2002+2003
(พรุ่งนี้ไปธุระลงเผื่ออีกตอน)
2002 - ยุคไร้การฝึกฝนมาถึงแล้ว
ไม่มีใครคิดว่าผลลัพธ์จะจบลงเช่นนี้
ทัศนคติของอาณาจักรเซียนที่มีต่อผู้อมตะของตำหนักเซียนนั้นเย็นชาอย่างยิ่ง นี่คือการลงโทษที่ล่วงละเมิดสวรรค์ไม่แยกแยะระหว่างถูกและผิด
พยายามทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งสวรรค์การไม่ฆ่าเขาเป็นเพียงเพื่อให้เขาชดใช้ความผิด! ข้อสรุปนี้น่ากลัวมาก หมายความว่าถ้าเขาทำได้ไม่ดี บางคนจากดินแดนอมตะจะปลิดชีพเขาทันที
“ไม่คิดว่าเรื่องจะจบลงเช่นนี้! ฮวงได้รับการคุ้มครองโดยบางคนในอาณาจักรเซียนจริงๆ ผู้อมตะของตำหนักเซียนกำลังมีปัญหาใหญ่แล้ว!”
“ฮ่าฮ่า นี่เป็นการลงโทษที่เหมาะกับความชั่วช้าที่เขาก่อขึ้น! ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผู้อมตะของตำหนักเซียนยืนกรานที่จะทำร้ายฮวงความโอหังของเขาสร้างความเกลียดชังให้กับทุกคนนัก!”
เมื่อข่าวนี้ออกไป ปฏิกิริยาของทุกคนก็แตกต่างกัน มีบางคนที่มีความสุขล้นเหลือ และจากนั้นก็มีบางคนที่สูดอากาศเย็นยะเยือกเข้าไปหนักๆ
ในตอนนี้ผู้คนจากอาณาจักรเซียนกำลังถอนตัว สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดก็เช่นกัน ดังนั้นมันจึงก่อให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมากเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เก้าสวรรค์สิบพิภพจึงไม่สามารถสงบได้อีก
ก่อนหน้านี้ ตระกูลอมตะมากมายต่างพยายามรวมตัวกันเพื่อโจมตีฮวงโดยอ้างว่าเขาเป็นฆาตกรที่กระทำตามอำเภอใจ
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างนิ่งเงียบเพราะความหวาดกลัวบางตระกูลได้เลือกเส้นทางที่จะเข้าสู่อาณาจักรเซียนแล้วพวกเขาจึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์พลิกผัน
อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่ราชองการนี้ถูกประกาศออกมาก็มีสิ่งมีชีวิตทรงพลังคนหนึ่งที่มุ่งหน้าเข้าสู่ตำหนักเซียน
คราวนี้การกระทำของเขานั้นมีความแปลกประหลาดเป็นอย่างมากเพราะเขาได้มอบยาวิเศษให้กับผู้อมตะตำหนักเซียนเพื่อรักษาตัวเอง
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร สามพันแคว้นเงียบไปในทันที ผู้คนในเก้าสวรรค์ต่างก็ตกตะลึง! ความตั้งใจของผู้คนในอาณาจักรเซียนนั้นไม่เหมือนกัน
บางคนต้องการที่จะลงโทษเขาแต่บางคนกลับให้ความคุ้มครอง
“ดูเหมือนว่าต้นกำเนิดของผู้อมตะคนนั้นจะไม่ธรรมดาอย่างที่ทุกคนคิด!”
เก้าสวรรค์สิบพิภพไม่สามารถสงบลงได้ ทุกคนเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนั้นสือฮ่าวออกมาจากความสันโดษกลับมาจากส่วนลึกของจักรวาล เมื่อเขาได้ยินสิ่งเหล่านี้เขาก็ขมวดคิ้วอย่างลึกซึ้ง
ผู้ยิ่งใหญ่ที่มอบยาให้กับผู้อมตะของตำหนักเซียนนั้นคือเจ้าหนูทายาทตระกูลอมตะที่มีความมุ่งหมายต่ออาณาจักรแห่งความว่างเปล่าหรือไม่?
ก่อนหน้านี้เขาเคยส่งคนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความว่างเปล่าแต่สุดท้ายทุกคนก็ถูกสือฮ่าวจัดการจนหมดสิ้น
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่าผู้อมตะของตำหนักเซียนนี้คือทายาทของราชาอมตะคนหนึ่งในอาณาจักรเซียน!
“สวรรค์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? เขาเป็นทายาทของราชาอมตะในสมัยโบราณ?”
“มิน่าล่ะเขาถึงได้รับการคุ้มครองจากอาณาจักรเซียนถึงขนาดนี้!”
เป็นเพราะมีกองกำลังบางส่วนของอาณาจักรเซียนยังคงไม่ได้ถอนตัวจากไป ส่วนบางคนไม่สามารถกลับไปได้ตลอดชีวิตพวกเขาจึงเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา
ข่าวลือลับเหล่านี้ไม่สามารถจินตนาการได้ หากไม่ใช่ว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งย่อมไม่เปิดเผยเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ว่ากันว่าผู้อมตะของตำหนักเซียนนั้นเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ลงมาต่อสู้ในสงครามเซียนโบราณ เพียงแต่ว่าด้วยความรักตัวกลัวตายเขากลับหลบซ่อนตัวอยู่ในสามพันแคว้นโดยไม่กล้าเผชิญหน้ากับศัตรูแม้สักครั้งเดียว
นั่นคือเหตุผลที่เขายังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม ทัศนคติแบบนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับผู้เชี่ยวชาญบางคนในดินแดนอมตะ
แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทของราชาอมตะแต่เขาก็ยังถูกลงโทษไม่สามารถกลับสู่อาณาจักรเซียนได้อีกตลอดชีวิต
เช่นนั้นเขาจึงยังคงอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ
ในขณะที่ผู้อมตะอีกสามคน ก็ได้สร้างความผิดมหันต์ขึ้นพวกเขาจึงถูกลงโทษในลักษณะเดียวกัน
ในช่วงเริ่มต้นของยุคที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาค้นพบคุนเผิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงรวมตัวผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรสูงสุดมากมายทำการล้อมสังหารมัน
ว่ากันว่าสาเหตุที่พวกเขาทำการอย่างอุกอาจในครั้งนี้ก็เพราะว่าผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวดีในการเนรเทศพวกเขาออกจากอาณาจักรเซียนก็คือราชาอมตะคุนเผิงดังนั้นพวกเขาจึงทำการตอบโต้
การกระทำครั้งนี้ของพวกเขาจึงสร้างความร้าวฉานอย่างรุนแรงให้กับอาณาจักรเซียน
…
เมื่อความลับเหล่านี้ถูกเปิดเผย แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ก็ยังทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมาก
“เจ้าง่อยคนนั้นเป็นเศษสวะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจริงๆ!”
ผู้ที่มีนิสัยซื่อตรงก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา
“เฮ้ ปัญหาของฮวงตอนนี้ใหญ่ขึ้นแล้ว ผู้อมตะคนนั้นมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้แม้ว่าเขาจะไม่สามารถกลับสู่อาณาจักรเซียนแต่เขาก็ยังได้รับการคุ้มครองอยู่เสมอ”
มีผู้คนมากมายที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ใช่ว่าทุกคนในโลกจะชื่นชมยินดีกับความสำเร็จของฮวง
แค่ข่าวลือนี้ก็สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ ตระกูลต่างๆต่างเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
คชา!
สายฟ้าผ่าสีเลือดตัดผ่านท้องฟ้า ผสมผสานระหว่างเก้าสวรรค์สิบพิภพ หลายคนรู้สึกหนาวเหน็บผ่านหัวใจ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉากที่ผิดปกติที่น่ากลัวทุกประเภทปรากฏขึ้นในโลกนี้ เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เริ่มแสดงอาการผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ
บางครั้งมันก็คลุมเครือ เป็นไปไม่ได้ที่จะสัมผัส แต่บางครั้งก็รุนแรง กำลังจะโค่นล้มทุกชีวิต
ทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่าพลังโลหิตในร่างกายของตัวเองเหือดแห้งลงเรื่อยๆ!
จิตใจของพวกเขาหนาวเหน็บ แม้แต่ผู้สูงสุดก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดและกองกำลังจากอาณาจักรเซียนรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้อมตะของตำหนักเซียนและฮวงก็เปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำที่รอการปะทุ
“สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดได้ถอนตัวออกไปแล้ว ดูเถิด สสารแห่งความมืดไม่หนาทึบอีกต่อไปแล้วพวกมันเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ!”
มีคนร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติ
อย่างไรก็ตามเกิดเสียงดังสนั่นทั่วทั้งเก้าสวรรค์สิบพิภพ มีอีกส่วนหนึ่งของทวีปที่ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณที่เชื่อมโยงกัน ในที่สุดก็กลายเป็นหนึ่งเดียว
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน วิญญาณของผู้คนบางส่วนสั่นสะท้าน รู้สึกเหมือนกำลังประสบกับวันพิพากษา
นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดรีบถอยออกจากสามพันแคว้นด้วยความเร็วที่เปรียบเสมือนกับการหนีตาย
เมื่อสือฮ่าวกลับมา เขาก็ประสบกับการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้อย่างเงียบๆ แต่เขาไม่รู้สึกกลัวใดๆและไม่พยายามเข้าสู่อาณาจักรเซียนด้วย
ในระหว่างนี้ตระกูลอมตะหลายตระกูลใช้วิธีการทั้งหมดของพวกเขาเพื่อเข้าสู่ดินแดนอมตะ พวกเขาทั้งหมดต้องการออกจากโลกนี้ที่ค่อยๆปราศจากการฝึกฝน
กฎแห่งเต๋าของโลกนี้เคยเลวร้ายเป็นอย่างมาก และในเวลานี้มันยิ่งทวีความเลวร้ายมากกว่าเดิมนับร้อยเท่าพวกเขาไม่สามารถทนไหวได้อีกต่อไป
ตัวอย่างเช่นสิ่งมีชีวิตสูงสุดบางคนที่มีอายุเกือบล้านปี ตอนนี้พลังโลหิตของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วอาจจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่สิบปีก็ได้
และมีใครบางคนที่เสียชีวิตจากการนั่งสมาธิไปแล้วด้วยซ้ำ!
นี่เป็นเพียงทวีปขนาดใหญ่ที่กลับมารวมกันสามแห่งเท่านั้นแต่ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้ว หากพวกมันรวมกันทั้งหมดความรุนแรงจะมีมากแค่ไหน!
มันยากที่จะจินตนาการว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร วันนั้นจะมาถึงจริงในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน จะไม่มีผู้บ่มเพาะเหลืออยู่อีก
บัดนี้มีแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่จะตายจากการชรา!อายุขัยของพวกเขาลดลงร้อยเท่า! แล้วคนอื่นๆจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร
สือฮ่าวรอสองสามวัน แต่ไม่มีใครมาตามหาเขา ผู้อมตะของตำหนักเซียนก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเช่นกันเขาจึงเริ่มออกตามหาสหายเก่า
เป็นเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่อาณาจักรเซียน!
เขาถอนหายใจเบาๆ หลังจากการจากกันครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกเมื่อไร
ตามที่เขาได้ยิน เมื่อพวกเขาเข้าสู่ดินแดนอมตะ ประตูอันยิ่งใหญ่นั้นก็จะปิดไว้อีกนานแสนนานเพื่อป้องกันไม่ให้โลกทั้งสองใบเชื่อมต่อกันจนเกิดความเสียหายกับอาณาจักรเซียน
2003 - ทุกคนต่างแยกย้าย
สำหรับอาณาจักรเซียนพวกเขาบอกว่าเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่สั้นๆสำหรับพวกเขานั้นบางทีอาจจะเป็นครึ่งยุคที่ยิ่งใหญ่ หรือกระทั่งถึงยุคที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดก็เป็นได้!
การแยกจากกันอันยาวนานนี้เทียบเท่ากับการจากลาชั่วนิรันดร์ไปแล้ว
ถ้าสือฮ่าวไม่อาจเข้าสู่อาณาจักรเซียนเขาอาจตายด้วยความชราในโลกนี้
หากว่าเขาไม่สามารถกลายเป็นผู้อมตะท้ายที่สุดเขาก็จะมีอายุเพียงหมื่นปีเท่านั้น!
หากยุคที่โหดร้ายและรุนแรงกว่านั้นมาถึงบางทีผู้สูงสุดอย่างเขาอาจมีอายุเพียงไม่กี่พันปี
ตามที่เขารู้ชิงยี่และสำนักเสริมฟ้ากำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเซียนนี่เป็นข่าวที่ยืนยันแน่นอนแล้ว ส่วนสำนักแยกฟ้าและตระกูลหวังยังคงรอการยืนยันอยู่
ราชันย์สิบสมัย ผู้อมตะที่ถูกเนรเทศ หลานเซียน สือยี่ ฉวีโต้ว และทายาทของตระกูลอมตะของเมืองจักรพรรดิล้วนได้รับการเลือกตัวให้กลายเป็นศิษย์ทายาทของมหาอำนาจของอาณาจักรเซียนทั้งสิ้น
สหายทั้งหลายทั้งปวงของสือฮ่าวล้วนแล้วแต่มุ่งหน้าเข้าสู่อาณาจักรเซียน!
โลกนี้จะถูกละทิ้งหรือไม่?
สือฮ่าวถอนหายใจหลายคนกำลังจะทอดทิ้งโลกนี้เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรหลงเหลืออยู่ต่อไปหากปราศจากการฝึกฝน เมื่ออายุที่ลดลงจนไม่สามารถบ่มเพาะได้ยังจะพูดเรื่องการบรรลุถึงความเป็นอมตะอะไรอีก?
สายลมแผ่วเบาพัดผ่านมา สือฮ่าวเริ่มเคลื่อนไหว เหยียบใบไม้สีเหลืองก้าวไปข้างหน้า
"ข้าจะไปแล้ว." จู่ๆเจ้าหมาน้อยก็พูดแบบนี้
“ไปไหน?” สิ่งที่ทำให้สือฮ่าวตกใจเล็กน้อยคือเมื่อเขาตื่นขึ้น สุนัขตัวน้อยตัวนี้กำลังจะจากไปอย่างกะทันหัน
แม้ว่ามันจะค่อนข้างดุร้ายและเจ้าเล่ห์ แต่ภูมิหลังของมันก็ลึกลับ หลังจากที่ติดตามเขามาสองสามเดือน พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรบางอย่างขึ้น
“ดินแดนอมตะ” เจ้าหมาน้อยพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่อย่างมาก มันตัดความกังวลใจในอดีตออกจนหมดสิ้น ที่แสดงออกมามีเพียงอารมณ์อันหนักอึ้งของมันเท่านั้น
อารมณ์แบบนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“การแสดงออกอย่างจริงจังนั้นไม่ใช่ตัวตนของเจ้า” สือฮ่าวกล่าว
“ใครจะสามารถมองทะลุใคร ใครสามารถซ่อนทุกสิ่งได้ โลกนี้ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เสียงหัวเราะและช่วงเวลาดีๆของเราในช่วงเวลาหนึ่งจะกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น” สุนัขน้อยรำพึงกับตัวเอง
สือฮ่าวรู้สึกตกใจกับท่าทีของมัน?
“ทำไมต้องไปดินแดนอมตะอย่างกะทันหัน?” สือฮ่าวถาม
“นั่นเป็นบ้านของข้า มีเรื่องราวบางอย่างที่ข้าลืมไปแล้วข้าต้องค้นหามันให้เจอ” สุนัขน้อยได้ตอบกลับ
ตามที่กล่าวไว้ ยุคที่ปราศจากการบ่มเพาะกำลังจะมาถึง ประตูของอาณาจักรเซียนกำลังจะปิดลงอย่างสมบูรณ์ถ้าไม่กลับไปในตอนนี้จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
“ศัตรูของเจ้าอาจจะรออยู่ที่นั่น?” สือฮ่าวเตือน สิ่งที่เรียกว่าสัตว์เลี้ยงมนุษย์นั้นบรรลุความเป็นอมตะมานานแล้ว
ถ้าเขาพบว่าสุนัขตัวน้อยกลับไปที่อาณาจักรเซียนนั่นจะเป็นความหายนะของมันอย่างแท้จริง
“ต่อให้ต้องตายข้าก็ต้องกลับไป ราชาอมตะไร้สิ้นสุดมีบุญคุณกับข้าอย่างใหญ่หลวง ข้าต้องตอบแทนน้ำใจของเขา” หมาน้อยตอบกลับ
ตอนนี้ มันไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นราชาอมตะอีกต่อไป ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งและโอ้อวดแม้แต่น้อย
“ราชาอมตะไร้สิ้นสุดแม้ว่าเขาจะมาจากเก้าสวรรค์สิบพิภพแต่เขาก็ยังมีโอกาสได้ไปเยือนอาณาจักรเซียนเพื่อค้นหาเต๋าอันยิ่งใหญ่ หากเจ้าคิดได้เจ้าก็ควรจะไปที่นั่นเช่นกัน”
เมื่อสือฮ่าวได้ยินเรื่องนี้เขาก็ค่อนข้างตกใจ ราชาอมตะไร้สิ้นสุดยังมีอะไรที่ให้เขาต้องศึกษาอีก?
“เขาเชี่ยวชาญในเต๋าที่ยิ่งใหญ่ของกาลเวลาก็จริง ต่อมาเขาได้ร่วมศึกษากฎเกณฑ์และพฤติกรรมของธรรมชาติด้วยกันกับราชาอมตะหกสังสารวัฏ”
“พฤติกรรมของธรรมชาติ?” ความสนใจของสือฮ่าวถูกดึงไปอย่างรวดเร็ว
“หลังจากการล่มสลายของยุคจักรพรรดิ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจนเกิดยุคเซียนโบราณ จากนั้นก็เกิดยุคที่ยิ่งใหญ่เจ้าไม่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือ” หมาน้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่จมดิ่ง
"เจ้าพยายามจะพูดอะไร?" การแสดงออกของสือฮ่าวจริงจังและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เรื่องนี้มีความสำคัญมากเกินไปมันจึงสามารถดึงดูดความสนใจของเขา
“เริ่มจากยุคที่จักรพรรดิร่วงหล่นได้ล่มสลายไป ต่อมาเหตุการณ์เช่นตอนนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในตอนที่เริ่มต้นยุคโบราณ การเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ใช่การเกิดใหม่อย่างนั้นหรือ?” เจ้าหมาน้อยกล่าว
“ในทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงยุคจะมีผู้ยิ่งใหญ่บางคนออกมาประลองฝีมือกัน? ผู้ที่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมคือผู้ที่ผลักดันวงจรนี้หรือว่าแท้ที่จริงพวกเขาเป็นคนที่สามารถกลับชาติมาเกิด?” หมาน้อยพูดกับตัวเอง
สือฮ่าวรู้สึกมึนงงเล็กน้อยด้วยระดับบ่มเพาะของเขายังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่มันก็เผยให้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง
สิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนงำที่ราชาอมตะไร้สิ้นสุดและราชาอมตะหกสังสารวัฏพยายามค้นหาคำตอบมาโดยตลอด
“มันเป็นเหตุการณ์ที่หมุนวนมาเกิดใหม่หรือเป็นคนที่กลับชาติมาเกิดกันแน่” เจ้าหมาน้อยพูดต่อ
“เจ้าต้องการทราบสิ่งเหล่านี้ในดินแดนอมตะหรือ?” สือฮ่าวถาม
“ทักษะเต๋าของตัวข้าไม่มีทางค้นหาความจริงเรื่องนี้ได้สำเร็จ ต่อให้ข้ามีอายุอีกหลายร้อยล้านปีก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาตัวเองไปจนถึงระดับของราชาอมตะไร้สิ้นสุดแล้วข้าจะทำอะไรได้” เจ้าหมาน้อยส่ายหัว
“แล้วเจ้าอยากได้อะไร” ซือห่าวรู้สึกสับสน
“ข้าเพียงต้องการค้นหาราชาอมตะไร้สิ้นสุด ข้าไม่อยากให้เขาตาย” เจ้าหมาน้อยแบกรับความเศร้าโศกและคร่ำครวญออกมา
สือฮ่าวตกตะลึง ราชาอมตะไร้สิ้นสุดไม่ใช่ว่าตายแล้วหรือ? เลือดของเขาเปียกโชกธงสงครามร่างกายถูกฝังอยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ แม้แต่ระฆังที่เป็นอาวุธประจำตัวของเขาก็ยังพังพินาศ
“เขาตายไปแล้ว แต่ข้ารับไม่ได้!” สุนัขตัวน้อยส่งเสียงคำรามต่ำ อารมณ์ของมันจมดิ่ง แบกรับความเศร้าโศกที่ทอดยาวข้ามเวลาไม่รู้จบ
สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง แม้ว่ามันจะไป มันก็ยังคงไร้ความหมาย แต่ว่าในที่สุดสือฮ่าวก็ไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงตบบ่ามันเบาๆ
“มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าสามารถทำได้” เจ้าหมาน้อยกล่าว
มันไม่สามารถเข้าใจความสำเร็จของที่ยิ่งใหญ่ของราชาอมตะไร้สิ้นสุดรวมถึงผลงานที่เขาร่วมค้นคว้ากับราชาอมตะหกสังสารวัฏ
เพียงแต่มันก็ต้องการค้นหาผลงานชิ้นนี้บางทีอาจจะได้รับคำตอบในการคืนชีพให้เขา
แม้จะรู้ดีว่ามันไม่มีทางเข้าใจเหตุผลของเรื่องนี้แต่มันเชื่อว่าอาณาจักรเซียนจะทำให้มันพัฒนาขึ้นจนสามารถเข้าใจได้
“มีที่แห่งหนึ่งที่สามารถพบราชาอมตะไร้สิ้นสุดได้อีกครั้ง!” ดวงตาของสุนัขตัวน้อยค่อยๆมีความแน่วแน่มากขึ้นเรื่อยๆ
มีสถานที่แบบนั้นจริงๆ?
“สถานที่แห่งนั้นเชื่อมโยงกับสวรรค์ อดีตและปัจจุบันรวมถึงโลกวิญญาณบางทีมันอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้!” เจ้าหมาน้อยพูดอย่างหนักแน่น
ที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันไร้จุดจบคือบ้านเกิดที่แท้จริงของราชาอมตะไร้สิ้นสุดในตอนที่เขาเกิดมา
ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการไปที่นั่นและสำรวจสถานที่ให้ทั่วถึง
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำได้สำเร็จ เนื่องจากการต่อสู้ที่ชายแดนรกร้างปะทุขึ้นอย่างรุนแรงในที่สุดพวกเขาทุกคนก็ร่วงหล่นลงที่นั่น
“ลาก่อน เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกอย่างแน่นอน มีความทรงจำบางอย่างของข้าเกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นความทรงจำในอดีตหรืออนาคตกันแน่”
ก่อนออกเดินทางสุนัขตัวน้อยหันไปจ้องที่สือฮ่าวด้วยท่าทางจริงจัง
ในความเป็นจริงสือฮ่าวสามารถบอกได้ว่าสุนัขตัวน้อยตัวนี้ให้การยกย่องตัวเขาเป็นอย่างมากตั้งแต่พบกันครั้งแรก
โดยปกติแล้วมันจะเรียกผู้อื่นว่าสัตว์เลี้ยงมนุษย์โดยไม่เว้นแม้แต่ผู้อมตะ แต่สำหรับตัวเขามันกลับให้เกียรติอยู่เสมอถือว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกัน
บางทีมันอาจจะหวาดกลัวต่อศักยภาพของเขาก็เป็นได้
“เจ้าอาจจะเคยเห็นข้าในมุมมองหนึ่งของอนาคต” สือฮ่าวกล่าว
“เจ้ารู้ไหมว่าร่างกายของข้าก่อนหน้านี้ถูกทำลายไปแล้ว เมื่อข้าถูกฝังอยู่ตรงนั้นวิญญาณดั้งเดิมของข้าก็สลายไปแทบไม่เหลืออะไรเลย
แม้ว่าสถานที่แห่งนั้นจะมีคุณสมบัติในการหล่อเลี้ยงศพโดยธรรมชาติ แต่หลังจากการถูกฝังมาอย่างยาวนานข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังเป็นข้าอยู่หรือไม่
เจตจำนงของข้ายังคงเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าความทรงจำแทบจะสูญหายไปหมด” เจ้าหมาน้อยพูดพร้อมก้มหัวลง
คำพูดของมันหนักหน่วง แบกรับความเศร้าที่อธิบายไม่ได้
เป็นเพราะมันตายไปแล้วในการต่อสู้ครั้งนั้น! ในตอนนี้มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่พร้อมกับซากศพเดินได้
จากมุมมองหนึ่ง มันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในอดีตอีกต่อไป ความทรงจำที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของมันก็ท้าทายสวรรค์มากพอแล้ว!