บทที่ 778 มีเสน่ห์(ตอนฟรี)
บทที่ 778 มีเสน่ห์
“ฉันจะไปยั่วยวนอะไรคุณได้!” โจวเฟยเฟยพูดด้วยอารมณ์ที่แฝงไปด้วยความขุ่นเคืองบางอย่าง เธอจ้องมองจี้เฟิงด้วยดวงตากลมโตของเธอและพูดว่า “ขนาดเห็นร่างกายฉันตอนเปลือยเปล่าคุณยังไม่มีทีท่าอะไรเลย ฉันยังต้องยั่วยวนคุณอีกเหรอ? ฉันเกรงว่า ในสายตาคุณ ไม่ว่าฉันจะสวมเสื้อผ้าหรือไม่ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยใช่มั้ย?”
แม้ว่าโจวเฟยเฟยในเวลานี้จะสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด แต่กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายเธอรวมไปถึงความนุ่มนวลในแบบฉบับของผู้หญิงและเสน่ห์เฉพาะตัวของเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเร้าที่ไปกระตุ้นจี้เฟิงโดยตรง มันปลุกไฟในหัวใจของเขาให้ตื่นขึ้น
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่แสดงออกให้มากที่สุดแล้วกล่าวว่า “ในตอนนั้นมันเป็นสถานการณ์พิเศษ แต่ไม่ว่าอย่างไร คุณก็เป็นผู้หญิงที่สวยมาก มันจะไม่แตกต่างกันได้ยังไง!”
“จริงเหรอ?!” โจวเฟยเฟยถาม
“จริงสิ ผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนนึงนะ จะไม่ให้ผมหวั่นไหวเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงสวยๆเลยได้ยังไง!” จี้เฟิงหัวเราะ
แสงไฟสลัวๆของลานจอดรถส่องเข้ามาในรถ ทำให้ใบหน้าของโจวเฟยเฟยดูพร่ามัวแต่กลับมีเสน่ห์ที่น่าค้นหามากยิ่งขึ้น เธอกะพริบตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของจี้เฟิงพยายามจะจับผิดว่าเขากำลังโกหกหรือไม่
แต่ใบหน้าของจี้เฟิงนั้นปกติดีทุกอย่าง เธอมองไม่เห็นความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
“คุณพูดจริงๆนะ!” โจวเฟยเฟยยิ้มหวานและกลับไปนั่งตัวตรง ซึ่งทำให้สายตาของจี้เฟิงมองตามไปอย่างช่วยไม่ได้
ยอมรับตามตรงว่าโจวเฟยเฟยเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีอยู่ในอันดับต้นๆเลยทีเดียว เธอมีเอกลักษณ์ของตัวเองและแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆที่จี้เฟิงเคยเห็น
เธอเป็นคนฉลาด ตรงไปตรงมากว่าที่คิด และรู้จักใช้เสน่ห์ยั่วยวนได้เซ็กซี่มาก!
ในการเผชิญหน้ากับผู้หญิงเช่นนี้ ผู้ชายธรรมดาต่างก็ต้องรู้สึกดีและมีความสุข มันไม่เชิงเป็นความรู้สึกที่ไขว้เขว แต่เป็นการชื่นชมในรูปแบบหนึ่ง
จี้เฟิงก็เช่นกัน ในขณะที่เขานึกชื่นชมเธออยู่ในใจ เขาก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก!
ในเวลานั้น ตอนที่อยู่มณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง จี้เฟิงรู้สึกหงุดหงิดมาก เป็นเพราะเขาได้เห็นการกระทำที่เลวร้ายของโจวซื่อหลิน ดังนั้นจี้เฟิงจึงพลอยรู้สึกอคติกับโจวเฟยเฟยไปโดยปริยาย ในตอนนั้นอย่าว่าแต่โจวเฟยเฟยมาพิงแขนเขาแบบนี้เลย เพราะขนาดแก้ผ้าพลีกาย จี้เฟิงก็เพิกเฉยมาแล้ว!
แม้ว่าโจวเฟยเฟยจะถือว่าเป็นสาวงามที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่มากก็ตาม...
แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ แล้วโจวเฟยเฟยมายั่วยวนจี้เฟิงมากเข้า เขาจะต้องมีปฏิกิริยาตามปกติอย่างแน่นอน อันที่จริงแล้ว ขอแค่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง หากต้องมาเผชิญกับการยั่วยวนโดยผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์เช่นนี้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะอดใจไหว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนั้นมันไม่ปกติ และถ้าเป็นคนที่จี้เฟิงเกลียด ต่อให้สวยยิ่งกว่านางฟ้าเขาก็ไม่สนใจ
ที่สำคัญ การสนใจก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องอะไร ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายส่วนใหญ่ชื่นชอบผู้หญิงสวย แต่การที่เขาชอบผู้หญิงสวยๆไม่ได้หมายความว่าต้องคบหาดูใจกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่มีแฟนหรือภรรยาแล้ว
และใครก็ตามที่มีจิตสำนึกที่ดี จริงใจและรู้จักรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคู่ครองตนเอง เขาก็จะไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างแน่นอน
บางคนอาจจะแย่กว่านั้นเล็กน้อย พวกเขาอาจมีกิเลสอยู่ในใจ แต่อย่างมากพวกเขาก็แค่พูดจีบแซวผู้หญิงคนอื่นๆ แต่เมื่อพูดถึงการกระทำจริงๆ พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ทำมัน!
แน่นอนว่ามันแตกต่างออกไปสำหรับผู้ชายที่มีหัวคิดที่ดี แต่หัวคิดส่วนล่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะเมื่อตกอยู่สถานการณ์ล่อใจ มันก็ยากที่จะต่อต้านความต้องการของร่างกาย และเมื่อภรรยาที่บ้านล่วงรู้เข้า การเลิกราจึงเป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
จี้เฟิงก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบผู้หญิงสวยๆ และถ้าหากตกไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจริงๆเขาจะไม่มีวันทำมัน ทุกวันนี้แค่มีเซียวหยูซวนและถงเล่ยอยู่เคียงข้าง เขาก็พอใจแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสื่อสารประเภทนี้ไม่มีเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกมาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย มันก็แค่การสื่อสารทางกายภาพเท่านั้น และจี้เฟิงก็ไม่ได้สนใจเลย!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับคำถามของโจวเฟยเฟย จี้เฟิงไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน โดยเฉพาะคำถามที่มาพร้อมกับการประชิดถึงเนื้อถึงตัวของโจวเฟยเฟย มันเป็นสิ่งกระตุ้นไฟชั่วร้ายในใจที่ควบคุมไม่ได้ของจี้เฟิง
แต่เมื่อโจวเฟยเฟยกลับไปนั่งตัวตรง จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่อย่างนั้นจี้เฟิงคงต้องอดทนอย่างยากลำบากในขณะที่มีหน้าอกของสาวสวยแนบชิดติดแขนของเขาแบบนี้
“อืม...” จี้เฟิงกระแอมไอ “ว่าแต่ที่ประธานโจวขอให้ผมอยู่ต่อ คงไม่ใช่แค่เพราะจะชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเหอหงเหว่ยแค่นั้นใช่มั้ย? ถ้าประธานโจวมีธุระอะไรอยากจะพูดก็พูดมาได้เลยนะ!”
“ต้องมีธุระเท่านั้นเหรอเราถึงจะนั่งคุยกันได้?” โจวเฟยเฟยกลอกตาใส่เขาแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้เรียกฉันว่าเฟยเฟย! ฉันไม่ชอบคุณให้เรียกแบบนี้!”
“โอเคๆ ผมก็ไม่ค่อยชินกับอะไรที่เป็นทางการเหมือนกัน!” จี้เฟิงหัวเราะ
“ดีมาก!” โจวเฟยเฟยยิ้มหวาน จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นเล็กน้อย “อันที่จริงที่ฉันชวนคุณให้อยู่ต่อ เป็นเพราะฉันมีธุระจะคุยกับคุณนั่นแหละ”
“ธุระเรื่องอะไร?” จี้เฟิงถาม
“ฉันต้องการที่จะทำธุรกิจร่วมกับคุณ!” โจวเฟยเฟยกล่าวเข้าประเด็นทันที “พูดให้ถูกต้องมันควรจะเป็นการติดต่อขอความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง เฉิงซื่อจี๋กรุ๊ปและโรงงานผลิตยาเซียวของคุณ!”
เมื่อจี้เฟิงได้ยินเรื่องนี้ คิ้วของเขาก็ย่นเข้าหากันเล็กน้อยทันที “ก่อนอื่น ผมต้องขอแก้ไขบางอย่างก่อน โรงงานเซียวไม่ใช่ของผม แต่เป็นของแฟนผม นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเฉิงซื่อจี๋ของตระกูลโจวของคุณ ดูแลควบคุมเหยียนไท่กรุ๊ปโดยตรง ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นวิจัยและพัฒนายา! โจว... เฟยเฟย เรื่องนี้ มันเหมาะสมแล้วงั้นเหรอที่เฉิงซื่อจี๋จะร่วมงานกับโรงงานเซียว?”
เหยียนไท่กรุ๊ปในมณฑลเจียงซูเจ้อเจียงและหางโจว ถือได้ว่าเป็นกลุ่มเภสัชกรรมขนาดใหญ่ พวกเขาร่วมมือกับบริษัทยาทั่วประเทศและมีช่องทางการขายมากมาย ในแง่ของความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าดีมากอยู่แล้ว เทียบได้กับโรงงานยาขนาดใหญ่ของรัฐเลยทีเดียว
และถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เซียวฉางเหอคงไม่ไปที่เหยียนไท่กรุ๊ปเพื่อขอความร่วมมือทางธุรกิจ
ลองคิดดูว่า ในฐานะผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของเหยียนไท่กรุ๊ป เฉิงซื่อจี๋ของตระกูลโจวจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน? ทุกอย่างมันชัดเจนในตัวของมันเองอยู่แล้ว และภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว โจวเฟยเฟยกลับมาพูดว่าเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ปต้องการจะร่วมมือกับโรงงานผลิตยาเล็กๆอย่างโรงงานเซียว สิ่งนี้เป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือ?
มันเหมือนกับผู้ใหญ่ที่ต้องทำงานร่วมกับเด็กน้อยวัยเตาะแตะ มันจะไปด้วยกันได้อย่างไร!
แม้ว่านี่จะเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับบริษัทยาขนาดเล็กที่จะได้ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ป แต่จี้เฟิงกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะนอกจากความแตกต่างทางด้านความแข็งแกร่งแล้ว ทั้งเหยียนไท่กรุ๊ปและโรงงานเซียวต่างก็เป็นองค์กรที่มีการผลิตยาเป็นหลัก ไม่มีที่ว่างสำหรับความร่วมมือระหว่างสององค์กร!
“คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว เหยียนไท่กรุ๊ปเป็นกลุ่มเภสัชกรรม โจวเฟยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย”อย่างไรก็ตาม เฉิงซื่อจี๋กรุ๊ปไม่เพียงแต่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการวิจัย พัฒนายาและผลิตยาเท่านั้น แต่เรายังมีตัวแทนการขายยา ช่องทางการขาย ตลอดจนธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆอีกหลายแห่ง และโรงงานเซียวกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีอะไรที่ไม่เหมาะสมสำหรับความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายอีกล่ะ?”
“ทำไมคุณถึงเลือกที่จะร่วมมือทางธุรกิจกับโรงงานเซียว?” จี้เฟิงยังคงรู้จักอึดอัดเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามเหตุผล
“นายน้อยจี้ คุณน่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าในปัจจุบัน ความนิยมในคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ที่ผลิตโดยโรงงานเซียวนั้นเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ ฉันคิดว่าไม่มีบริษัทยาไหนที่รู้เรื่องนี้แล้วจะนั่งติดเก้าอี้ได้ แล้วแบบนั้นเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ปจะพลาดโอกาสดังกล่าวได้ยังไง?” โจวเฟยเฟยเม้มริมฝีปากและยิ้ม “คุณไม่ต้องเป็นกังวล ฉันไม่โลภมากหรอก ฉันแค่ต้องการสิทธิ์ตัวแทนขายแค่ในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงเท่านั้น!”
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “สำหรับเรื่องนี้ ผมคิดว่าคุณควรไปที่โรงงานเซียวโดยตรง”
“นายน้อยจี้ อย่าพูดเฉไฉในขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้กันดีเลย ถ้าฉันได้รับการสนับสนุนจากนายน้อยจี้ มันจะทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นว่าการไปขอความร่วมมือกับโรงงานผลิตยาเซียวจะประสบความสำเร็จ แต่ถ้านายน้อยจี้ไม่พยักหน้าเห็นด้วย ฉันคิดว่าการไปที่โรงงานผลิตยาเซียวก็เป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่า” โจวเฟยเฟยกล่าว
จี้เฟิงอดยิ้มไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าโจวเฟยเฟยรู้อยู่แล้วว่าโรงงานผลิตยาเซียวแห่งนี้เป็นของเขา แต่การรู้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเจ้านายที่แท้จริงของโรงงานเซียวฟามาซูติคอลคือเขา แต่ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ เมื่อว่ากันตามกฎหมายแล้ว มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
อย่างมากที่สุด สิ่งที่เขาจะเกี่ยวข้องกับโรงงานเซียวก็คือการเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของโรงงานผลิตยาเซียวเท่านั้น!
แต่เนื่องจากโจวเฟยเฟยก็พูดมาขนาดนี้แล้ว จี้เฟิงเองก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจของเธอว่าเธอต้องการที่จะร่วมมือด้วยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงยังคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย ถ้าพูดกันตามหลักเหตุผล ถ้าเฉิงซี่อจี๋กรุ๊ปได้สิทธิ์ตัวแทนของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงไปจริงๆ มันก็สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับพวกเขาได้อย่างแน่นอน ไม่มีทางที่จะผิดไปจากนี้ แต่ปัญหาคือ ด้วยขนาดทรัพย์สินของเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ป การได้สิทธิตัวแทนขายนี้ไม่น่าจะมีความสำคัญต่อโจวเฟยเฟยขนาดนั้น
ไม่จำเป็นเลยที่โจวเฟยเฟยจะต้องมาหาเขาโดยเฉพาะ และเนื่องจากเขาตัดสายเธอโดยไม่ได้ตั้งใจและยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน เธอจึงไปหาเหอหงเหว่ยให้เขาเป็นตัวกลาง
ด้วยการกระทำที่ดูจะพยายามมากเกินไปหน่อยขนาดนี้ เพียงแค่เพราะต้องการได้รับสิทธิ์ตัวแทนขายคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงจริงๆน่ะหรือ?
“นายน้อยจี้ โปรดเชื่อในความจริงใจของฉันด้วย จากความนิยมในปัจจุบันของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ ยอดขายเป็นอะไรที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว ดังนั้นหากพูดกันตามจริง สิ่งนี้ถือได้ว่าเรามีข้อได้เปรียบที่ใช้ประโยชน์จากนายน้อยจี้ ดังนั้นฉันจึงต้องการให้นายน้อยจี้เห็นด้วย!” โจวเฟยเฟยยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“ฮ่าๆๆ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าคำพูดของโจวเฟยเฟยเป็นคำชมที่ค่อนข้างจะโอเวอร์เกินไปหน่อย แม้ว่ายอดขายของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์จะฮอตมาก แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่
นอกจากนี้ ด้วยจุดแข็งของเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ป ความร่วมมือกับโรงงานเซียวจะช่วยโรงงานเซียวได้มาก พูดให้ถูกต้องควรจะเป็นโรงงานเซียวมากกว่าที่ได้ใช้ประโยชน์จากเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ป!
“โอเค ผมจะไปแนะนำที่โรงงานเซียวให้ คุณก็ส่งคนไปคุยอีกทีก็แล้วกัน!” จี้เฟิงกล่าว “อย่างไรก็ตาม ผมเป็นแค่ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เท่านั้น การเจรจาขอความร่วมมือจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของทางฝ่ายคุณแล้ว!”
จี้เฟิงพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็เห็นด้วย เนื่องจากในความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย ทางโรงงานเซียวมีแต่จะได้ผลประโยชน์
นอกจากนี้ ความสามารถในการมีความสัมพันธ์กับเฉิงซื่อจี๋กรุ๊ป จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาโรงงานเซียวในอนาคต!
แน่นอนว่าจี้เฟิงยังไม่สามารถแยกแยะออกได้ทั้งหมดว่าการที่โจวเฟยเฟยทำเช่นนี้นั้นมีจุดประสงค์อื่นๆอีกหรือไม่ แต่ในปัจจุบัน จี้เฟิงไม่สามารถคิดได้ว่าโจวเฟยเฟยมีแผนการอะไรบางอย่างเกี่ยวกับโรงงานเซียว เพราะเทียบกันแล้วฝ่ายที่มีแต่จะเสียก็คือฝ่ายที่ใหญ่กว่า และที่สำคัญกว่านั้น จี้เฟิงไม่กลัวแผนชั่วร้ายของอีกฝ่าย
“ขอบคุณมากค่ะนายน้อยจี้!” โจวเฟยเฟยดีใจมาก เธอยิ้มหวานออกมาทันที ความสดใสของเธอมันทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะใจเต้นเล็กน้อย
เขากระแอมไอเบาๆแล้วรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นไม่กล้ามองต่อ ที่สำคัญเขาก็ดื่มไวน์ไปไม่น้อย มันทำให้ไฟที่ชั่วร้ายในใจของเขามันพร้อมจะปะทุตลอดเวลา และถ้าหากเขายังจ้องมองความงามในแสงไฟสลัวอยู่แบบนี้ เขากลัวว่าจะเผลอทำอะไรบางอย่างลงไป
....จบบทที่ 778 ~