ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 49 ในร้านอาหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 51 เก็บกวาดนิกายถ้ำมังกร

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 50 การมาถึงของนิกายถ้ำมังกร


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 50 การมาถึงของนิกายถ้ำมังกร

แปลโดย iPAT  

เมื่อถึงเวลา เย่ต้าฉวนก็ยืนขึ้นและยกจอกสุราให้กับทุกคน “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่” จากนั้นเขาก็กล่าวต่อด้วยท่าทางโศกเศร้าและโกรธเคือง “วันนี้ข้าเชิญทุกท่านมาเพราะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความอยู่รอดของเมืองชิงหยางของเรา ถูกต้อง มันคือเนื้อร้ายป้อมวายุทมิฬ โจรวายุทมิฬชั่วร้ายและทำตัวอุกอาจ พวกเขาทำบาปมากมายที่ไม่สามารถให้อภัย พวกเขาขโมยเงินไปมากมาย เอ่อ...และผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาเข่นฆ่าผู้คนไปมากเท่าใด?”

เขารู้สึกหดหู่มากกับความจริงที่ว่าโจรเหล่านี้ร่ำรวยกว่าเขา ที่ปรึกษาเตะขาเจ้าเมืองเย่จากใต้โต๊ะ ดังนั้นเขาจึงรีบดำเนินการต่อไปหลังจากไอเบาๆ

“ตอนนี้พวกเขาต้องการสังหารหมู่คนหมู่บ้านกระทิงหมอบ ในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความยุติธรรมของเมืองชิงหยาง หากข้าอดทนต่อสิ่งนี้ พวกเขาจะคิดว่าสามารถทำสิ่งใดก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ทุกท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ด้านข้างข้ามาแล้ว เขาคือเสือโคร่ง หลี่ฉิงซาน!”

เขาเน้นย้ำฉายาเสือโคร่งที่มีชื่อเสียงแต่นั่นกลับทำให้หางตาของหลี่ฉิงซานกระตุก

“วีรบุรุษหนุ่มผู้นี้ยังเป็นมือปราบของเมืองชิงหยางในเวลานี้ ไม่เพียงเขาจะสังหารนายน้อยสามและโจรหลายสิบคนของป้อมวายุทมิฬ เขายังต้องการทำลายรังโจรทั้งหมด ข้าขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายและพยายามทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะไม่สูญเปล่า ทุกคนจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข” หลังกล่าวจบคำ เขาก็ดื่มสุราจนหมดจอก

เมืองชิงหยางไม่มีทหารหรือนายพลแม้แต่คนเดียวที่เจ้าเมืองเย่ผู้นี้สามารถออกคำสั่ง กระทั่งยามที่จวนเจ้าเมืองก็ยังแก่ อ่อนแอ ป่วย และพิการ ในทางตรงข้าม ขุนนางตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนมีคฤหาสน์ใหญ่โต มียามที่แข็งแรงมากมาย นี่ทำให้เมืองชิงหยางถูกปกครองโดยกลุ่มโจรหรือกองกำลังต่างๆเช่นสำนักกำปั้นเหล็ก หากเจ้าเมืองเย่ต้องการทหาร เขาต้องขอยืมคนของขุนนางเหล่านี้เท่านั้น ตราบเท่าที่แต่ละตระกูลส่งคนออกมาสี่หรือห้าคน เจ้าเมืองเย่จะมีทหารเพียงพอที่จะใช้งานในภารกิจนี้

อย่างไรก็ตามไม่มีขุนนางคนใดดื่มสุรา พวกเขาทั้งหมดมองหน้ากันและตระหนักว่าครั้งนี้เจ้าเมืองจริงจังมาก

เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะถูกขอเงิน เจ้าเมืองคนก่อนๆก็ขอเงินจากพวกเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามการขอยืมคนไม่ใช่เรื่องปกติ

นอกเหนือจากเจ้าเมืองบางคนในอดีตที่นำกลุ่มคนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อกำหราบหมู่บ้านบังเหียนม้า เจ้าเมืองที่มาในภายหลังไม่เคยดำเนินการใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

แน่นอนว่าเหล่าขุนนางไม่ต้องการให้เงินเขาโดยไม่ต้องกล่าวถึงคน

ไม่มีใครรู้ว่าหมู่บ้านกระทิงหมอบอยู่ที่ไหน การทำลายล้างมันเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างไร? ป้อมวายุทมิฬไม่ได้มาสร้างปัญหาให้พวกเขา แล้วเหตุใดพวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อผู้อื่น?

ขุนนางอายุสี่สิบหรือห้าสิบปีกล่าว “ท่านเย่ พวกเราเข้าใจความกังวลของท่านและความห่วงใยที่ท่านมีต่อราษฎร เราไม่สามารถมองดูอยู่เฉยๆ เราต้องทำบางสิ่ง อย่างไรก็ตามหากท่านต้องการให้เราส่งคนออกไป นั่นเป็นไปไม่ได้ แม้เราจะตกลง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เต็มใจ”

เขาอธิบายจุดยืนของตนเองอย่างอ้อมๆโดยต้องการสื่อสารว่า “เราสามารถมอบเงินบางส่วนให้เจ้า แต่เมื่อเจ้ารับเงินไปแล้ว จงอยู่อย่างว่าง่าย อย่าสร้างปัญหาให้เรา!”

‘ข้าจะได้เงินจริงๆ!’ เย่ต้าฉวนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาต้องการหยิกต้นขาของตนเพื่อทดสอบว่าเขากำลังฝันไปหรือไม่ ตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่งเจ้าเมือง เขาก็เริ่มขอเงินจากทุคนแต่ไม่มีผู้ใดส่งมอบให้เขา เขาไม่เคยได้รับเงินแม้แต่ตำลึงเดียว

ความสำเร็จมักมาโดยไม่ทันตั้งตัว เย่ต้าฉวนสงบสติอารมณ์และชำเลืองมองหลี่ฉิงซาน เขาเริ่มพิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องยอมรับสิ่งนี้และถอนตัวหรือไม่

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วแต่เขาไม่สามารถตำหนิขุนนางเหล่านี้เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา คนธรรมดาก็เป็นเช่นนี้ รวมกับการกระทำของเจ้าเมืองคนก่อนๆ มันน่าเหลือเชื่อมากแล้วที่พวกเขายอมบริจาคเงินบางส่วน ตั้งแต่พวกเขาไม่สามารถให้ยืมกำลังคน มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับพวกเขา เขากล่าว “เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณพวกท่าน...”

“ท่านพ่อ อย่าให้เงินเขา!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินขึ้นบันไดมาและจ้องมองหลี่ฉิงซานด้วยสายตาชั่วร้าย

หลี่ฉิงซานจำเขาได้ทันที เขาคือนายน้อยที่อยู่ในรถม้า ก่อนหน้านี้เขายังคุกเข่าและมอบเงินให้หลี่ฉิงซาน แต่เหตุใดตอนนี้เขาจึงกล้าหาญนัก? เขาพึ่งพาอิทธิพลของขุนนางที่อยู่ที่นี่งั้นหรือ?

“อย่ายุ่ง นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะสามารถมาได้ กลับไป!” ขุนนางวัยกลางคนตำหนิ

แต่ชายหนุ่มยังไม่หยุด เขากล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่งและพึงพอใจ “ศิษย์พี่ของข้ามาแล้ว!”

“คนของนิกายถ้ำมังกรมางั้นหรือ?” ขุนนางอีกคนอุทานด้วยความประหลาดใจและยินดี

“บุตรชายของข้าเรียนศิลปะการต่อสู้อยู่ที่นั่น!”

“ถูกต้อง บุตรชายของข้าก็เช่นกัน”

เหล่าขุนนางซุบซิบอย่างมีความสุข พวกเขาดีใจที่มีคนยืนหยัดเพื่อพวกเขา นี่จะทำให้พวกเขาไม่ต้องจ่ายเงิน

ใบหน้าของหลี่ฉิงซานกลายเป็นเย็นชา การดูหมิ่นบนภูเขาในวันนั้นกลับมาสร้างความปวดหัวให้เขาอีกครั้ง

คนกลุ่มหนึ่งวิ่งขึ้นบันไดมา ทุกคนล้วนสวมชุดขาวและถือดาบ ใบหน้าของพวกเขาดูเย่อหยิ่งและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่เป็นมิตรออกมา

หัวหน้าของพวกเขาก็คือนายน้อยแห่งนิกายถ้ำมังกร หยางจุน

“ท่านเจ้าเมือง ท่านเชิญทุกคนมาที่นี่ แต่เหตุใดท่านไม่เชิญนิกายถ้ำมังกรของเรา? ท่านกำลังดูถูกพวกเราอยู่งั้นหรือ?” สายตาของหยางจุนกวาดมองไปรอบๆ เขาพยักหน้าให้หลิวหงทันทีที่เห็น นี่อาจจะเรียกว่าเป็นการทักทาย เมื่อเขาเห็นหลี่ฉิงซาน ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นด้วยความโกรธ “เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ! เจ้าทำให้เราต้องค้นหาไปทั่ว!”

“เจ้าตามหาข้าอยู่งั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ จากการแสดงออกของหยางจุน มันดูราวกับเขาทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองมาก อย่างไรก็ตามตั้งแต่หยางจุนมาเคาะประตูบ้านเขาในวันนี้ เขาก็จะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไปง่ายๆ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้นำหอกทรราชมาด้วย มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากเท่าใด

“ข้าเสียใจที่ปล่อยเจ้าไปในวันนั้น วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าคายทุกสิ่งที่เจ้ากินเข้าไปออกมา!” หยางจุนมองหลี่ฉิงซานราวกับเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา หลังจากเรียนรู้ว่าโสมจิตวิญญาณอยู่ในการครอบครองของหลี่ฉิงซาน หยางจุนก็โกรธทันที

โสมจิตวิญญาณหลุดมือเขาไปและจบลงในมือของคนผู้นี้ แม้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะย่อยโสมจิตวิญญาณในระยะเวลาสั้นๆ แต่ฤทธิ์ของโสมจิตวิญญาณก็จะหมดลงเมื่อเวลาผ่านไป หยางจุนรู้สึกว่าโสมจิตวิญญาณเป็นของเขาตั้งแต่แรก มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะโกรธ

ในสายตาของหยางจุน หลี่ฉิงซานเป็นหัวขโมยที่น่ารังเกียจและน่าสมเพช เขาต้องการตัดหลี่ฉิงซานออกเป็นชิ้นๆ

เย่ต้าฉวนรีบลุกขึ้น “จอมยุทธ์หนุ่ม ใจเย็นก่อน ฉิงซานเป็นมือปราบของข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิด เราสามารถพูดคุย” เขาเข้าใจว่านิกายถ้ำมังกรตั้งใจมาสร้างปัญหา ทุกคนมาพร้อมกับอาวุธ แม้หลี่ฉิงซานจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะต่อสู้กับคนมากมายเช่นนี้

หยางจุนกล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “ท่านเจ้าเมือง คนผู้นี้ขโมยของสำคัญของนิกายถ้ำมังกรของเรา วันนี้เรามาจับตัวเขา อย่าขวางทาง ดาบไร้ตา โปรดระวัง!”

จากนั้นหยางจุนก็ออกคำสั่งโดยไม่รอคำตอบ “จับเขา!” เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “อย่าฆ่าเขา ข้าจะค่อยๆสอบสวนเขาเพื่อหาที่อยู่ของมัน!” คนมากกว่าสิบคนวิ่งเข้าไปขณะที่พวกขุนนางรีบหลบออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว เจ้าเมืองและที่ปรึกษาก็เช่นกัน รอบโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีเพียงหลิวหงที่ยังนั่งอยู่และดื่มสุราอย่างสบายอารมณ์

ท่ามกลางผู้คนทั้งหมด มีเพียงหลิวหงเท่านั้นที่เข้าใจความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซาน สำหรับความสัมพันธ์ของสำนักกำปั้นเหล็กและนิกายถ้ำมังกร ทัศนคติที่หยางจุนแสดงออกมาค่อนข้างคลุมเครือ สำนักกำปั้นเหล็กรับศิษย์ทุกระดับ ขณะที่นิกายถ้ำมังกรรับเฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้น ศิษย์ทุกคนของนิกายถ้ำมังกรล้วนมาจากครอบครัวตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างเย่อหยิ่ง

ความสัมพันธ์ของทั้งสองกองกำลังไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้หลิวหงจึงไม่เปิดปากเตือน ในความเป็นจริงเขาหวังว่าคนของนิกายถ้ำมังกรจะเสียชีวิตที่นี่ หยางจุนเย่อหยิ่งและไม่เคารพเขา อย่างไรก็ตามเขายังอยากรู้ว่าของสำคัญที่ถูกกล่าวถึงคือสิ่งใด ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินข่าวบางอย่างมาก่อน

นักดาบร่างผอมสูงมองหลี่ฉิงซานด้วยความโกรธและเกลียดชัง เขาคือซือต้า หลังจากหลี่ฉิงซานทำลายดาบอขงเขา เขารู้สึกอับอายมาก เขายังถูกลงโทษโดยผู้นำนิกายหลังจากกลับมา ดังนั้นเขาจึงเกลียดชังหลี่ฉิงซานอย่างที่สุด ครั้งนี้เขาต้องการตัดมือของหลี่ฉิงซานออกมา