามีชีวิตอยู่มานานกว่าแปดสิบปีแล้ว ข้าไม่เคยเห็นยาแบบนี้มาก่อนเลย ช่างน่าเสียดายจริง ๆ
ท่านซื่อ ข้าขอถามท่านได้มั้ยว่า นี่คือเม็ดยาเมฆาเหนือวารีใช่หรือไม่?”
ชายชราที่พูดขึ้นเป็นปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองเมเปิ้ล เขาทั้งมีเกียรติและมีความรู้อย่างเหลือเชื่อ ชายชราเป็นคนเดียวที่จดจำลักษณะเฉพาะของยาได้และถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
แม้แต่ซื่อเหวินจวินก็ยังตกตะลึงเล็กน้อย
ตำรามนต์แห่งเม็ดยาได้รับการศึกษาเฉพาะโดยผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการอัดเม็ดยาเท่านั้น แม้แต่คนในกลุ่มนี้ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จดจำเม็ดยาเมฆาเหนือวารีจากยาเม็ดนับพันที่บันทึกไว้ในนั้นได้
"สิ่งที่ท่านหยางถังกล่าวมานั้นถูกต้องทุกประการ” ซื่อเหวินจวินกล่าวชมเชย
แม้ว่าจะไม่ใช่คำตอบโดยตรง แต่ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเธอกำลังถือเม็ดยาเมฆาเหนือวารีอยู่ในมือ
ฝูงชนประหลาดใจในพริบตา
พวกที่ไม่รู้เรื่องนี้เริ่มถามทีละคน และในไม่ช้าทุกคนก็รู้ว่าเม็ดยาเมฆาเหนือวารีถูกใช้เพื่อทำลายคำสาป
ใครก็ตามที่ถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงหรือถูกสาปแช่ง ส่วนใหญ่จะได้รับการบำบัดด้วยเม็ดยาเมฆาเหนือวารีนี้
สีหน้าขอเฉินเหวินหลินดูมืดมน
ในฐานะนักธุรกิจ เขารู้ถึงคุณค่าของเม็ดยาเมฆาเหนือวารีนี้ดี แม้ว่าดูเหมือนว่าคนทั่วไปจะไม่สามารถใช้ยาเม็ดนี้ได้ แต่มันสามารถช่วย ยกระดับสถานะของผู้จัดจำหน่ายได้ ถ้าตระกูลซื่อมีแล้วตระกูลเฉินไม่มี คนภายนอกจะถือว่าตระกูลเฉินด้อยกว่าตระกูลซื่อ ด้วยสิ่งนี้คนทั่วไปจะเลือกซื้อของจากใคร?
เห็นได้ชัดว่าทุกคนจะหันไปหาตระกูลซื่อ แม้ว่าห้องโถงยาเฉินจะขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าก็ตาม
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
แต่เฉินเหวินหลินรู้สึกสงสัย ตระกูลซื่อได้รับสูตรที่หายไปตามกาลเวลามาได้อย่างไร?
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เฉินเหวินหลินสันนิษฐานว่าตระกูลซื่อกำลังโกหก
หวู่เฉินเว่ยที่สงสัยพอ ๆ กัน เขาไม่ได้ซับซ้อนเท่าเฉินเหวินหลิน ดังนั้นหลังจากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น เขาก็ตะโกนทันทีว่า “ข้าพนันได้เลยว่ามันเป็นแค่ยาที่เจ้าหยิบสุ่ม ๆ ขึ้นมาแล้วประกาศว่ามันคือเม็ดยาเมฆาเหนือวารี ตระกูลซื่อคิดว่าพวกเราโง่กันหรือไง!?”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่ออีกฝ่าย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็สงบลงเช่นกัน
แม้ว่าตระกูลซื่อจะมีภูมิหลังมากมาย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นเจ้าของสูตรยาเมฆาเหนือวารี เม็ดยาชิ้นนี้ไม่ต่างจากเรื่องเล่าในตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่?
จำนวนผู้สงสัยเพิ่มมากขึ้นในทันที
ตันหลินก็สงสัยเช่นกัน ในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษ เธอเคยอ่านมนต์แห่งเม็ดยามาก่อนและยาส่วนใหญ่ในหนังสือเล่มนี้ได้สูญหายไปตามกาลเวลา บางคนได้รับการอธิบายเพียงไม่กี่ประโยคและฟังดูลึกลับเกินกว่าจะเป็นจริงได้
เม็ดยาเมฆาเหนือวารีก็เป็นหนึ่งในนั้น
เธอรู้สึกว่าตระกูลซื่ออาจกล่าวเท็จ นอกจากนี้ เธอสังเกตเห็นหลู่ปิ่นแล้วตั้งแต่ตอนนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ลุกขึ้นและเดินไปหาเขา
ตันหลินเคยพบกับหลู่ปิ่นมาก่อน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คุ้นเคยนัก แต่พ่อของเธอ ตันซุนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับชายคนนี้ ในฐานะที่เป็นลูกสาว เธอต้องทักทายเขา มิฉะนั้น พ่อของเธอจะกล่าวหาว่าเธอไม่มีมารยาทเมื่อเธอกลับมายังเมืองหลวง
“ข้าน้อยขอคารวะ ท่านแม่ทัพหลู่!” ตันหลินกล่าวทักทาย
หลู่ปิ่นสังเกตเห็นตันหลินทันที ดังนั้นเขาจึงยิ้มและกล่าวว่า “ข้าได้ยินจากเฒ่าตันว่าลูกสาวที่มีค่าของเขารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าของสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ล เฒ่าตันถึงกับบอกข้าว่าถ้าหากมีโอกาส ข้าควรมาช่วยเหลือเจ้า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากเกินไป ตอนนี้สมาคมประเมินสัตว์วิเศษเจริญรุ่งเรืองกว่าก่อนมาก”
นี่เป็นการชมเชยและตันหลินยอมรับอย่างรวดเร็วด้วยความนอบน้อมถ่อมตน
“แม่ทัพหลู่ได้รับเชิญจากตระกูลซื่อด้วยหรือเจ้าคะ?” ตันหลินถามด้วยความอยากรู้
หลู่ปิ่นส่ายหัว “เปล่า ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ”
ตันหลินพยักหน้าอย่างเข้าใจและหยุดถามเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ซื่อเหวินจวินเพิ่งยอมรับว่าเม็ดยาในมือของเธอคือเม็ดยาเมฆาเหนือวารี
“ข้าคิดว่ามันเป็นของปลอม ไม่มีทางที่จะสามารถผลิตเม็ดยาเมฆาเหนือวารีในสมัยนี้ได้ ตระกูลซื่อคงต้องพบสิ่งที่คล้ายคลึงกันแทน” ตันหลินแสดงความคิดเห็นในทันใด
จั่วเหวินถังมีความคิดแบบเดียวกัน เขาไม่เชื่อเช่นกัน
มุมมองของพวกเขาทั้งสองสะท้อนถึงความคิดของผู้ฟังส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม หลู่ปิ่นพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า “มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น ก่อนอื่นพวกเจ้าจะต้องตรวจสอบยาอย่างละเอียดตามที่ระบุไว้ในมนต์แห่งเม็ดยาเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ยิ่งกว่านั้นเม็ดยาเมฆาเหนือวารีนั้นไม่ได้หายไปตามกาลเวลาอย่างแท้จริง ยังมีคนที่รู้สูตรยาของมันอยู่”
หากคนอื่นพูดเรื่องนี้จั่วเหวินถังและตันหลินคงจะปล่อยผ่านและไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้ามาจากหลู่ปิ่น สิ่งต่าง ๆ ก็แตกต่างออกไป
ทั้งสองรู้สึกทึ่งในทันที
ตันหลินถามทันที "แม่ทัพหลู่ ท่านเคยเห็นเม็ดยาเมฆาเหนือวารีหรือไม่?"
หลู่ปิ่นไม่ได้ปิดบังข้อเท็จจริงนี้และพยักหน้า “ไม่ใช่แค่เห็นตัวยาเท่านั้น แต่ข้ายังเห็นสูตรยาอีกด้วย”
ตอนนี้ ทั้งจั่วเหวินถังและตันหลินต่างตกตะลึง พวกเขาอดสงสัยไม่ได้เพราะหลู่ปิ่นเป็นคนกล่าวออกมาและพวกเขารู้ดีว่าหลู่ปิ่นเป็นใคร ผู้ชายคนนี้ไม่เคยโกหก
“สูตรยาจะเป็นสมบัติของราชวงศ์หรือเปล่าขอรับ?” จั่วเหวินถังคาดเดา ตันหลินพยักหน้า นั่นเป็นไปได้สูง แต่สิ่งที่หลู่ปิ่นพูดต่อไปนั้นมันทำให้พวกเขางุนงง
“สมาชิกในราชวงศ์จะเป็นเจ้าของสูตรยานี้ได้อย่างไร? ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็คงไม่ต้อง… ลืมมันไปซะเถอะ พวกเจ้าหยุดเดาได้แล้ว ข้าเคยเห็นสูตรยาของเม็ดยาเมฆาเหนือวารีมาก่อนและผลของมันก็เป็นไปตามที่มนต์แห่งเม็ดยาได้อธิบายไว้และข้าได้รับสูตรยานี้จากผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งในเมืองเมเปิ้ล”
เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ จั่วเหวินถังและตันหลินก็เผลอสูดอากาศเย็นเข้าไป