835 - ไม้เซียน?
835 - ไม้เซียน?
จักรพรรดิแห่งจงโจวเป็นผู้นำ มีนักบวชจากทะเลทรายตะวันตกและปรมาจารย์จากหนานหลิงติดตามอยู่ด้านหลัง พวกเขาทั้งหมดปีนแท่นหยกหมื่นจั้งด้วยวิธีการของตนเอง
ในเวลานี้เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ค่อนข้างตกใจ เพราะพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนคนอื่น แต่ขึ้นมาได้เพราะชามแตกของต้วนเต๋อล้วนๆ
“ชามนี้ไม่เลว”
เซียวอวิ๋นเฉิงเอื้อมมือมาหยิบชามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโล�
หากชามแตกใบนี้ถูกนำไป ทุกคนจะกลายเป็นฝุ่นทันที ร่างกายและวิญญาณของพวกเขาจะต้องถูกทำลาย
เซียวอวิ๋นเฉิงและคนอื่นๆ ใช้อาวุธต้องห้ามมากกว่าสิบชนิดซึ่งรวมกันเหนือศีรษะเพื่อสกัดกั้นแรงกดดันจากแท่นหยก ในเวลานี้ เขาจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
เย่ฟ่านประสานอินในมือขวาก่อนจะเริ่มแสดงผนึกจักรพรรดิมนุษย์อีกครั้ง ในทันทีที่เขาลงมือแสงจันทร์ก็สาดส่องขึ้นสู่ท้องฟ้าและปิดกั้นการโจมตีทั้งหมดของฝ่ายตรงข้าม
“บูม!”
เกิดเสียงดังสนั่น และทั้งสองก็ถูกผลักให้ถอยออกไปอีกครั้ง ทุกคนประหลาดใจ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเย่ฟ่านเกินความคาดหมายของพวกเขามาก
บนแท่นหยกหมื่นจั้งนี้ พลังปราณของทุกคนถูกปิดกั้น และคนที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วย่อมได้เปรียบคนอื่นหลายเท่าตัว
“นี่เป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ บางทีมันอาจเป็นสมบัติระดับปราชญ์โบราณ หรือแม้กระทั่งมีวิญญาณของเขาสถิตอยู่ในนั้นด้วยซ้ำ”
เซียวอวิ๋นเฉิงจ้องมองชามแตกใบนี้ด้วยดวงตาที่มืดมน
ทันทีที่เขากล่าวจบ ทุกคนก็มองไปที่กลุ่มของเย่ฟ่านและสายตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความโล�
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันแย่มากสำหรับเย่ฟ่านและคนอื่นๆ หากมีการแย่งชิงเครื่องรางเกิดขึ้น ถ้าชามแตกใบนี้ถูกแย่งชิงไปพวกเขาคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมอันโหดร้ายได้
ในตอนนี้เซียวอวิ๋นเฉิงต้องการยืมมือคนอื่นสังหารพวกเขา มันทำให้ดวงตาของเย่ฟ่านเต็มไปด้วยไอสังขารอย่างเข้มข้น
“เจ้าไม่ต้องห่วง ในวันนี้เมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้วเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนกับซากศพที่อยู่ในโลงนั้นเลยแล้วกัน” เย่ฟ่านจ้องที่เซียวอวิ๋นเฉิงและกล่าวอย่างใจเย็น
ไม่นานหลังจากที่เขาเข้าสู่อาณาจักรแปลงมังกร เขาคิดว่าระดับนี้ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงต่อสู้กับผู้สูงสุดได้ แต่เมื่ออยู่ในสถานที่ที่พิเศษเช่นนี้เขาจึงคิดจะฆ่าคนให้มากที่สุดเท่าที่เขาต้องการ
เซียวอวิ๋นเฉิงแสดงท่าทีเยาะเย้ย ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว เมื่อออกจากแท่งหยกนี้เขาจะลงมือสังหารเย่ฟ่านในทันที
“แล้วเราจะขโมยซากศพออกมาได้อย่างไร?” ต้วนเต๋อรู้สึกกังวล เมื่อมองไปยังโลงศพที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
“นี่คือโลงศพโบราณของเทพโบราณ พลังธรรมดาจะเปิดมันได้อย่างไร สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยเราคงต้องรอไปก่อน” ชายชราตาบอดกล่าว
โลงศพเป็นสมบัติโบราณที่ล้ำค่า มันลอยขึ้นลงในความว่างเปล่า มีมังกรเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์ที่แปลงกายจากปราณเซียน จำนวนหลายพันตัวซึ่งมีลักษณะที่เหมือนจริงมาก
และทุกคนค่อนข้างมั่นใจว่าหากพวกเขาแตะต้องโลงศพนี้จะต้องพบเจอกับการโจมตีของพวกมันอย่างแน่นอน
“เอ๊ะ! ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าโรงศพนี้มีพลังชีวิตซุกซ่อนอยู่” นักบวชชราคนหนึ่งอุทานด้วยความตกใจ
ในขณะนั้นใบหน้าของทุกคนซีดขาวไร้สีเลือด หลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาก็ค้นพบว่าในโลงศพนี้ดูเหมือนจะมีพลังชีวิตอยู่จริงๆ
“เกิดอะไรขึ้น เทพโบราณยังไม่ตายอีกหรือ?”
โลงศพที่ลอยบนความไม่เปล่า ดูแล้วไม่ค่อยเสถียรนัก เมื่อมันตกลงมา ทุกคนก็สังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติ และจริงๆ แล้วมีใบไม้สี่เขียวอ่อนติดอยู่บนฝาของโลงศพ
“ไม่ใช่ว่าเทพยังไม่ตาย แต่โลงศพนี้ยังสมบูรณ์ด้วยพลังชีวิตที่เกิดจากไม้”
บนฝาโลงต้นไม้ที่มีกิ่งก้านยาวกว่าสองศอก เขียวขจีสดใส แม้ว่าจะมีใบไม้เพียงเล็กน้อยแต่พลังชีวิตของมันกลับหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย
เป็นไปได้อย่างไร มันควรจะเป็นโลงศพเมื่อหลายล้านปีก่อน ไม่ว่าพลังชีวิตของมันจะแก่กล้ามากแค่ไหนก็ควรจะดับสูญไปนานแล้ว?
“นี่คือโลงศพที่แกะสลักจากไม้ศักดิ์สิทธิ์” ปรมาจารย์แห่งหนานหลิงเปิดเผยความลึกลับ
ในเวลานี้ไม่มีสักคนเดียวที่สงบใจได้ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และยาเซียนนั้นหาเกือบจะสูญพันธุ์ไปตั้งแต่สมัยโบราณ ต่อให้ได้รับเศษผงจากไม้ของมันมันมาเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นยาต่ออายุได้นับร้อยปีเลยทีเดียว
พวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าใช้ต้นไม้เซียนขนาดใหญ่มาทำโลงศพ ในความเห็นของพวกเขานี่เป็นการฟุ่มเฟือยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ข้ารู้แล้ว เทพโบราณคนนี้ไม่เต็มใจที่จะสลายไปและต้องการฟื้นคืนชีพอีกครั้ง” ผู้ยิ่งใหญ่บางคนก็นึกถึงตำนานโบราณที่พวกเขาเคยได้ยินมา
ในขณะนั้นใบหน้าของหลายคนก็บิดเบี้ยวด้วยความกลัว ตามตำนานเคยมีคนใช้ต้นไม้เซียนต่อโลงศพของตัวเองจริงๆ
คนเหล่านั้นล้วนไม่ต้องการที่จะจากโลกนี้ไปและใช้สมบัติล้ำค่าทุกอย่างเพื่อทำให้ร่างกายของตัวเองฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง
เพียงความสามารถในการหาต้นไม้เซียนมาทำโลงศพของตัวเองก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้ที่นอนอยู่ในโลงศพแล้ว
เพราะในโลกนี้บางทีอาจมีต้นไม้เซียนไม่กี่ต้น? ตามตำนานที่พวกเขาได้ยินมีสิ่งมีชีวิตโบราณเพียงสองคนเท่านั้นที่ทำเรื่องนี้ได้
แน่นอนไม่มีใครเชื่อในบันทึกดังกล่าว ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาได้รู้ว่ามันเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก ใครจะเอาสมบัติล้ำค่าระดับนั้นมาทำเป็นโลงศพ?
แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเปลี่ยนแปลงความรู้ความเข้าใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“นี่คือ...ต้นชาโบราณแห่งการรู้แจ้ง”
ในที่สุดก็มีคนรู้จักต้นไม้ล็กๆ บนฝาโลง บนกิ่งไม้ ใบไม้ที่ห้อยอยู่สองสามใบนั้นสดใสราวกับหินโมรา มีสีและรูปร่างต่างกัน
“ไม่ผิดอย่างแน่นอน”
ทุกคนอุทาน และในขณะเดียวกันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต้นชาโบราณแห่งการรู้แจ้งยังมีอยูในภูเขาเซียน และมันก็ไม่สูญพันธุ์แต่อย่างใด
“แม้แต่โลงศพนี้ก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่า”
จากนั้นดวงตาของหลายคนก็แดงก่ำด้วยความโลภ โลงศพโบราณนี้ทั้งล้ำค่าและฟุ่มเฟือยเกินไป ตลอดชั่วอายุคนเกรงว่าจะมีผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้
“ตึง”
มีคนโจมตีอย่างกระทันหัน ตะขอเกี่ยวซึ่งสร้างจากโลหะชนิดพิเศษในมือของเขาพยายามลากโลงศพให้ตกลงมาบนพื้น
“ฮะ”
ผู้คนต่างประหลาดใจ ไม่มีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวไหลทะลักออกมาอย่างที่พวกเขาจินตนาการไว้ตั้งแต่แรก มันไม่มีความผันผวนของพลังทำลายล้างซึ่งไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
โลงศพโบราณถูกดึงลงมาอย่างราบรื่น กลิ่นอายความเป็นมงคลที่เกิดจากต้นไม้เซียนกระจัดกระจายไปรอบข้างทำให้ผู้คนรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
“แย่แล้ว! โลงศพนี้ไม่ใช่ที่มาของแรงกดดันมหาศาล เป็นไปได้ไหมที่ยังมีอย่างอื่นที่นี่?”
บนแท่นหยกกว้างใหญ่มาก มีหมอกเซียนและความโกลาหลอยู่รอบๆ ผู้คนส่งเสียงอุทานและเริ่มออกค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ถูกฝังอยู่บนลานหยกห้าสีที่พวกเขาเหยียบอยู่
หลังจากค้นหาด้วยความระมัดระวังกว่าครึ่งวัน ในที่สุดนักบวชทะเลทรายตะวันตกคนหนึ่งก็ส่งเสียงอุทานขึ้น
“อมิตาภะ มีศพของใครบางคนอยู่ที่นี่”
“ศพ?”
ผู้คนค้นพบที่มาของของแรงกดดันมหาศาลและความสยดสยองนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลงศพที่แกะสลักจากไม้เซียน มันมาจากซากศพของใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ในโลง
ศพนั้นถูกฝังอยู่ในพื้นศิลา แสงห้าสีที่ปกคลุมร่างกายของเขาทำให้ยากจะมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาไม่ให้เน่าเปื่อยคือน้ำแข็งขนาดมหึมาก้อนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าศพนี้ถูกฝังอยู่ที่นี่มากี่ล้านปีแล้ว!
น้ำแข็งชิ้นนี้พิเศษมาก แม้ว่ามันจะเย็นแต่ก็ไม่กัดกร่อนความมีชีวิตชีวา
อย่างไรก็ตามซากศพที่นอนอยู่ข้างในนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างแท้จริง เพียงรัศมีลึกลับที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนก็ยังเกิดความหวาดกลัว
ในตอนแรกการต่อสู้เพื่อแย่งชิงโลงศพกำลังจะเกิดขึ้นแล้วแท้ๆ แต่เมื่อมีซากศพถูกฝังอยู่ในที่ที่ไม่ห่างไกลกันเท่าไหร่ พวกเขากลับมีความลังเลไม่รู้จะทำอย่างไร
“ดูให้ดีก่อน นั่นไม่ใช่ศพมันไม่มีเนื้อและกระดูก”
หัวหน้านักบวชชราจากทะเลทรายตะวันตกยกมือห้ามปรามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ซากศพนี้
นี่ไม่ใช่ศพที่สมบูรณ์ แต่เป็นเพียงผิวหนังมนุษย์ที่ถูกลอกออกจากร่างกายของใครบางคน ยังคงมีเลือดห้าสีไหลออกมาจากซากศพเล็กน้อย สภาพของมันน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ผมสีม่วงยาว ผิวเรียบเนียนเป็นประกาย ยังคงความวาววับมาจนถึงทุกวันนี้ มีรอยร้าวปรากฏบนพื้นผิวของเขาเล็กน้อย เนื้อและกระดูกด้านในก็ถูกลอกออกไปหมด
เลือดห้าสีที่เปรอะเปื้อนอยู่รอบๆผิวหนังทำให้ทุกคนหวาดกลัวถึงขีดสุด สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์โบราณล้วนแล้วแต่มีเลือดสีแดงทั้งสิ้น
และเลือดห้าสีที่อยู่ตรงหน้านี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเจ้าของผิวหนังที่ถูกแช่แข็งอยู่ด้านในนั้นมาจากโลกอื่นอย่างแน่นอน
“นี่จะต้องเป็นซากศพของเทพที่เรากำลังตามหาอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเลือดเนื้อของเขาอยู่ที่ไหน ทำไมจึงเหลือเพียงผิวหนัง?”
“เลือดเนื้อของเขาอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สิ่งที่ข้าอยากรู้ตอนนี้คือเทพคนนี้มาที่โลกของเราได้อย่างไร?”
ไม่ว่าเขาจะเป็นเทพหรือไม่ก็ตาม แต่ผิวหนังชิ้นนี้ประเมินค่าไม่ได้ มันสามารถเทียบได้กับอาวุธเต๋าสุดขั้วของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
แต่ทว่าไม่มีใครกล้าลงมือโดยพลการ เพียงกลิ่นอายของผิวหนังนี้ก็แทบจะบดขยี้ร่างกายของผู้สูงสุดได้แล้ว หากมันตื่นขึ้นมาจริงๆ บางทีความตายของทุกคนที่อยู่ที่อาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“นี่เป็นผิวหนังเทพจริงๆ หรือ?”
“อาจจะเป็นหนังของจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่หรือเปล่า”
*อ้างอิงจากที่อ่านเรื่องอื่นในจักรวาลนี้ เลือดห้าสีจะเป็นของผู้อมตะ เจ็ดสีราชาอมตะ เก้าสีจักรพรรดิอมตะ