ตอนที่แล้วEp.323 - ผู้ส่งสารของขุนนางใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.334 - เปิดร้านค้าลับอีกครั้ง

Ep.333 - เมืองธารทะเลทราย


3/3

Ep.333 -  เมืองธารทะเลทราย

ฮังอวี่ไม่กล้าประมาท เขาพูดกับจ้าวหมิงทันที “ไปอพยพทุกคน อย่าให้ทูตของขุนนางใหญ่สังเกตเห็นว่าที่นี่มีพวกเรามากเกินไป”

จ้าวหมิงเอ่ยถาม “นายกังวลว่าจะถูกขุนนางใหญ่เพ่งเล็งใช่ไหม?”

ฮังอวี่พยักหน้า “การมีสายพันธุ์ที่มีสติปัญญามากไป มันเป็นเรื่องผิดปกติของขุนนางเล็ก ถ้าขุนนางใหญ่รู้เรื่องนี้อาจเกิดความหวาดระแวง และนั่นไม่ดีสำหรับพวกเราแน่ๆ”

จ้าวหมิงเข้าใจสิ่งที่ฮังอวี่กังวล

เขาแยกตัวออกไปทันที สั่งการให้สมาชิกในเมืองไปแอบ จากนั้นขอให้ตัวแทนจากกองกำลังต่างๆติดต่อสมาชิกในทีมว่าอย่าพึ่งกลับเข้าเมืองหรือออนไลน์ในอีกสองสามชั่วโมงข้างหน้า

ด้านฮังอวี่ เขารวบรวมทหารสายพันธุ์รองทั้งหมดในเมืองหุบเขาเดียวดายกว่า 200 นาย ส่วนใหญ่มาจากทีมของเขา และอีกครึ่งมาจากทีมของคนอื่นๆ ทั้งหมดถูกดึงมาเป็นตัวประกอบฉาก

ทันทีต่อจากนั้น

ฮังอวี่รื้อกับดักและค่ายกลเขตแดนหน้าเมืองหุบเขาเดียวดาย เปิดประตูหลักของเมือง เชิญเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่อ้างตนว่าเป็นทูตของขุนนางใหญ่เข้ามา

เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

ก็พบว่านี่คือเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ

ร่างกายช่วงบนของมันใกล้เคียงกับมนุษย์มาก มีผิวสีทองแดง กล้ามเนื้อเป็นลายชัดเจน และผมสีแดงเพลิงที่ไม่ปรากฏในมนุษย์ แค่มองก็รู้ว่าแข็งแกร่งมาก

ร่างกายช่วงล่างของมันเป็นร่างของสัตว์บางชนิด คล้ายๆกับกวาง แต่ดูๆไปเหมือนม้ามากกว่า ตรงเท้าทั้งสี่มีกีบเท้า ดูเปี่ยมไปด้วยพลังที่พร้อมระเบิดมันออกมาได้ตลอดเวลา!

“ข้าคือผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวสงครามคาลิมัวแห่งเมืองธารทะเลทรายนามว่าชาร์โมโด”

ชาวโลกวิญญาณที่เหมือนเซนทอร์ผู้นี้ได้ก้าวเข้ามาในเมืองหุบเขาเดียวดาย

ทหารมนุษย์หลายร้อยนายปรากฏตัวต่อหน้ามัน

ทว่ามันกลับไม่ได้ดูวิตกหรือหวาดกลัวเลย

ตรงกันข้าม กลับเผยสีหน้าเย่อหยิ่ง ในแววตาสะท้อนไปด้วยความมั่นใจ อุปกรณ์ทั้งหมดบนตัวมันเรืองรองไปด้วยแสงพลังงานวิญญาณสีเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธในมือที่เป็นขวานรบด้ามยาว เป็นสีเขียวใสมีคุณภาพสูง

และมีเลเวลอย่างน้อย 11!

เครื่องประดับและอุปกรณ์ครบเซ็ต!

แม้ตอนนี้จะไม่พบอุปกรณ์สีฟ้า แต่ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ว่าผู้มาเยือนเบื้องหน้ามีอุปกรณ์หรือไอเท็มคุณภาพสีฟ้า เพราะถึงอย่างไรมันมาในฐานะตัวแทนของขุนนางใหญ่

ในเรื่องของพลังรบ

มันไม่ควรด้อยไปกว่าลูกันขุนนางเก่าของเมืองหุบเขาเดียวดาย หรือบางทีอาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ

มันเรียกตัวเองว่าชาร์โมโด และเรียกเจ้าเมืองธารทะเลทรายว่า ‘จ้าวสงครามคาลิมัว’

ชาวโลกวิญญาณบางครั้งก็ใช้ชื่อมรดกของตัวเองเป็นฉายา

และจ้าวสงครามคือมรดกขั้น 4

ซึ่งหมายความว่าขุนนางใหญ่แห่งเมืองธารทะเลทรายต้องมีมรดกขั้น 4 ที่สมบูรณ์อย่างน้อย 1 อาชีพในครอบครอง และยังไม่แน่ว่ามีแค่มรดกเดียวหรือไม่ แต่ถึงจะแค่มรดกเดียวก็ยากที่จะรับมือแล้ว

ถึงอย่างไรนี่คือผู้สืบทอดมรดกขั้น 4!

มองมาทางฮังอวี่ ตอนนี้เขายังไม่มีมรดกขั้น 3 ที่สมบูรณ์ด้วยซ้ำ!

พลังรบที่ได้จากการสืบทอดมรดกขั้น 4 ที่สมบูรณ์ อย่างน้อยก็มากกว่าการสืบทอดมรดกขั้น 3 ถึงสามเท่า!

สามารถกล่าวได้เลยว่าตัวตนที่ได้รับการสืบทอดมรดกขั้น 4 ผู้นี้

มีข้อได้เปรียบที่นักผจญภัยอย่างพวกเขาไม่อาจเทียบได้!

ฮังอวี่สลัดความคิดในหัวไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขายังคงสงบ น้ำเสียงไม่อ่อนน้อมหรือสามหาวจนเกินไป เอ่ยภาษาที่เป็นทางการ “ข้าคือฮังอวี่ ขุนนางคนใหม่ของเมืองหุบเขาเดียวดาย ขอเชิญท่านทูตแห่งเมืองธารทะเลทรายเข้ามารับประทานอาหารที่ทางเราเตรียมไว้แก่ท่าน!”

ชาร์โมโดกล่าวอย่างเฉยเมย “ท่านขุนนางใหญ่คาลิมัวรู้สึกประหลาดใจมากที่เมื่อสองสามวันก่อนพบว่ารูปั้นขุนนางมนุษย์จิ้งจอกในวิหารหินของเมืองธารทะเลทรายพังทลายลง และถูกแทนที่ด้วยรูปปั้นของเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้นกำเนิดของพวกเจ้ามาจากที่ใด?”

ฮังอวี่ตอบว่า “พวกข้ามีต้นกำเนิดมาจากแคว้นทุ่งขจี แต่ต้องอพยพเพราะสูญเสียบ้านเกิด หลบหนีเข้าสู่แดนอ้างวานของแคว้นเดียวดาย เข้ามายังพื้นที่ภายใต้อิทธิพลของเมืองธารทะเลทรายโดยไม่ตั้งใจ แล้วบังเอิญถุกพวกมนุษย์จิ้งจอกโจมตีเข้า แต่โชคดีสามารตตีโต้และยึดเมืองหุบเขาเดียวดายมาได้ ”

แคว้นทุ่งขจีคือแคว้นที่อยู่ทางตอนเหนือของแคว้นเดียวดาย

สภาพแวดล้อมของที่นั่นคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าแคว้นทุ่งขจี

ส่วนแคว้นเดียวดายที่ฮังอวี่อยู่ในตอนนี้ มันสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายพื้นที่ โดยพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือเรียกว่า ‘แดนอ้างว้าง’ และเมืองหุบเขาเดียวดายตั้งอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแดนอ้างว้าง

สถานะของนักผจญภัยไม่สามารถเปิดเผยได้

เพราะในสายตาของชาวพื้นเมืองหลายคน นักผจญภัยไม่ต่างจากผู้รุกราน

หากชาวพื้นเมืองรับรู้ถึงตัวตนของนักผจญภัย พวกฮังอวี่อาจถูกตอบโต้อย่างรุนแรงจากชนพื้นเมือง

ตอนนี้จึงต้องโกหกออกไปก่อน

โลกวิญญาณนั้นกว้างใหญ่ แต่ประชากรกลับมีน้อย และเผ่าพันธุ์ก็มีมากมาย ดังนั้นประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลจึงช้ามาก ต่อให้เป็นขุนนางใหญ่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ไม่รู้เกี่ยวกับพื้นที่นอกเขตแคว้นเดียวดาย

อย่างน้อยตอนนี้ยังพอสามารถกลบเกลื่อนได้

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องทำตัวติดดินเอาไว้จนกว่าจะตั้งหลักได้อย่างมั่นคง

ถ้าคิดจากสามัญสำนึก เมืองหุบเขาเดียวดายเป็นแค่เมืองที่มีพื้นที่เล็กๆและตั้งอยู่ในมุมสุด ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนัก อย่างน้อยเมืองธารทะเลทรายก็คิดเช่นนั้น

จึงไม่น่าแปลกใจ

ที่เจ้าเมืองธารทะเลทราย จ้าวสงครามคาลิมัวจะไม่สนใจว่าใครจะเป็นเจ้าของเมืองหุบเขาเดียวดาย!

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ สถานที่เช่นโลกวิญญาณ การช่วงชิงดินแดนกันถือเป็นเรื่องปกติ

ทว่ามีกฏอยู่สองข้อที่ต้องปฏิบัติตาม

ข้อแรก ขุนนางเล็กต้องส่งส่วยให้ขุนนางใหญ่

ข้อสอง ขุนนางเล็กไม่อาจยั่วยุหรือข่มขู่ขุนนางใหญ่

โดยทั่วไปแล้ว ตราบใดที่ปฏิบัติตามกฏ ขุนนางใหญ่ไม่เพียงเพิกเฉยต่อการช่วงชิงดินแดนระหว่างขุนนางเล็ก แต่มันยังมีความสุขที่ได้เห็นดินแดนภายใต้อาณาเขตของตัวเองโจมตีซึ่งกันและกัน

สงครามจะทำให้เกิดความเสื่อมถอย

และความเสื่อมถอยนำมาซึ่งความอ่อนแอ

โดยทั่วไปแล้วหากขุนนางใหญ่คิดรักษาตำแหน่งของตัวเองให้มั่นคง

มันมักจงใจปกป้องขุนนางเล็กที่อ่อนแอ

ในทางตรงกันข้าม หากขุนนางเล็กโดดเด่นเกินไป ขุนนางใหญ่จะสนับสนุนให้ขุนนางเล็กหลายตนรวมพลังกันเข้าปราบปราม

เมืองหุบเขาเดียวดายเดิมเป็นดินแดนที่ค่อนข้างอ่อนแอภายใต้การปกครองของเมืองธารทะเลทรายอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าเมืองคาลิมัวจึงยอมให้ลูกันจ่ายค่าคุ้มครองในปริมาณ 80% ของผลผลิตที่หาได้ จากนั้นสั่งห้ามไม่ให้ขุนนางเล็กตนอื่นๆโจมตีเมืองหุบเขาเดียวดาย

มิฉะนั้นเมืองหุบเขาเดียวดายคงไม่อาจยืนยงพัฒนาต่อเนื่องมาได้ถึงหนึ่งปีเช่นนี้

หากไม่ได้รับการคุ้มครอง เกรงว่ามันคงตกอยู่ในมือขุนนางเล็กตนอื่นไปแล้ว

ชาร์โมโดเป็นทูตที่ส่งมาจากเมืองธารทะเลทรายเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และพลังรบของเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ครอบครองเมืองหุบเขาเดียวดาย ในทางกลับกัน มันมาเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของเมืองธารทะเลทรายในนามของขุนนางใหญ่

ฮังอวี่พึ่งยึดเมืองหุบเขาเดียวดายได้

ตอนนี้จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะท้าทายขุนนางใหญ่

ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหัวแสดงท่าทีสุภาพ มอบความบันเทิงให้แก่ทูตก่อน เมื่อยามกลับเมืองธารทะเลทราย ทูตชาร์โมโดจะได้ไม่กล่าววาจาใส่ไฟพวกเขา

ฮังอวี่เรียกจ้าวหมิงเข้ามา “ท่านทูตที่เคารพ นี่คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถมากที่สุดของข้า เขาคือรองขุนนางของเมืองหุบเขาเดียวดาย นามจ้าวหมิง หากท่านมีอะไรให้เมืองหุบเขาเดียวดายรับใช้ สามารถออกคำสั่งแก่ทางเราได้ตลอดเวลา”

ชาร์โมโดเหลือบมองฮังอวี่และจ้าวหมิง มุมปากมันยกสูงขึ้น แสดงท่าทีดูแคลน “ขุนนางเมืองหุบเขาเดียวดายอ่อนแอสู้คนก่อนไม่ได้จริงๆ”

จ้าวหมิงกับฮังอวี่ลอบสบสายตากัน

จ้าวหมิงตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากอุปสรรคทางภาษามานานแล้ว

ดังนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยการเสาะหาหนทางด้วยตัวเอง จ้าวหมิงได้เข้าสู่เขตแดนลับ และรางวัลของการผ่านบททดสอบคือความสามารถในการเข้าใจหลากหลายภาษาของโลกวิญญาณ เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของเมืองหุบเขาเดียวดายที่สามารถฟังและสื่อสารกับชาวพื้นเมืองโลกวิญญาณได้

จ้าวหมิงก้าวออกมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอรับ ขอรับ ท่านทูตคงเห็นแล้ว ที่พวกเรายึดเมืองหุบเขาเดียวดายได้ มันเป็นเพราะโชคช่วยเท่านั้น ตอนนี้พวกเราแทบไม่มีกองกำลังเหลือ แต่ในฐานะเผ่าพันธุ์เร่ร่อน พวกเราแทบไม่มีทรัพยากรอะไรติดตัวเลย ดังนั้นเรื่องการจ่ายส่วย ....”

ชาร์โมโดกล่าวเสียงเย็น “นี่คือผลประโยชน์ของเมืองธารทะเลทราย ข้าไม่อาจลดให้พวกเจ้าได้แม้แต่นิดเดียว หากเจ้าจ่ายไม่ไหวก็ไม่คู่ควรที่จะครอบครองเมืองนี้!”

ตามมาตรฐานในยุคขนนางมนุษย์จิ้งจอก

จำนวนทรัพยากรโดยเฉลี่ยที่พวกมันส่งมอบต่อวันมีดังนี้

1.หินคริสตัลขาวมูลค่า 1500 ก้อน

2.วัตถุดิบสีเทาเลเวล 10 จำนวน 900 ชิ้นหรือสิ่งที่มีราคาเทียบเท่า!

3.วัตถุดิบสีขาวเลเวล 10 จำนวน 300 ชิ้นหรือสิ่งที่มีราคาเทียบเท่า!

มีวิหารหินอยู่ในสิ่งปลูกสร้างของเมืองหุบเขาเดียวดาย แท่นบูชาที่นั่นสามารถใช้ขนส่งวัตถุดิบไปยังเมืองธารทะเลทรายได้

ตามปกติแล้วจะส่งส่วยทีเดียวในช่วง 3 -4 วัน

นี่นับเป็นแรงกดดันอย่างมากต่อทรัพยากร

ไม่อย่างนั้น มนุษย์จิ้งจอกที่ยึดครองเมืองหุบเขาเดียวดายมาเป็นปีๆคงสร้างทหารได้เต็มจำนวนไปแล้ว

โดยการใช้ประโยชน์จากขุนนางเล็ก ขุนนางใหญ่ไม่เพียงสามารถเสริมพลังแก่ตัวเองเท่านั้น แต่ยังลดโอกาสที่จะถูกคุกคามได้อีกด้วย เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ฮังอวี่มองจ้าวหมิง

ส่งสายตาประมาณว่าให้รับช่วงดูแลเจ้าหมอนี่ต่อให้ที

แม้มนุษย์จะมีอุตสาหกรรมและช่องทางค้าขายมากมาย และในไม่ช้าคงสามารถฟื้นฟูเมืองหุบเขาเดียวดายให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าในตอนที่พวกมนุษย์จิ้งจอกยึดครอง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องจ่ายทรัพยากรจำนวนมากทุกวัน นั่นไม่น่าพอใจเอาเสียเลย

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่เต็มใจที่จะหยุดแค่ขุนนางเล็กในเมืองหุบเขาเดียวดายตลอดไป

นักผจยภัยเผ่ามนุษย์ยังไม่ได้ปลดล็อคศักยภาพอย่างเต็มที่

เมืองเล็กๆอย่างหุบเขาเดียวดายไม่สามารถรองรับพวกเขาได้

ไม่ช้าก็เร็วเมืองธารทะเลทรายจะต้องถูกตีแตก

ศีรษะของขุนนางใหญ่คาลิมัวในภายภาคหน้าต้องถูกสะบั้นและเตะเล่นเป็นลูกบอลโดยฮังอวี่ ดังนั้นการมอบทรัพยากรให้พวกมันไปก่อนจึงไม่ใช่ปัญหา นี่ก็เหมือนเอาเงินไปฝากธนาคารไว้ ถึงเวลาก็ไปเบิกคืนมา

แน่นอน เรื่องนี้ตอนนี้ได้แค่คิดในใจ ปัจจุบันจำเป็นต้องก้มหัวให้ศัตรูก่อน ในตอนที่ยังไม่มีพลังรบแก่กล้า พวกเขาทำได้เพียงยอมเล่นตามกฏเกณฑ์ของโลกใบนี้ไปก่อนเท่านั้น