Ep.323 - ผู้ส่งสารของขุนนางใหญ่
2/3
Ep.323 - ผู้ส่งสารของขุนนางใหญ่
และเรือที่ชาลู่ได้มา
บอกตามตรงฮังอวี่ค่อนข้างสนใจ
เจ้าสิ่งนี้คือเรือรบชนิดหนึ่งของเผ่าวายุคลั่ง เดิมมีหน้าที่หลายอย่าง แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆทำให้มันไม่สามารถแสดงความสามารถที่มีออกมาได้ทั้งหมด
ที่พอใช้งานได้ตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
แม้จะมีใบเรือ
แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวเรือมีความสามารถในการสร้างพลังงานจลน์ด้วยตัวเอง หรือกระทั่งดำน้ำได้
ยกเว้นดาดฟ้าชั้นบนสุดแล้ว ดาดฟ้าอีกสามชั้นสามารถปิดผนึกได้ ไม่ต้องกังวลเมื่อเรือดำลงใต้น้ำ และถึงการดำอยู่ใต้น้ำจะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ที่จำกัด แต่ก็สามารถซ่อนตัวได้โดยที่ไม่มีใครจากบนฝั่งสังเกตเห็น
ส่วนเรื่องการสร้างพลังงานจลน์ ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้นั้นก็เพราะใบเรือถูกติดตั้งไว้ด้วยค่ายกลระดับต่ำ
ต่อให้ไม่มีลม เรือก็ยังสามารถขับเคลื่อนด้วยอัตราเร็วที่ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
นอกจากนี้ มันยังสามารถติดตั้งหอคอยหมอกได้ นี่ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ซ่อนตัวสำหรับตอนเดินทางไกล ช่วยป้องกันการรบกวนของมอนสเตอร์ มีบทบทสำคัญมาก
ความสามารถข้างต้นที่กล่าวมา
ล้วนมีประโยชน์ต่อการใช้งานสูง
ฮังอวี่วางแผนจะให้ชาลู่ขอเรือแบบเดียวกันจากเผ่าวายุคลั่งอีกหลังจากจัดตั้งโรงงานในเมืองหยุนสุ่ยเรียบร้อยแล้ว
เรือเหล่านั้นสามารถนำมาใช้เป็นเรือขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำแยงซีได้ และนอกจากใช้รวบรวมทรัพยากรแล้ว มันยังนำไปใช้ในการคมมาคมทางน้ำโดยมีเมืองหยุนสุ่ยศูนย์กลาง
ปัจจุบันการคมนาคมของโลกแทบกลายเป็นอัมพาต
ตอนนี้มีแค่กองทัพหรือกองกำลังขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังพอมีช่องทางคมนาคมที่มั่นคง สำหรับกองกำลังขนาดเล็กและกลางตลอดจนพลเรือน การค้าข้ามเมืองมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
หากฮังอวี่สามารถหยิบยืมพลังจากมนุษย์ปลา
เปิดระบบขนส่งทางน้ำเพื่อสร้างเครือข่ายคมนาคมใหม่
เช่นนั้นแล้ว การเชื่อมโยงเมืองใหญ่ทั้งหมดในลุ่มน้ำแยงซีก็ไม่ใช่ความฝัน
นี่จะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนทางทรัพยากร บุคลากร และสามารถสร้างผลกำไรมหาศาลโดยการส่งสินค้าทางน้ำ
เป็นอะไรที่คุ้มค่าแน่นอน!
ฮังอวี่ ซูหยุนปิง เดินไปยังโกดังชั้นล่าง
มีกล่องจำนวนมากวางซ้อนกันอยู่ที่นี่ เก็บวัสดุต่างๆไว้นับหลายพันชิ้น ซึ่งบางส่วนเป็นวัสดุเชิงกลยุทธ์ของมนุษย์ปลาที่ส่งมาจากเผ่าวายุคลั่ง และบางส่วนเก็บรวบรวมมาตามรายทาง
ซูหยุนปิงกล่าว “ลองเช็ควัสดุพวกนี้ดู อาจมีบางอย่างที่พอใช้งานได้ นายพึ่งครอบครองดินแดนในโลกวิญญาณ รากฐานยังไม่มั่นคง อาจต้องการพวกมัน”
ฮังอวี่กวาดตามอง
วัสดุในที่นี้มีเยอะมากก็จริง
แต่แทบไม่มีอะไรที่เขาต้องการเป็นพิเศษ
แทนที่จะเก็บไว้กับตัว ฮังอวี่สู้ทิ้งไว้ให้ชาลู่ดีกว่า
ห้ามลืมนะว่าช่วงการก่อสร้างฐานการผลิตในเมืองหยุนสุ่ยมันจำเป็นต้องใช้วัสดุจำนวนมาก
ฮังอวี่ไม่เพียงแต่ยอมทิ้งวัสดุเหล่านี้ให้ชาลู่ แต่ยังจะมอบทรัพยากรสำรองของสมาคมมังกรฟ้าให้แก่ชาลู่เพื่อเร่งสร้างฐานการผลิตเช่นกัน
“หือ? มีปะการังแต้มวิญญาณอยู่ด้วยหรอ?” แต่ในตอนนั้นเอง ฮังอวี่สังเกตเห็นวัสดุในกล่องหนึ่ง มันคือปะการังแต้มวิญญาณคุณภาพสีเขียว มีประโยชน์มากสำหรับเขา “งั้นผมขอปะการังพวกนี้แล้วกัน”
ซูหยุนปิงพยักหน้า
ปะการังสีเขียวมีไม่มากนัก
แค่ 30 40 ชิ้นเท่านั้น
ส่วนเหตุผลที่ฮังอวี่ต้องการปะการังสีเขียว หลักๆก็เพราะหลังจากอัพเลเวล 10 มันมีแก่นแท้สีเขียวเพิ่มเข้ามา
แม้การดูดซับแต้มวิญญาณสีขาวจะยังสามารถเพิ่มจำนวนแต้มวิญญาณในตัวได้ แต่จากเลเวล 10 ขึ้นไป การพึ่งพาแต้มวิญญาณสีขาวเพียงอย่างเดียวไม่อาจอัพเลเวลขั้นต่อไป
แต่จำเป็นต้องสะสมแก่นแท้สีเขียวเพื่ออัพเลเวล!
แล้วจะได้รับแก่นแท้สีเขียวอย่างไร? พวกมันสามารถรับได้จากแต้มวิญญาณสีเขียวเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นแต้มวิญญาณสีเขียวที่ดรอปจากมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่น อาหารวิญญาณ หรือโพชั่นลับที่มีสีเขียว ทั้งหมดล้วนช่วยเพิ่มแก่นแท้สีเขียวได้
แก่นแท้สีเขียวในตัวฮังอวี่ตอนนี้สะสมได้แค่ 20%+ เท่านั้น
ส่วนเล็กๆได้มาจากการฆ่ามอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นและกินอาหาร และส่วนใหญ่ได้มาจากการฆ่ากองโจรมนุษย์จิ้งจอกเลเวล 10 เพราะพวกมันเองก็มีแก่นแท้สีเขียวสะสมอยู่ในตัวเช่นกัน
แต่โดยรวมแล้วยังน้อยอยู่ดี!
ปะการังแต้มวิญญาณสีเขียวจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก!
ของสิ่งนี้เป็นเรื่องยากถ้าคิดหาจากที่อื่น แต่มันมีอยู่เป็นจำนวนมากในดินแดนของเผ่าวายุคลั่งเพราะงั้นต้องรีบสนับสนุนชาลู่!
ทั้งสองคนให้คำแนะนำแก่ชาลู่
สั่งให้รวบรวมมนุษย์ปลาฝ่ายผลิตและการสร้างฐาน
พอจบเรื่อง ฮังอวี่ ซูหยุนปิงไม่ได้รั้งอยู่อีกต่อไป พวกเขาใช้คัมภีร์เทเลพอร์ตกลับมายังชุมชนมังกรฟ้า
หวังเอ๋อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว
มันหยุดเล่นเกมและวิ่งมาหาทันที กระดิกหางร้องว่า “ฮ่ง เจ้านาย นายหญิง คุณสองคนหายไปไหนมา ทำไมกลับช้านัก! รู้ไหมว่าเปิ่นหวังกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ!”
ฮังอวี่ไม่สนใจพฤติกรรมและน้ำเสียงน่าสงสารของสุนัข “นายเตรียมหินคริสตัลพร้อมรึยัง? คราวนี้เอาออกมาได้กี่ก้อน?”
ฮังอวี่ตั้งใจจะเรียกพ่อค้าลึกลับอีกครั้ง
เพราะงั้นจำเป็นต้องเตรียมเงินจำนวนมาก
หวังเอ๋อคือผู้รับผิดชอบด้านการเงินของกลุ่ม และยังเป็นดูแลด้านการเงินของฮังอวี่ ดังนั้นกลุ่มมังกรฟ้าทำเงินได้เท่าไหร่ ฮังอวี่สามารถนำมาใช้ได้เท่าใด หวังเอ๋อรู้จำนวนที่ชัดเจน
หวังเอ๋อกล่าวทันที “ฮ่ง เจ้านายไม่ต้องห่วง เปิ่นหวังได้คำนวณหมดแล้ว ตอนนี้หินคริสตัลที่พอรวบรวมได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มจะอยู่ที่ราวๆ 12,000 หินคริสตัลสีขาว”
ไม่เลว
นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!
ธุรกิจที่ทำกำไรได้มากๆของกลุ่มมังกรฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร ร้านโพชั่น และบาร์ แต่ธุรกิจเหล่านี้จำเป็นต้องมีเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งซูเปอร์มาเก็ตมังกรฟ้า และร้านขายอุปกรณ์มังกรฟ้าก็กำลังเตรียมที่จะเปิดทำการ
นอกจากนี้ ซูหยุนปิงยังเริ่มไล่ซื้อร้านค้าส่วนใหญ่บนถนนมังกรฟ้าไปทีละร้าน ทั้งถนนตอนนี้เกือบทั้งหมดถูกครอบครองโดยกลุ่มมังกรฟ้า และยิ่งถนนมังกรฟ้าเจริญรุ่งเรืองเท่าไหร่ ราคาของร้านค้าเหล่านั้นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ซึ่งมันน่าดึงดูดมากในแง่ของการลงทุน
คาดว่าคงมีกองกำลังจำนวนมากให้ความสนใจ
สุดท้ายถนนมังกรฟ้าก็จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
กลายเป็นถนนการค้าที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งในเจียงเฉิง!
หากสามารถเป็นเจ้าของร้านค้าส่วนใหญ่ได้
ต่อให้มีบางร้านที่ไม่ได้ใช้งาน พวกเขาก็ยังสามารถหาผู้เช่าเหมา ฟันกำไรจากค่าเช่าได้อยู่ดี!
การมีร้านค้าในครอบครอง สามารถทำเงินได้ในทุกๆด้าน!
กลุ่มมังกรฟ้ายังมีการลงทุนมากมายที่ต้องเตรียมการ ดังนั้นดึงเงินมาใช้ได้ถึง 12000 หินคริสตัลขาวก็นับว่าดีมากพอแล้ว
บวกกับทรัพย์สินในตัวฮังอวี่ที่มีอยู่อีก 5000 หินคริสตัลขาว รวมกันแล้วเท่ากับ 17000 ความมั่งคั่งขนาดนี้เกินพอที่นำไปถลุง!
ซูหยุนปิงหยิบหินคริสตัลจำนวนหนึ่งออกมาเช่นกัน
หินคริสตัลเหล่านี้มาจากส่วนแบ่งกำไร + เงินเดือนของเธอ แม้จะไม่มากเท่าฮังอวี่ แต่เธอนับเป็นผู้หญิงที่มั่งคั่ง เมื่อรวมกับเงินสำรองจากโลกวิญญาณแล้ว ทำให้เธอสามารถรวบรวมมาได้มากถึง 6000 หินคริสตัลขาว!
นี่คือขีดจำกัดแล้ว
แม้เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยกว่าคนทั่วไป
แต่เมื่อเทียบกับฮังอวี่ เห็นได้ชัดว่ายังล้าหลังกว่ามาก
“เอ้านี่” ซูหยุนปิงเผยรอยยิ้มเย้ายวน เอ่ยประโยคที่ดูคลุมเครือ “ฉันส่งรายชื่อของทุกอย่างที่ต้องการให้นายแล้ว รบกวนช่วยซื้อพวกมันมาให้ได้มากที่สุดโดยเรียงจากบนลงล่าง ฝากด้วยนะนายท่าน!”
ฮังอวี่หยิบมือถือออกมาดู
เขาพบว่ารายการที่ซูหยุนปิงต้องการส่วนใหญ่เป็นหินสกิลเลเวล 1 และ 2
นอกจากนี้ก็เป็นพวกโพชั่นแต้มวิญญาณ
หากได้หินสกิลทั้งหมดในรายชื่อมา นั่นมากพอที่จะให้ซูหยุนปิงได้รับสืบทอดมรดกขั้น 2 ที่สมบูรณ์อย่างน้อย 2 มรดก พลังรบของเธอย่อมก้าวกระโดด
ฮังอวี่พูดอย่างเต็มใจ “ไม่มีปัญหา”
ซูหยุนปิงหยิบหินคริสตัลออกมาอีกจำนวนหนึ่ง “ยังมีหินคริสตัลขาวอีก 13000 ก้อน ซึ่ง 10000 ก้อนมาจากพวกตาแก่สองสามคนจากสมาคมโลกวิญญาณ และอีก 3000 ก้อนมาจากผังต้าไห่ เฉารุ่ย และนักศึกษาหลินหลาน เป็นคำขอของคนในให้ช่วยฝากซื้อ”
เธอหยุดพักหนึ่งแล้วพูดต่อ “คนของฉันจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการฝากซื้อ แต่ฉันได้คุยกับทางสมาคมโลกวิญญาณแล้ว และพวกเขายยอมมรับค่านายหน้า 30% จากจำนวนที่ซื้อมาได้!”
ฮังอวี่ตกตะลึง “งั้นถ้าจ่าย 10000 หินคริสตัลขาวมันไม่เท่ากับพวกเขาถูกหักไป 3000 เลยหรอ? ใจอาจารย์เหี้ยมจริงๆ!”
ซูหยุนปิงไม่เห็นด้วย “ตอนแรกฉันจะหักค่านายหน้า 50% แต่เห็นแก่หน้าคุณพ่อ เลยลดให้ 20%”
นี่เห็นแก่หน้าซูเจิ้งเฉิงแล้วหรอ ...
ซูหยุนปิงกล่าว “ค่านายหน้าพวกนี้แบ่งเป็นสองส่วนของนายกับฉัน จะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่เลย”
ได้เงินมาฟรีๆ
ฮังอวี่ย่อมไม่ปฏิเสธ
เขาเก็บหินคริสตัลทั้งหมด และรอจนประตูสู่โลกวิญญาณคูลดาวน์เสร็จก็พาฮัสกี้และเสี่ยวไป๋เข้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดายทันที
เมื่อเขามาถึง จ้าวหมิงที่มักสงบอยู่เสมอก็ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าวิตกเล็กน้อย “นายมาได้จังหวะจริงๆ ฉันกำลังจะติดต่อหาพอดี”
“มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
จ้าวหมิงตอบบว่า “มีเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจากโลกวิญญาณที่ไม่เคยเจอปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆเมืองหุบเขาเดียวดายเมื่อยี่สิบนาทีก่อน และมันรู้ว่านายคือขุนนางของที่นี่!”
ฮังอวี่ชะงัก “มันเป็นใคร?”
จ้าวหมิง “พวกเรายังไม่แน่ใจ แต่มันอ้างว่าเป็นผู้ส่งสารจากขุนนางใหญ่!”
คนของขุนนางใหญ่?
ฮังอวี่ขมวดคิ้วแน่น
นับตั้งแต่เข้ายึดเมืองหุบเขาเดียวดาย เวลาพึ่งผ่านมาแค่สามวันเท่านั้น
แต่ขุนนางใหญ่ที่ดูแลพื้นที่นี้กลับค้นพบพวกเขาแล้ว? นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฮังอวี่เลย เพราะพลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายในตอนนี้ยังห่างไกลจากความยิ่งใหญ่ของขุนนางใหญ่ที่ปกครองทั้งดินแดน