ตอนที่ 605 : ไม่เป็นไรที่จะเป็นแม่บ้านของนาย?
ตอนที่ 605 : ไม่เป็นไรที่จะเป็นแม่บ้านของนาย?
ปอดของโจวจื่อจื่อแทบจะระเบิดด้วยความโกรธ
เธอตะโกนใส่เจียงเฉินว่า “นาย นายมีอะไรบ้าง นายหยิ่งนักหรอ?! นายไม่รู้จริงๆหรอว่าท้องฟ้ามันสูงแค่ไหน!”
เจียงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหัวของเขาก่อนจะยิ้มออกมา "ฉันไม่มีอะไรมากหรอกแต่อย่างไรก็ตาม ที่ดินที่บ้านของฉันมันก็เป็นแค่ทุ่งหญ้าและบ่อน้ำเท่านั้น!"
“ทุ่งหญ้า บ่อน้ำ มันคืออะไรกัน?”
โจวจื่อจื่อพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา
เจียงเฉินยิ้มเล็กน้อย "มีแค่ทุ่งหญ้ามันก็คือทุ่งถ่านหิน! บ่อน้ำก็คือบ่อก๊าซธรรมชาติ!"
พรูด!
คนรอบข้างที่ดูอยู่ก็ล้มลงทีละคน
“น้องชายคนนี้หยิ่งเกินไปแล้ว!”
"นี่เรื่องจริงหรือหลอก?"
“เรื่องแบบนี้มันคงไม่สามารถเอามาพูดโกหกกันได้หรอกใช่ไหม?”
โจวจื่อจื่อตกตะลึง
"ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีเหมืองแบบครอบครัวของฉันกัน?"
"ไม่!"
เธอพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับมือของเธอที่นำไปเท้าที่สะโพกของเธอ "เห็นได้ชัดว่าคุณนายกำลังโกหก! ครอบครัวของฉันต่างหากที่มีเหมืองอยู่จริงๆ!"
เจียงเฉินเหลือบมองเธออันที่จริง เขารู้มานานแล้วว่าครอบครัวของโจวจื่อจื่อนั้นทำกิจการเหมืองและพวกเขาค่อนข้างรวย
แต่
เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเขาแล้วอีกฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรเลย
จะมีเงินหรือไม่นั้นไม่สำคัญแต่มันสำคัญอยู่ที่ว่าคุณกำลังเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร
เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้ว สถานะทางครอบครัวของโจวจื่อจื่ออาจจะเรียกได้ว่าสูงกว่ามากและทำให้คนส่วนใหญ่ต้องเงยหน้าขึ้นมองเธอ
แต่.....
เมื่อเทียบกับเจียงเฉิน?
ฮ่าๆๆๆ
มีเหมืองที่บ้าน?
เจียงเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา
โจวป๋อก็กระโดดออกมาและชี้ไปที่เจียงเฉินและพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “เจียงเฉิน! แกรอก่อนเถอะ! กราเมาอ้วกต่อหน้าตระกูลโจวของฉัน แกรู้หรือเปล่าว่าตระกูลโจวของฉันร่ำรวยมากแค่ไหน?! เรามีทั้งเหมือนถ่านหินและบ่อน้ำมันอยู่ที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ! น้องสาวของฉันตกหลุมรักแกแต่แกกลับปฏิเสธเธองั้นเหรอ?!”
เมื่อโจวป๋อพูดออกมาแบบนั้นหลายคนก็ตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที
“พระเจ้าช่วย! จริงๆแล้วพวกเขาเป็นคุณหนูกับนายน้อยตระกูลโจวทางภาคตะวันตกเฉียงเหนืองั้นหรอ?!”
“ตระกูลโจวทางตะวันตกเฉียงเหนือ พวกเขาเป็นใครกัน?”
“พวกเขาเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ! ที่บ้านของพวกเขาทำธุรกิจเหมือง! เป็นเหมืองขนาดใหญ่มากด้วย!”
“แถมที่บ้านของพวกเขายังมีบ่อน้ำมันด้วย!”
คนที่ดูอยู่รอบๆก็พากันตกตะลึง
ในขณะที่เจียงเฉินกำลังตกอยู่ในอันตราย
ในเวลานี้เองมู่เฉิงเฉิงและเฉินเค่อเฉียนก็บังเอิญเดินผ่านมาพอดีและเมื่อเห็นว่าเจียงเฉินถูกหญิงสาวที่ขับรถสปอร์ตขวางทางเอาไว้ พวกเธอจึงรีบเข้ามาทันที.....
“พวกคุณกำลังทำอะไรกัน?”
“หือ? เจียงเฉิน!”
สาวงามทั้งสองคนยืนอยู่ต่อหน้าเจียงเฉินและจ้องมองไปทางพี่น้องโจวป๋อและโจวจื่อจื่อ
“ทำไมคุณถึงมารังแกเจียงเฉิน?!”
เฉินเค่อเฉียนที่มีบุคลิกที่ร้อนแรงและกล้าพูดทุกอย่างที่ตัวเธอคิดก็พูดออกมาทันที
โจวจื่อจื่อพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “ฉันตกหลุมรักแฟนของพวกเธอแล้ว! ฉันจะจ่ายให้พวกเธอหนึ่งพันล้านหยวน! รีบเก็บของแล้วออกไปจากชีวิตเขาซะ!”
เฉินเค่อเฉียนและมู่เฉิงเฉิงมองหน้ากัน
คนที่ดูอยู่ก็พากันอิจฉาอีกครั้ง
“หนึ่งพันล้าน!”
“สาวสวย เธออยากเห็นแฟนของฉันมั้ย ฉันยอมขายได้เลย!”
“ฉันไม่คหนึ่งพันล้าน แฟนของฉันฉันขายให้สิบล้านก็พอ!”
“ของฉันแค่หนึ่งล้านก็พอแล้ว!”
ในเวลานี้เองก็มีรถ Bentley ขับเข้ามาจอดตรงหน้าคนทั้งสาม
ชายชราคนหนึ่งก้าวลงออกมาจากรถ
“พ่อ!”
โจวป๋อตกตะลึงทันทีที่เห็น
“พ่อ!”
“โจวจื่อจื่อวิ่งเข้าไปหาชายชราอย่างร่าเริง
ชายชราคนนี้เป็นผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือเขาก็คือหัวหน้าตระกูลโจว-โจวฉื่อหรง!
โจวฉื่อหรงเนี่ยไม่ได้มองไปทางโจวจื่อจื่อเลย แต่เขากลับเดินไปหาเจียงเฉินด้วยความเคารพ
เมื่อเขาไปอยู่ต่อหน้าเจียงเฉินแล้วเขาก็โค้งคำนับให้ทันที
“ขอโทษด้วยนะครับคุณเจียงเฉิน คุณใช้ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทดูไบปิโตรเลียมหรือเปล่าครับ?”
เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นโจวป๋อและโจวจื่อจื่อก็ตกตะลึงทันที!
“อะไรนะ บริษัทดูไบปิโตรเลียม? นั่นไม่ใช่บริษัทน้ำมันในดูไบที่พวกเราเพิ่งจะลงทุนไปมหาศาลไม่ใช่หรอ?”
แม้ว่าโจวป๋อจะมีนิสัยที่ขี้เล่นแต่เขาก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของโจวฉื่อหรง แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ที่พ่อของเขาเพิ่งจะลงทุนไป
นั่นก็คือช่วงเวลาเมื่อปีที่แล้วหลังจากที่พ่อของเขาขายเหมืองและลงทุนไปกับบริษัทน้ำมันในต่างประเทศ พวกเขาได้ทำการ เปลี่ยนเงินหยวนจำนวนทั้งหมดสามหมื่นห้าพันล้านหยวนให้กลายเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐและทำการลงทุนในบริษัทดูไบปิโตรเลียม!
ลงทุนครั้งเดียวถึงห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!
ดังนั้นสัดส่วนในการถือหุ้นของบริษัทดูไบปิโตรเลียมของตระกูลโจวจึงสูงถึง 80%!
แต่ในตอนนี้โจวฉื่อหรงกลับพูดออกมาว่าเจียงแชทนั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทดูไบปิโตรเลียม?
เป็นไปได้ไหมว่า?
“พ่อครับ พอเข้าใจผิดแล้ว คนๆนี้จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทดูไบปิโตรเลียมของเราได้ยังไงกัน ฮ่าๆๆๆ”
โจวจื่อจื่อเองก็ยิ้มออกมา “บริษัทดูไบปิโตรเลียมเป็นของเจ้าชายของประเทศดูไบ ปีที่แล้วกว่าพวกเราจะซื้อไม่ได้เราก็ต้องไปหาเจ้าชายถึงสองสามครั้ง ดังนั้นแล้วเจ้าชายจะทำเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“ไอ้พวกลูกเวร!”
บนหน้าผากของโจวฉื่อหรงเต็มไปด้วยเส้นสีน้ำเงินและเขาก็ตบหน้าของโจวป๋ออย่างรุนแรง!
โจวป๋อเซจนเกือบจะล้มลงกับพื้นทันที!
“พ่อครับ?”
จมูกของโจวป๋อมีเลือดไหลออกมา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนโจวฉื่อหรงเพราะว่าเขาเคยได้บทเรียนมาก่อนแล้วและในครั้งนั้นมันก็เกือบทำให้เขาขาหัก
โจวฉื่อหรงคำรามออกมา “พวกแกสองคน! กล้าดียังไงถึงทำให้ผู้ถือหุ้นเจียงเฉินขุ่นเคือง พวกแกไม่รู้เลยเหรอว่าในปีนี้บอสเจียง กับคุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ใช้เงินอย่างน้อยหนึ่งแสนล้านดอลลาร์เพื่อร่วมกันซื้อหุ้นของบริษัทดูไบปิโตรเลียมไปแล้วดังนั้นพวกเขาจึงมีอำนาจในบอร์ดบริหารอย่างแน่นอน! แล้วพวกแกกล้าดียังไงถึงมายั่วยุเขาแบบนี้?!”
โจวป๋อและโจวจื่อจื่อตกตะลึงในทันที
รอยนิ้วทั้งห้ายังปรากฏอยู่บนใบหน้าของโจวป๋อและความเจ็บปวดจากการถูกตีก็ยังอยู่ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่เจ๊ามองไปที่เจียงเฉินที่กำลังจ้องมองตัวเขาราวกับกำลังมองดูคนโง่.....
“เขาร่วมมือกับบัฟเฟตต์ ใช้เงินไปกว่าแสนล้านดอลลาร์เพื่อควบคุมบริษัทดูไบปิโตรเลียม?”
“ครอบครัวของฉันครอบครองบ่อน้ำมัน แต่ปรากฏว่าเขาเป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน?”
“แล้วนี่ฉันกล้าดียังไงถึงจะไปแย่งแฟนของเขา?”
“…..”
โจวฉื่อหรงพูดออกมาด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทำบริษัทดูไบปิโตรเลียมโทรมาเตือนฉัน ฉันก็คงไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าพวกแกสองคนกำลังมายั่วยุคุณเจียงชัดอยู่ข้างนอก!”
เขาตะโกนออกมาอีกครั้งและเตะโจวป๋อ “แก! ไอ้สารเลว! สมองแกมีปัญหาหรือยังไงถึงคิดจะไปแย่งแฟนของคุณเจียง! แถมแกยังลากน้องสาวของแกมาทำเรื่องผิดผิดแบบนี้อีก! ฉันจะฆ่าแก!”
โจวป๋อกรีดร้องออกมา
ในขณะที่โจวฉื่อหรงกำลังทุบตีลูกชายของตัวเอง เขาก็ยังคงหันมาก้มหัวให้กับเจียงเฉินแล้วพูดออกมายังข่มขื่น
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆบอสเจียง! เป็นลูกของผมเองที่ไม่มีหัวคิด!”
“วันนี้ผมจะต้องให้คำอธิบายให้กับคุณให้ได้อย่างแน่นอน!”
“ผมจะลงโทษเขาด้วยการตอนของเขาทิ้งไป!”
ใบหน้าของโจวป๋อเปลี่ยนไปสีเขียวทันทีเมื่อได้ยินว่าพ่อของเขากำลังจะตอนน้องชายของเขา!
โอ้พระเจ้า!
นี่พ่อกำลังจะฆ่าฉันเหรอ?!
เฉินเค่อเฉียนและมู่เฉิงเฉิงมองหน้ากันโดยที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เจียงเฉินโบกมือของเขา “คุณโจวไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก มันเป็นความผิดของลูกทั้งสองคนของคุณจริงๆแต่มันไม่ใช่ความผิดของคุณแล้วมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่ที่จะทุบตีพวกเขาแบบนี้”
โจวป๋อถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันคงจะจบลงเพียงแต่เท่านี้
แต่ใครจะไปคิด
เจียงเฉินกับยิ้มและหยิบแท่งเหล็กหนาออกมาแล้วยื่นให้กับโจวฉื่อหรง “ถ้าคุณต้องการที่จะตีเขาคุณก็ต้องใช้อันนี้! มันได้ผลดีทีเดียวเลยนะ”
ดวงตาของโจวฉื่อหรงเต็มไปด้วยความหมองคล้ำและเขาก็หยิบแท่งเหล็กขึ้นมา
เดิมทีเขาต้องการที่จะแสดงต่อหน้าเจียงเฉินเพียงแค่แสร้งทำเป็นตีลูกชายของตัวเอง แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฉินจะหาอาวุธให้เขาแบบนี้......
โจวฉื่อหรงไม่มีทางเลือกอื่น
เขาหยิบแท่งเหล็กขึ้นมาแล้วกัดฟันพูดว่า “คุณเจียง! เพื่อเป็นการขอโทษคุณ วันนี้ผมจะเป็นคนลงโทษเขาให้เอง!”
เมื่อพูดจบเขาก็ใช้แท่งเหล็กตีโจวป๋อ
เสียงกรีดร้องอันน่าสงสารของโจวป๋อดังลั่นออกมา
“ไว้ชีวิตผมด้วยคุณเจียง ว่าชีวิตผมด้วย ผมไม่กล้าอีกแล้ว!”
เจียงเฉินยิ้มออกมาก่อนที่จะกอดแฟนสาวเฉินเค่อเฉียนและมู่เฉิงเฉิงทั้งสองคนก่อนจะปิดปากและหัวเราะออกมาที่เห็นโจวป๋อถูกทุบตีโดยพ่อของตัวเอง....
มือของโจวฉื่อหรงเริ่มรู้สึกเจ็บ
แต่เขาก็ยังคงไม่วางแท่งเหล็กลงและเขาก็พูดขอโทษเจียงเฉิน “คุณเจียง เป็นความผิดของผมเองที่สั่งสอนพวกเขาได้ไม่ดีแบบโปรดยกโทษให้พวกเขาด้วยนะครับ”
เจียงเฉินยิ้ม “ในเมื่อพวกเขาไม่รู้คุณก็ต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกเขาสิ ทำไมถึงต้องตีพวกเขาอย่างรุนแรงแบบนี้ด้วย?”
โจวป๋อที่กำลังจะตาย เมื่อได้ยินเจียงเฉินพูดออกมาแบบนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
เห็นได้ชัดว่าแกเป็นคนเอาแท่งเหล็กนี้มอบให้กับพ่อของฉันเองเพื่อทุบตีฉันไม่ใช่เหรอ?!
แล้วตอนนี้แกยังจะทำตัวเป็นคนดีอีก?
ฉัน……
ด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ โจวป๋อก็กระอักเลือดออกมาจนเกือบตาย
“แล้วคุณสบายใจขึ้นหรือยังครับ?”
โจวฉื่อหรงหัวเราะและขอโทษออกมา
ดวงตาของเจียงฉันตกไปที่โจวจื่อจื่อที่กำลังตกตะลึงอยู่ด้านข้างและพูดออกมาว่า “เรื่องลูกชายของคุณจบไปแล้ว แต่ว่าลูกสาวของคุณ…..”
เจียงเฉินยิ้มออกมา “อย่างไรซะก่อนหน้านี้ลูกสาวของคุณก็เพิ่งจะข่มขู่ผมไป”
ทันทีที่โจวฉื่อหรงได้ยินแบบนั้นเขาก็กัดฟันและเตรียมที่จะตีโจวจื่อจื่อด้วยแท่งเหล็ก
โจวจื่อจื่อที่เห็นแบบนั้นก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
เธอนั้นได้เห็นตัวอย่างจากพี่ชายที่น่าสงสารของเธอแล้ว
เธอนั้นจะต้องทนไม่ได้อย่างแน่นอน
เธอเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงอายุ 18 ปีที่เรียนการเต้นเธอไม่สามารถทนกับการถูกทุบตีแบบนี้ได้
เจียงเฉินพูดออกมา “คุณโจว อย่าเพิ่งสิ”
โจวจื่อจื่อมองดูเจียงเฉินอย่างซาบซึ้ง
ผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะช่วยชีวิตฉันในวินาทีสุดท้ายจริงๆงั้นเหรอ?
ขอบคุณ!
โจวฉื่อหรงก็รู้สึกโล่งใจมากเช่นกัน
โจวจื่อจื่อเป็นลูกสาวที่เขารักมากที่สุด ตอนนี้เขาทุบตีลูกชายของตัวเองไปแล้วแต่หากเขายังต้องมาทุบตีโจวจื่อจื่ออีกเขาก็ลังเลไม่น้อยเลย
เจียงเฉินชี้ไปที่โจวจื่อจื่อ “แต่อย่างไรก็ตาม จริง โทษตายสามารถยกเว้นได้ แต่เธอก็ไม่สามารถหลีกหนีเจ้าความผิดของตัวเองได้เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ก็ทำให้ผมขุ่นเคือง!”
“คุณหมายถึงอะไร?”
โจวฉื่อหรงถามออกมาอย่างระมัดระวังด้วยความตกตะลึง
เจียงเฉินพูดออกมา “ในเมื่อคุณไม่สามารถสั่งสอนลูกสาวของคุณให้เป็นคนดีได้งั้นก็ส่งเธอมาให้ผมเป็นคนลงโทษเธอด้วยตัวเอง! ช่วงเวลาต่อจากนี้โจวจื่อจื่อจะต้องมาอยู่เคียงข้างผมในฐานะคนรับใช้!”
“อะไรนะ?”
ใบหน้าของโจวจื่อจื่อแดงก่ำไปด้วยความโกรธ “นาย นายต้องการให้ฉันไปเป็นคนรับใช้งั้นหรอ?!”
เจียงเฉินมองเธอ “อะไรกัน? เธอไม่เห็นด้วยงั้นหรอ งั้นก็ดี! คุณโจว เชิญลงมือได้เลย!”
“ไม่ ไม่!”
เมื่อโจวจื่อจื่อที่เห็นว่าพ่อของเธอกำลังถือแท่งเหล็กขนาดใหญ่ที่มีเลือดอยู่ในมือเธอก็ตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เธอจึงรีบอ้อนวอนขอความเมตตา “ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดไปจริงๆ พี่เฉิน ฉันผิดไปแล้วจริงๆ”
“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์”
เจียงเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเกิดว่าคำขอโทษมันมีประโยชน์มากขนาดนั้นแล้วเราจะมีตำรวจไปทำไมกัน?”
“งั้นฉันต้องไปเป็นคนรับใช้จริงๆใช่ไหม”
โจวจื่อจื่อทำได้เพียงหลั่งน้ำตาที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจมาจากดวงตาที่สวยงามของเธอ
น้ำตาของดอกไม้ประจำโรงเรียนการแสดงปักกิ่ง....
เคยมีชีวิตที่สูงส่ง....
แต่ตอนนี้กลับต้องกลายมาเป็นคนรับใช้.....
ลูกสาวของมหาเศรษฐีผู้สง่างาม ดอกไม้ประจำโรงเรียนการแสดงที่หยิ่งผยอง ถูกเจียงเฉินกำหนดให้กลายเป็นเพียงแค่คนรับใช้!