ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 56 บุกป้อมวายุทมิฬ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 56 บุกป้อมวายุทมิฬ
แปลโดย iPAT
ห้องโถงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ผู้นำป้อมวายุทมิฬทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับหลี่ฉิงซาน
“พี่ใหญ่ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร? เด็กนั่นซ่อนตัวอยู่ในเมืองชิงหยางและได้รับการคุ้มครองจากฮวงปิงหู”
“ฮืม หยางอันจื่อเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโสมจิตวิญญาณออกไปแล้ว ผู้ใดจะสามารถปกป้องเขา? เขาจะพบจุดจบในไม่ช้า!”
ดวงตาของซ่งเซียงอู๋กระตุก ความปรารถนาของเขาต่อโสมจิตวิญญาณไม่น้อยไปกว่าผู้ใด
“เขาบอกว่าเขาจะมาหาเราด้วยตนเอง เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะบดขยี้เขาให้เละเป็นโจ๊ก!” หัวหน้าลำลับที่เจ็ดเป็นชายอ้วนหัวล้าน เขาควงกระบองขนาดใหญ่ที่อยู่ในมืออย่างป่าเถื่อน
ทุกคนลอบมองหน้ากันและหัวเราะคิกคัก “น้องเจ็ด เจ้าเป็นคนเดียวที่คิดว่าเขาจะมา” ไม่มีคนสติดีคนใดเชื่อว่าเขาจะมาที่ป้อมวายุทมิฬเพียงลำพัง
“หากเขาไม่มา เราจะบังคับให้เขามา แม้หิมะจะกีดขวางและทำให้เราไม่สามารถระดมคนได้มากนัก แต่คนเพียงกลุ่มเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารหมู่คนหมู่บ้านกระทิงหมอบแล้ว เราจะตามหาครอบครัวของเขา สหายของเขาและสับพวกมันเป็นชิ้นๆ จากนั้นเราจะส่งชิ้นส่วนร่างกายของคนเหล่านั้นไปให้เขา ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถสงบนิ่งอยู่ได้” หัวหน้าลำดับที่สองกล่าวแผนการชั่วร้ายของเขา
ทุกคนปรบมือเห็นด้วย นี่ทำให้หัวหน้าลำดับที่สองเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“ปัง!” ทันใดนั้นป้อมวายุทมิฬมั้งหมดก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น บางคนรีบเข้ามารายงาน “มะ...มะ...มีคนเคาะประตูป้อม!”
ด้านหน้าป้อมวายุทมิฬ โจรมากกว่าสิบคนมองไปที่ประตูป้อมด้วยความหวาดกลัว ประตูขนาดใหญ่ที่ถูกปิดด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่หลายสิบท่อนไม่สามารถมอบความรู้สึกปลอดภัยให้กับพวกเขาได้อีกต่อไป
“ปัง!” ท่อนไม้ปลิวออกไปทุกหนทุกแห่ง มันเหมือนสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่พยายามจะบุกเข้าไป ภายใต้การพุ่งชนอย่างต่อเนื่อง ประตูป้อมเริ่มแตกออก
“ปัง!” เศษไม้กระจัดกระจายออกไป บางส่วนฟาดหน้าอกของโจรบางคนทำให้เขาทรุดตัวลงและพ่นเลือดคำโตออกมาทันที
อย่างไรก็ตามโจรคนอื่นๆไม่มีเวลาดูแลสหายของพวกเขา ทุกคนต่างจ้องมองทางเข้าที่กลายเป็นว่างเปล่า ลม หิมะ และฝุ่นพุ่งเข้าสู่ป้อมวายุทมิฬอย่างบ้าคลั่ง
“ยะ...หยุด! นี่คือป้อม...” แม้เขาจะกลัว แต่โจรที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าหน่วยก็พยายามกล่าวบางคำ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลูกธนูก็พุ่งออกมาจากกลุ่มฝุ่นควันและคร่าชีวิตเขาไปแล้ว
หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้ารู้!”
ก่อนที่ฝุ่นจะจางหาย กลุ่มโจรก็ค้นพบว่าสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าป้อมวายุทมิฬไม่ใช่สัตว์ร้ายแต่เป็นเด็กหนุ่มในชุดเกราะโลหะสีดำและถือธนูขนาดใหญ่อยู่ในมือ ความกลัวในใจของพวกเขาคลายลงอย่างมาก บางคนยกดาบและตะโกน “เขามาคนเดียว! ทุกคนช่วยกันจับและฆ่าเขา! เจ้าป้อมจะให้รางวัลพวกเราอย่างงาม!”
โจรภูเขามากกว่าสิบคนถืออาวุธหลากหลายชนิดพุ่งเข้าสู่สนามรบพร้อมกับเสียงโห่ร้อง
หลี่ฉิงซานนำลูกธนูสามดอกออกมาขึ้นสายอย่างใจเย็นก่อนจะดึงสายธนูจนสูด จากนั้นเสียงสามสายก็ดังขึ้นพร้อมกัน ลูกธนูเจาะทะลวงร่างของโจรสามคนและพุ่งออกไปด้านหลัง กลุ่มโจรทิ้งร่างลงบนพื้นและตายเหมือนหุ่นกระบอกที่ถูกตัดสาย
หลี่ฉิงซานใช้ธนูฆ่าโจรสิบสองคนติดต่อกัน
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” โจรสี่คนสามารถเข้าประชิดตัวหลี่ฉิงซานและเหวี่ยงอาวุธไปที่ศีรษะของเขา หลี่ฉิงซานเก็บธนูและเดินไปข้างหน้าราวกับเขาไม่เห็นคนเหล่านั้น
สายลมอันเย็นเยียบพัดผ่านพวกเขาก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากลำคอของโจรทั้งสี่อย่างพร้อมเพรียง ทุกคนทรุดตัวลงกับพื้น โจรคนหนึ่งเห็นมีดสั้นเล่มเล็กๆ เขาพยายามปัดป้องมันด้วยดาบแต่มีดสั้นกลับสามารถผ่าแยกดาบของเขาออกเป็นสองส่วนเหมือนเค้กที่อ่อนนุ่ม
หลี่ฉิงซานเดิมข้ามศพเหล่านี้ไปอย่างไม่แยแส เขาหยุดอยู่บนลานกว้างที่ว่างเปล่าของป้อมวายุทมิฬและเห็นกลุ่มโจรเริ่มหลั่งไหลออกมาจากอาคารต่างๆพร้อมกับคบเพลิงที่สะดุดตาอย่างมากในความมืด
เขายิงธนูออกไปอีกครั้งและอีกครั้ง
ฤทธิ์ของสุราจิตวิญญาณทำให้เขารู้สึกมีนเล็กน้อย แต่ลูกธนูทุกดอกที่เขายิงออกไปราวกับถูกสวรรค์แทรกแซง มันไม่พลาดแม้แต่ดอกเดียว
หอประชุมตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของป้อมวายุทมิฬ หัวหน้าทั้งหมดรีบออกจากที่นั่นและมองลงไปยังลานกว้างด้านล่าง ทุกคนกรีดร้องออกมาพร้อมกัน “เขากล้ามาจริงๆงั้นหรือ?” ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมาเร็วมาก
หลี่ฉิงซานพบว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มโจรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พวกเขาจัดกระบวนรบอย่างเป็นระเบียบ หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นซ่งเซียงอู๋ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “เจ้าป้อมซ่ง แขกมาถึงแล้ว ในฐานะเจ้าบ้าน ไม่ใช่ว่าเจ้าควรออกมาต้อนรับข้างั้นหรือ? ข้ารอแทบไม่ไหวแล้ว ดังนั้นข้าจะฆ่าลูกน้องของเจ้าแก้เบื่อระหว่างรอ เจ้าไม่สามารถตำหนิข้าสำหรับสิ่งนี้!”
พลังปราณช่วยส่งเสียงหัวเราะของเขาให้ดังออกไปรอบๆรัศมีห้ากิโลเมตร คำกล่าวของเขาดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาและเสียดแทงเข้าไปในรูหูของกลุ่มโจรราวกับสายฟ้าฟาด บางคนถึงกลับทรุดตัวลงบนพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากรูหู
“โอ้...ข้าฆ่าไปอีกสองสามคนแล้ว!” หลี่ฉิงซานปิดปากพูดราวกับเขาไม่ได้ตั้งใจฆ่าคนเหล่านั้น
กลุ่มโจรสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขณะที่ความโกรธของซ่งเซียงอู๋ใกล้ถึงจุดระเบิด กำลังภายในของหลี่ฉิงซานเหนือกว่าจินตนาการของซ่งเซียงอู๋ไปไกลมาก เขาไม่เหมือนผู้บ่มเพาะร่างกายตามข่าวลือ ซ่งเซียงอู๋รู้สึกว่านี่อาจเกิดจากโสมจิตวิญญาณ
“วันนี้ปีหน้าจะเป็นวันครอบรอบวันตายของเจ้า ไม่ ข้าจะทรมานเจ้าเจ็ดวันเจ็ดคืนก่อนจะปล่อยให้เจ้าตาย!”
หลี่ฉิงซานหัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่มีเวลาและเบื่อที่จะเล่นกับเจ้า” เขายกธนูขึ้นขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป จากนั้นเขาก็ยิงธนูออกไปเหมือนเครื่องจักรสังหาร
ลูกธนูเจ็ดดอกเรียงเป็นแถวเดียว เขาใช้ทักษะที่เรียนรู้มาจากหมู่บ้านบังเหียนม้าเพื่อยิงธนูไปที่หอคอย
“หลบ!” คำเตือนของซ่งเซียงหูสายเกินไป หัวหน้าสามคนร่วงลงจากหอคอยพร้อมลูกธนูที่ปักอยู่บนร่างกาย สำหรับลูกธนูอีกสี่ดอก พวกเขาสามารถหลบได้
“หัวหน้าหก!” กลุ่มโจรกรีดร้อง
เป็นเพียงเวลานี้ที่หลี่ฉิงซานพบว่ากล่องเก็บลูกธนูของเขากลายเป็นว่างเปล่า ดังนั้นเขาจึงโยนมันทิ้งไป
“ลูกธนูของเขาหมดแล้ว!”
“ไม่จำเป็นต้องกลัว ฆ่าเขา!”
กลุ่มโจรปลุกขวัญกำลังใจของพวกเขาและพุ่งออกไปราวกับก้อนเมฆสีดำ พวกเขาปิดล้อมหลี่ฉิงซานเอาไว้เป็นชั้นๆ
หลี่ฉิงซานเตะหอกทรราชด้วยเท้าขณะที่มันบินขึ้นจากไหล่ของเขาด้วยเสียงที่หนักแน่น เขาเหวี่ยงหอกไปรอบๆ หอกทรราชที่ยาวสี่เมตรหนักเจ็ดสิบเอ็ดกิโลกรัมเต้นรำอยู่กลางอากาศราวกับมังกรดำและสร้างสายลมกรรโชกแรงออกไปรอบๆ
โจรห้าคนปลิวออกไปพร้อมกัน หัวของพวกเขาระเบิดเหมือนผลแตงโม พวกเขาตายโดยไม่สามารถตายได้มากกว่านี้ ทุกสิ่งที่สัมผัสหอกทรราชจะถูกทำลายล้างอย่างไม่มีข้อยกเว้น
หลี่ฉิงซานผลักดันกลุ่มโจรให้ล่าถอยออกไปก่อนจะมองขึ้นไปบนหอคอยอีกครั้ง “อย่าส่งลูกน้องของเจ้ามาตายอย่างไร้เหตุผล เร็วเข้า ออกมาที่นี่และสู้กับข้า!”
ซ่งเซียงอู๋มองผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายแต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะออกไปต่อสู้ เขาเย้ยหยัน “สู้งั้นหรือ?” เขามองเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจนจากมุมสูง
โจรหลายสิบคนในชุดเครื่องแบบพิเศษที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มโจรเข้าใกล้หลี่ฉิงซานมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่ได้ถืออาวุธเหมือนโจรคนอื่นๆแต่แขวนมันไว้
หลี่ฉิงซานลอบสั่นสะท้านอยู่ภายใน เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามาหาเขาราวกับอสรพิษที่เผยคมเขี้ยวของมัน แต่ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่เขาต้องจัดการอย่างจริงจังยังอยู่บนหอคอยทั้งหมด
ก่อนที่หลี่ฉิงซานจะทำสิ่งใด โจรพิเศษเหล่านั้นก็ยกแขนขี้นและตะโกน “ไป!”
หลี่ฉิงซานเห็นมันอย่างชัดเจน ในมือของพวกเขามีหน้าไม้สีดำสนิทที่พร้อมลั่นไกติดอยู่