Ep.330 - เรือของพวกเรา
3/3
Ep.330 - เรือของพวกเรา
หลังจากฮังอวี่ครอบครองเมืองหุบเขาเดียวดาย เขาไม่เพียงเป็นเจ้าของดินแดนในโลกวิญญาณเท่านั้น แต่ยังได้รับสมบัติและชื่อเสียงมากมาย
ตอนนี้หากเดาไม่ผิด
เกรงว่าในลิ้นชักของพวกเถ้าแก่ใหญ่ทุกคนคงมีข้อมูลเกี่ยวกับเขา ไล่ตั้งแต่ตัวเขายันรากเหง้าบรรพพุรุษหลายชั่วอายุคน สำหรับความสามารถในการหาข้อมูลของคนเหล่านี้ ฮังอวี่ไม่สงสัยเลยเลยสักนิด
ต้องการทำตัวติดดิน?
มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง!
เมื่อคุณบินขึ้นมาสูงถึงระดับหนึ่ง ต่อให้เป็นหิ่งห้อย คุณก็ยังโดดเด่นท่ามกลางค่ำคืนอัดมืดมิดอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม
ฮังอวี่ในตอนนี้กับในตอนแรกๆ
ความพร้อมมันต่างกัน
ตอนแรกที่ฮังอวี่ไม่สนใจชื่อเสียง
สาเหตุก็เพราะเขาไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร ที่ต้องทำตัวติดดินก็เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกแทรกแซงก่อนเวลาอันควร ตัวเขาตอนนั้นยังอ่อนแอเกินไป
แต่ในวันนี้ มันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว
อย่างแรก พลังรบของเขาแก่กล้ามากพอแล้ว!
ในการต่อสู้ยึดเมืองหุบเขาเดียวดาย ฮังอวี่ได้รับแต้มวิญญาณมามากมาย ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการอัพเลเลสกิลทั้งสาม ‘ควงอาวุธคู่’ ‘คอมโบต่อเนื่องฉับไว’ และ ‘จิตวิญญาณนักสู้’ สามารถสืบทอดมรดกขั้น 2 ได้สำเร็จ
และเอฟเฟกต์ของมันมีผลดังนี้
[ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้] มรดกขั้น 2 , ว่องไว +5 , พละกำลัง +4 , ค่าพลังชีวิต +6 , ค่าพลังจิต +6 , การโจมตีทางกายภาพ +4 , พลังป้องกันทางกายภาพ +2 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +2
และสกิลติดตัว ‘จิตวิญญาณนักสู้’ ได้รับการอัพเกรด มันช่วยเพิ่มพลังรบ 4 หน่วย และความว่องไวอีก 8 หน่วย
ฐานค่าคุณสมบัติของฮังอวี่จึงกลายเป็น :
นักรบเลเวล 10 , ค่าพลังชีวิต 131 , ค่าพลังจิต 88, พละกำลัง +25 , ว่องไว +28.5 , ร่างกาย +9 , จิตวิญญาณ +3 , จิตรับรู้ +3 , ศักดิ์สิทธิ์ +2 , เจตจำนง +2 , การโจมตีทางกายภาพ +15 , การป้องกันทางกายภาพ +6 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +8.5 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น +0.1, อัตราฟื้นฟูพลังจิตเพิ่มขึ้น +1 , ระยะอาวุธประเภทธนู 10% , ความเร็วในการโจมตี +10% , แต้มวิญญาณ 2152/8000 , แก่นแท้สีเขียว 18.9%
หากนับรวมโบนัสอุปกรณ์
พลังชีวิตของฮังอวี่น่าจะเฉียดๆ 200
พละกำลังและความว่องไวของเขาสามารถไปถึงหลักครึ่งร้อย
แล้วถ้าคำนึงถึงเอฟเฟกต์ในสถานะนักรบเลเวล 10 เข้าไปด้วย ตอนนี้ฮังอวี่แกร่งพอที่จะยกรถบรรทุกแล้วโยนมันทิ้งได้อย่างง่ายดาย และหากวิ่งด้วยความเร็วเต็มพิกัด เขาจะเร็วยิ่งกว่ารถยนต์บนทางหลวง
คุณสมบัติทางกายภาพของฮังอวี่บวกกับการป้องกันที่ได้รับจากอุปกรณ์ ตลอดจนค่าพลังชีวิต ถึงจุดนี้ ต่อให้เขาเอาหน้ารับบาซูก้าทั้งลูก มากสุดก็แค่สร้างรอยขีดข่วนเล็กน้อยแก่เขาเท่านั้น
นอกจากมรดกขั้น 2 และสกิลอีกมากมายในตัวแล้ว
เมื่อเทียบกับฮังอวี่เมื่อสองเดือนก่อนที่โลกวิญญาณจะมาถึง เขาพลิกชีวิตจากคนธรรมดากลายเป็นยอดมนุษย์เป็นที่เรียบร้อย หากถูกโยนเข้าไปในโลก Marvel หรือ DC ย่อมได้รับการยกย่องในฐานะซูเปอร์ฮีโร่!
คุณสมบัติที่ทรงพลัง พลังรบที่ไม่ธรรมดา สกิลอีกมากมาย และอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม
ฮังอวี่ได้มายืนอยู่บนยอดพีระมิดของมนุษยชาติแล้ว
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถคุกคามเขาได้
นอกจากนี้ หลังจากท่มเทความพยายามอย่างหนัก ฮังอวี่ยังสามารถดึงซูหยุนปิงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมังกรฟ้า เมื่อมีเธอ กลุ่มของเขาก็เหมือนป้อมปราการเหล็ก ศัตรูจากภายนอกไหนเลยจะรุกรานได้ง่ายๆ?
ในด้านความสัมพันธ์กับภายนอก
รองผู้บัญชาการสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิง ในโลกวิญญาณเป็นลูกน้องของฮังอวี่
ด้านขุมกำลังใหญ่ฝั่งเอกชนอย่างสมาคมโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง หนึ่งในคณะกรรมการของพวกเขาเป็นบิดาของลูกน้องฮังอวี่
ดังนั้น ถึงตัวตนของฮังอวี่ในเจียงเฉิงจะไม่ค่อยโดดเด่น แต่อิทธิพลและขุมกำลังของเขาในเจียงเฉิงย่อมอยู่ในอันดับต้นๆอย่างแน่นอน หากอยู่ในเจียงเฉิง มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเขา!
งั้นถ้าเป็นนอกเมืองเจียงเฉิงล่ะ?
เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเลย!
เพราะทุกวันนี้ เมืองใหญ่ๆทั้งหมดได้เข้าสู่สถานะแยกจากกัน
ปัจจุบันอะไรอย่างการเดินทางข้ามเมืองยากยิ่งกว่าติดต่อขอทำงานข้ามพรมแดน!
กองกำลังของเมืองอื่นๆหรือประเทศอื่นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะทรงพลังซักแค่ไหน หากคิดบุกมาเจียงเฉิง คงต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่ว
ต้นไม้เมื่อเติบใหญ่มักดึงดูดลมฝน
ทว่าหากไม้ที่ว่าหนาและใหญ่พอ มันก็ไม่มีปัญหา!
...
ณ ชานเมืองเจียงเฉิง
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกหนา
ฮังอวี่กระโดดลงจากหลังสัตว์ขี่หมูป่า เดินตรงไปยังร่างอันร้อนแรงที่ยืนรอเขาอยู่ อีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่น เป็นหนึ่งในหญิงงามแห่งยุคสมัย พันธมิตรคนสำคัญของเขา -- อาจารย์ซู
ตอนนี้เธอมาถึงเลเวล 10 แล้ว
ซูหยุนปิงได้ตั้งหลักอย่างมั่นคงในแดนสวรรค์
เธอแอบติดต่อกับชาวพื้นเมืองที่ศรัทธาในเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ และใช้เครื่องหมายแห่งรุ่งอรุณบนตัวเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากชาวพื้นเมืองเหล่านั้น ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา ก็เป็นเรื่องง่ายหากคิดยึดเมืองขนาดเล็ก
ฮังอวี่เดินเข้ามาแล้วถาม “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ถัดจากซูหยุนปิงคือมนุษย์ปลาจอมเวทย์
มิใช่ใครอื่น นี่คือชาลู่ที่ถูกปล่อยตัวไปก่อนหน้านี้ เลเลของมันเพิ่มขึ้น 2 ขั้น ตอนนี้อยู่ในเลเวล 8 อุปกรณ์บนตัวครบครัน ดูโอ่อ่าน่าเกรงขามไม่เบา
ซูหยุนปิงยิ้มและกล่าวว่า “ชาลู่สร้างฐานที่มั่นแห่งแรกของเขาสำเร็จแล้ว!”
เนื่องจากซูหยุนปิงค้นพบแผ่นศิลาแห่งภาษาในโลกวิญญาณ
จึงช่วยให้เธอเข้าใจภาษาทั่วไปของโลกวิญญาณ สามารถสื่อสารกับชาลู่ได้ ทำให้หลายวันที่ผ่านมา ฮังอวี่มอบหมายทุกเรื่องให้เธอจัดการ ส่วนเขามุ่งสมาธิไปกับเรื่องราวในโลกวิญญาณแทน
“อย่างงั้นหรอ เร็วกว่าที่คาดไว้นี่นา!”
“พวกเราไปดูกัน”
ซูหยุนปิงเอ่ยกับชาลู่ “นำทางไป”
ชาลู่กล่าวอย่างนอบน้อม “ขอรับเจ้านาย”
ฮังอวี่ ซูหยุนปิง และจอมเวทย์มนุษย์ปลาระดับสูงเดินเข้าไปในหมอกหนา
นี่ไม่ใช่หมอกธรรมดา เมื่อก้าวเข้ามา คุณจะไม่สามารถมองเห็นแม้แต่นิ้วมือตัวเอง กระทั่งมือถือที่เสริมพลังงานวิญญาณก็ยังถูกรบกวนและส่งผลต่อการสื่อสาร สกิลตรวจจับทุกประเภท ท่ามกลางสภาพแวดล้อมนี้ ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น
แต่หมอกเหล่านี้ฮังอวี่คุ้นเคยดี
มันคือหมอกที่มักปรากฏขึ้นในบริเวณที่มีพวกมนุษย์ปลาอาศัยอยู่
ฮังอวี่คิดอะไรบางอย่างออก เขารีบเอ่ยกับชาลู่ว่า “เป็นไปได้ไหมที่จะนายจะทำพิมพ์เขียวหอคอยหมอกให้พวกเรา? เพราะด้วยเอฟเฟกต์พิเศษของมัน น่าจะใช้ประโยชน์ได้ในหลายๆโอกาส!”
ซูหยุนปิงตอบแทนชาลู่ “เรื่องนี้ยังจำเป็นต้องให้นายพูดอีกหรอ ฉันเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว หอคอยหมอกในชุมชนมังกรฟ้ากำลังเริ่มก่อสร้าง ตราบใดที่พวกเราลอบนำกลุ่มช่างฝีมือมนุษย์ปลาเข้าไปได้ ภายในเจ็ดวัน ทุกอย่างเป็นอันเสร็จสิ้น!”
เอฟเฟกต์หมอกเป็นของดีอย่างแท้จริง!
เจ้าสิ่งนี้ไม่สามารถโจมตีหรือป้องกันได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม มันช่วยปิดบังสายตาได้ดี หากมีการสร้างหอคอยหมอกซักสองสามแห่งใกล้ๆกับเมืองหุบเขาเดียวดาย มันอาจช่วยกำบังพวกเขาได้ในช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดการโจมตี
ฮังอวี่ตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีก่อสร้างของเผ่าพันธุ์ทางทะเลนี้มาสู่แคว้นเดียวดาย ซึ่งเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ในแคว้นเดียวดายน่าจะไม่เคยเห็นอาคารและค่ายกลพิเศษเช่นนี้มาก่อน
“พวกเรามาถึงแล้ว”
“นี่แหละคือป้อมปราการมนุษย์ปลาของพวกเรา!”
เสียงอันน่าดึงดูดของซูหยุนปิงดึงสติฮังอวี่ที่กำลังฟุ้งซ่านกลับมา
เดิมฮังอวี่คาดว่าจะได้เห็นค่ายขนาดใหญ่ แต่เขากลับพบว่าตัวเองเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าแม่น้ำแยงซีอันเงียบสงบท่ามกลางสายหมอก นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกเลย
แต่ในตอนนั้นเอง ชาลู่หยิบวัตถุที่มีรูปร่างเหมือนเขาออกมาแล้วเป่ามัน
ไม่กี่วินาทีต่อมา บังเกิดลมกรรโชกแรง หมอกละอองหนาค่อยๆจางลงเล็กน้อย จากนั้น เรือไม้ที่มีขนาดมหึมาและรูปลักษณ์แปลกๆก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
“เป็นยังไงบ้าง? แปลกใจไหม” ซูหยุนปิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคาดหวังเล็กน้อย “นี่คือเรือของพวกเรา!”
ฮังอวี่อึ้งไปหลายวินาที “นึกไม่ถึงเลยว่าฐานที่มั่นที่แท้จะเป็นเรือลำใหญ่!”
ซูหยุนปิงกล่าว “อย่ามองแค่รูปลักษณ์ของเรือ ที่จริงแล้วข้างในกว้างพอที่จะรองรับค่ายมนุษย์ปลาระดับกลาง มีที่ว่างให้ทำงานสายผลิตต่างๆ เทียบได้กับโรงงานผลิตเคลื่อนที่ ... นอกจากนี้มันยังเร็วมาก สามารถแล่นไปตามริมน้ำแยงซี เคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งที่อุดมไปด้วยทรัพยากรเพื่อรวบรวมพวกมัน”