ตอนที่ 196 ความโกรธของหวางหมันหยู!!
บ้านเกิดของพวกเขาอยู่ใกล้กับรัฐเซียมาก น่าจะคุ้นชินกับพื้นที่แถวนั้นไม่มากก็น้อย ถ้าได้คนที่เป็นคนชำนาญในพื้นที่ตรงนั้น การทำธุรกิจที่นั่นหรือการค้ากับต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
หลังจากพูดคุยกับซงหมิงเจียงและคนอื่นๆเสร็จ ซูข่านก็ได้โบกมือไล่พวกเขากลับไปพักผ่อนที่ห้อง วันนี้พวกนั้นได้ทำเรื่องเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ซูข่านมองไปที่นาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาตี 2
เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเดินไปปิดผ้าม่าน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงและหลับอย่างรวดเร็ว
วันต่อมาซูข่านตื่นขึ้น เขาเปิดทีวีเพื่อตามข่าวสาร
"เหตุการณ์เมื่อเย็นวานนี้ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในย่านกลางเมืองค่ะคุณผู้ชม เราไปฟังรายละเอียดพร้อมภาพกันนะคะ"
"เมื่อวานช่วงเวลาเย็น มีรถยนต์คันหนึ่งได้พุ่งชนต้นไม้อย่างแรง ทีมกู้ภัยและตำรวจรีบเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุทันที ที่เกิดเหตุพบชายหนุ่มสลบคาที่นั่งคนขับอยู่ ทางทีมกู้ภัยได้เร่งทำการช่วยเหลือและส่งโรงพยาบาลโดยทันที"
"ทางตำรวจถึงที่เกิดเหตุก่อน เขาพบเห็นชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัสติดอยู่ในรถ เขาคือฮงจินหมิงแห่งอสังหาจงเฮง พวกเขาไม่สามารถทำการช่วยเหลือได้จนต้องรอทีมกู้ภัยมาเอาตัวเขาออกและส่งโรงพยาบาล"
"ทางโรงพบาลแจ้งว่า อาการของเขาดูน่าเป็นห่วงมาก สมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง เขาอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราได้ สำหรับข่าวต่อไป……."
หลังจากเห็นข่าวแล้ว สีหน้าของซูข่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว เขาไม่สนใจในตัวฮงจินหมิงเลยแม้แต่น้อย
ที่ซูข่านสนใจมากกว่าคือหุ้นของอสังหาจงเฮงจะเป็นยังไง ลูกชายของเขาประสบอุบัติเหตุจนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น ซูข่านรีบเปลี่ยนทีวีไปเปลี่ยนช่องการเงินทันที
ปรากฏว่าหุ้นของอสังหาริมทรัมย์จงเฮงร่วงหนักมาก!!
ณ เวลาปัจจุบันหุ้นของอสังหาริมทรัพย์หลายเจ้าในฮ่องกงล้วนแข่งกันทำสถิติใหม่ตลอด ทั้งหมดพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเพียงหุ้นของอสังหาจงเฮงเท่านั้นที่ร่วงลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ตลาดเปิดซื้อขาย หุ้นของอสังหาจงเฮงถูกขายออกจำวนนับไม่ถ้วน
ช่วงตลาดปิดในตอนเช้า มูลค่าโดยรวมลดไปแล้วอย่างน้อย 10% ซึ่งเป็นการสวนทางอย่างมากในตลาดอสังหาฮ่องกง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากตลาดเปิดในช่วงบ่ายมูลค่าหุ้นโดยรวมลดลงไปอีกประมาณ 5 %
บริษัทว่านเซี่ยงได้ทำการชอร์ตหุ้นของอสังหาจงเฮงวันก่อน ตอนนี้หุ้นของอสังหาจงเฮงลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทว่านเซี่ยงทำกำไรได้จำนวนมาก
น่าเสียดายที่พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ตลาดหุ้นปิด ไม่อย่างงั้นหุ้นของจงเฮงจะต้องลดลงอีกแน่
ซูข่านคิดว่ายังพอมีเวลาอยู่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเซียงเจียงยังสูงเกินไปที่จะเข้าในตอนนี้ ตลาดกำลังทำกำไรได้ต่อเนื่องรัวๆ และขึ้นจนไม่มีทีท่าจะลง
การเข้าซื้ออสังหาริมทรัยพ์อื่นในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการที่เอาเงินไปโยนทิ้ง
ที่บริษัทว่านเซี่ยง หลู่เฉียนซานก็ได้ทำตามกิตวัตรประจำของเธอต่อและก็ได้ทำตามคำแนะนำของซูข่านบ้าง เขาได้โทรไปสั่งการทุกอย่างผ่านโทรศัพท์ในห้อง
ในเวลานี้จางหม่านและหลี่เสว่เอ๋อเลขาของเธอ ก็ได้ขึ้นเครื่องบินตรงดิ่งไปที่สหรัฐอเมริกา พวกเธอทั้งสองกำลังเดินทางไปหาไมโครซอฟต์และแอปเปิ้ล
ทางด้านสูเจิ้งเหมาหลังจากได้รับเงินทุน 500 ล้านจากบริษัทว่านเซี่ยงเขาก็ได้แบ่งปันสัดส่วนหุ้นใหม่อีกครั้ง
เขาดูสนุกกับงานใหม่ที่ซูข่านมอบให้เขาทำมาก เงิน 500 สำหรับสร้างตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีน
ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางกันหมดแล้ว
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันอังคาร ราคาน้ำมันขึ้นอีกสัก 1-2 ดอลล่าห์ต่อบาร์เรล
ซูข่านเห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นราคาที่สูงสุดของมันแล้ว เขาได้ส่งข้อความหาหลู่เฉียนซานและให้เธอขายฟิวเจอร์น้ำมันทิ้งให้หมดอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาได้โทรหาหวางหมันหยูจาก HSBC
"คุณซู"
เสียงนุ่มนวลของหวางมันหยูได้ดังขึ้น หลังจากที่แยกทางกับซูข่านตอนมาห้องอาหารของโรงเพนนินซูล่า หวางหมันหยูก็ไม่ได้พบกับซูข่านอีกเลย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอยังคงทำงานอยู่ที่ HSBC ของเธอและบริหารฟิวเจอร์น้ำมันที่เหลืออยู่ และที่สำคัญที่สุดก็คือซูข่านไม่เคยชวนเธอมาดื่มกาแฟเพื่อพูดคุยอะไรกันเลย
หวางหมันหยูรู้สึกกังวลอยู่ลึกๆภายในใจ
"ฮึ่ม!"
เมื่อได้ยินเสียงของซูข่าน หวางหมันหยูก็พ่นลมหายใจโกรธออกมา ในที่สุดคุณซูก็โทรมาซักที
หลังจากมาทำให้เธอโกรธช่วงเกือบสิบวันก่อน
"ผู้จัดการหวางครับ ตอนนี้ราคาน้ำมันได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ต้องขายฟิวเจอร์น้ำมันที่เหลืออยู่ของ HSBC แล้ว"
"หลังจากนี้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นรีบขายให้หมดเลยนะครับ"
ซูข่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หวางหมันหยูอ้าปากค้างตกใจเล็กน้อย เธอพูดด้วยน้ำเล็กๆของเธอ
"คุณซูแน่ใจจริงๆใช่ไหมคะว่ามันจะถึงจุดสูงสุดแล้ว"
"ครับ"
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของซูข่าน หวางหมันหยูรู้สึกว่านี่ไม่เรื่องตลก
ตอนนี้ทาง HSBC ได้ขายฟิวเจอร์น้ำมันออกไปแล้วบางส่วน พวกเขายังเหลือฟิวเจอร์น้ำมันอีกประมาณ 2,000 ล้าน
พวกเขาน่าจะขายฟิวเจอร์น้ำมันทั้งหมดทันในเวลาเพียงไม่กี่วัน ปริมาณการทำธุรกรรมของตลาดฟิวเจอร์น้ำมันได้สูงขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนมาก ยังคงมีคนต้องการเข้าสู่ฟิวเจอร์น้ำมันอีกหลายต่อหลายคน
"ฉันเข้าใจแล้ว เราจะเริ่มดำเนินการขายฟิวเจอร์น้ำมันที่เหลือทันที ไม่กี่วันน่าจะขายออกหมด"
หวางหมันหยูพูดอย่างมั่นใจ
"ผมระรอฟังข่าวดีนะครับ"
ซูข่านพูดพร้อมหัวเราะเล็กน้อย
"ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด…"
จากนั้นซูข่านก็วางสายทันที เขาไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้นสักคำเดียว
"บ้าเอ๊ยย"
หวางหมันหยูตะลึง เธอไม่คิดเลยว่าซูข่านจะรีบวางสายเร็วแบบนี้
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด"
หวางหมันหยูวางโทรศัพท์เสียงดังและกรีดร้องออกมาในห้องทำงานของเธอ พนักงานที่อยู่ข้างนอกรู้สึกได้ถึงเสียงดังมาจากห้องทำงานของหวางหมันหยู
"เกิดอะไรขึ้น?"
"อะไรกันเนี่ย?"
"ใครไปทำอะไรผู้จัดการ?"
"ลองฟังดูดีๆสิ เหมือนเธอกำลังตะโกนชื่อใครอยู่เลยนะ"
พนักงานที่อยู่ด้านนอกต่างพูดคุยกันหลังได้ยินเสียงของหวางหมันหยูเล็ดลอดออกมา
"ปัง"
ทันใดนั้นเองประตูของห้องทำงานของหวางหมันหยูก็ได้เปิดออก หวางหมันหยูได้เดินออกมาจากห้องพร้อมกับดวงตาที่เฉียบแหลม ดูจากดวงจันทร์ก็รู้ได้เลยว่าเธอกำลังโกรธอยู่
ทุกคนที่อยู่ในแถวนั้นรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาและเธอได้เห็นผู้จัดการโกรธ
หวางหมันหยูกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่มีใครกล้าอยู่ตรงนั้นเลยสบตากับเธอเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนตรงนั้นรีบเดินและวิ่งอย่างรวดเร็ว
"ไอ้บ้าซูข่าน"
หวางหมันหยูกำหมัดในมือของเธอแน่น และคำรามชื่อของซูข่านออกมาในลำคอ
เขาทำแบบนี้แล้วทำไมเธอยังคิดถึงเขาตลอดเวลาเลย