ตอนที่ 187 แผนสร้างตึกที่สูงที่สุดในจีนเริ่มต้น
คนรอบตัวของซูข่านมีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่พวกเขาจบมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจบจากที่เมืองเสรีอันดับหนึ่งอย่างอเมริกา คนจีนส่วนมากนิยมอพยพไปตั้งรกรากกันที่นั่น
แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไปเรียนต่อที่นั่น น้อยคนที่เรียนจบแล้วจะเดินทางกลับมาที่ประเทศจีน
ความเหลื่อมล้ำของจีนกับอเมริกาในยุคนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหว โลกของที่นั่นต่างจากที่นี่โดยสิ้นเชิง เงินเดือนของพนักงานเสิร์ฟอาหารยังเริ่มต้นที่ 1,000 ดอลล่าห์เลย
30 หยวน กับ 1,000 ดอลล่าห์ ต่างกันไม่รู้กี่เท่า
ต้องนับถือใจคนจีนที่ไปเรียนต่อที่นั่นแล้วกลับมาประเทศตัวเอง พวกเขาเป็นคนที่น่ายกย่องกว่านักการเมืองบางคนซะอีก คนพวกนี้เขาทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
สัก 1,000-2,000 คนที่ได้ไปเรียนที่อเมริกา จะมีสัก 1-2 คนเท่านั้นที่ยอมเดินทางกลับมาที่จีน
แต่โชคดีที่นี่คือที่เซียงเจียง เขตการปกครองพิเศษฮ่องกง
มีคนจำนวนมากที่ไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วกลับมาที่นี่ เศรษฐกิจของที่นี่ไม่ได้ต่างจากที่อเมริกามาก พวกเขาจึงอยากกลับบ้านเกิดมากกว่า
หลี่เสว่เอ๋อก็เรียนจบจากที่นู้นมา เธอน่าจะเป็นเชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางหรือการเดินทางมากกว่าพวกซูข่าน
"ได้สิฉันอนุญาติ"
ซูข่านคิดว่าเลขาของจางหม่านน่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยจากการเดินทางครั้งนี้
"ขอบคุณค่ะเจ้านาย"
จางหม่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น เธอดูยิ้มแย้มสดใสที่ซูข่านได้ให้หลี่เสว่เอ๋อเดินทางไปด้วย
ซูข่านเห็นด้วยกับคำขอของจางหม่าน บางทีหลี่เสว่เอ๋ออาจจะเป็นผู้รับผิดชอบบริษัทหลักทรัพย์ในอเมริกาก็ได้
การเปิดบริษัทใหม่ต้องใช้คนที่มีความสามารถพอสมควร แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครเหมาะสมตรงนี้เลย
คนแบบจางหม่านมีไม่เยอะ เป็นเรื่องยากกว่าจะหาคนแบบเธอได้อีกคนหนึ่ง
แต่อย่างน้อยก็ยังมีหลี่เสว่เอ๋อที่เป็นเลขาของจางหม่าน ถือว่าเป็นตัวตนของจางหม่านได้อยู่ ให้เธอให้คนรับผิดชอบบริษัทในอเมริกาละกัน
หากบริษัทเติบโตขึ้นอีกในอนาคต จะได้รวมกับกลุ่มบริษัทในว่านเซี่ยงได้ การที่ได้คนรู้จักมาทำงานให้มันค่อนข้างง่ายต่อการพูดคุย
จางหม่านไม่รู้แผนการสำหรับเปิดกลุ่มบริษัทมากมาย เธอไม่รู้จักตัวตนของซูข่านมากขนาดนั้น
ในหนานจิงยังมีคนของซูข่านอยู่อีกจำนวนนับไม่ถ้วน
ในอนาคตอันใกล้ ผู้คนในหนานจิงจะเริ่มเติบโต ถึงแม้ว่าความสามารถจะไม่เท่ากับจางหม่านก็เถอะ
แต่พวกเขาก็มีทักษะพิเศษที่จางหม่านไม่มีเหมือนกัน
"เออ"
ซูข่านที่กำลังครุ่นคิดได้มองไปจางหม่านแล้วพูดว่า
"เหลาสูเขาอยู่ในเซียงเจียงรึเปล่า?"
"ประธานสูเหรอคะ?"
จางหม่านพยักหน้าและพูดต่อ
"เดี๋ยวฉันกลับไปโทรหาเขาให้ค่ะ บางทีเขาอาจจะอยู่ที่เผิงเฉิงก็ได้"
"อืม"
ซูข่านพยักหน้า
หลังจากนั้นจางหม่านและหลู่เฉียนซานก็เดินทางกลับ ซูข่านยังคงนั่งอยู่บนโซฟาครู่หนึ่ง
เขากำลังคิดถึงสิ่งที่เขาพูดกับสูเจิ้งเหมาเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนนี้ดูเหมือนว่าน่าจะถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากหากว่าซูข่านทำสำเร็จ ชื่อเสียงของสูเจิ้งเหมาในประเทศจีนก็จะยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก ซูข่านก็จะได้รับผลพลอยได้ไปด้วย
สูเจิ้งเหมาก็จะมีอิทธิพลไปทั่วทั้งภาคใต้ ซูข่านก็ไม่จำเป็นต้องห่วงทางด้านนี้ สามารถปล่อยให้สูเจิ้งเหมาทำอะไรได้ตามใจชอบ
เช้าวันต่อมา
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องของซูข่าน
"ฮัลโหล"
"เจ้านายคะ"
จางหม่านรีบพูดอย่างรวดเร็ว
"ประธานสูเขาไม่ได้อยู่ที่เผิงเฉิงค่ะ แต่เขาบอกว่าจะกลับมาในวันนี้ แล้วตอนเย็นเขาจะน่าจะถึงที่โรงแรมเพนนินซูล่าค่ะ"
"โอเค"
ซูข่านพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
"จางหม่านเดี๋ยวเธอมาพร้อมกับเหลาสูด้วยนะ"
"....ได้ค่ะ"
จางหม่านเงียบไปสักครู่ก่อนจะถามซูข่านต่อ
"เจ้านายจะให้ฉันพาหลู่เฉียนซานไปด้วยไหมคะ?"
"ไม่ต้อง เรื่องนี้แค่เหลาสูกับเธอก็พอ"
"ค่ะ"
จางหม่านได้วางสาย เธอดูตกใจเล็กน้อยที่ต้องไปหาซูข่านในตอนกลางคืน
เจ้านายได้บอกให้เธอไปหาเขาในตอนกลางคืน แถมยังไม่ให้หลู่เฉียนซานไปด้วยอีก รึว่าเขา….
จางหม่านได้คิดเรื่องอายอยู่ จากนั้นแก้มของเธอมีแดงจนเธอต้องรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
"ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย เจ้านายเขาให้เราไปพร้อมสูเจิ้งเหมา บางทีอาจจะคุยเรื่องงานก็ได้"
จางหม่านรีบดุตัวเอง แต่ภายในใจลึกๆของเธอดูเหมือนจะแอบหวังอะไรบางอย่างอยู่
หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอจำเป็นต้องขัดขืนไหมนะ?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สูเจิ้งเหมากับจางหม่านได้เคาะประตูที่ห้องของซูข่าน ไม่นานประตูก็เปิดออก ซูข่านให้เรียกให้เขาทั้งสองเข้ามาภายใน
สูเจิ้งเหมามองไปที่ซูข่าน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพในตัวชายคนนี้ ในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ชีวิตของสูเจิ้งเหมาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขาภูมิใจในโรงงานและตำแหน่งที่เขาอยู่ตอนนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นที่ในเซียงเจียงหรือจะในเผิงเจิง ยอดสั่งผลิตเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์จากสิ่งทอมีมากมายตลอดทั้งปี เกือบครึ่งหนึ่งของโรงงานเสื้อผ้าในประเทศจีนตอนนี้อยู่ภายในกลุ่มสมาคมของเขา
เขาได้ช่วยเหลือโรงงานต่างๆในการเป็นตัวกลางติดต่อการค้ากับต่างประเทศ บริษัทต่างชาตินับไม่ถ้วนได้เข้ามาลงทุนและสั่งผลิตเป็นจำนวนมาก เม็ดเงินจากต่างประเทศได้ไหลเข้าสู่ประเทศจีนอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาดังมากในประเทศจีน ไม่ว่าจะไปที่ไหนผู้คนก็มักจะรู้จักกับเขา
แม้แต่กรมการค้าระหว่างประเทศยังยกย่องเขาในฐานะคนที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า ทางด้านต่างชาติยังต้องการตั้งสมาคมแบบเขาและต้องการให้สูเจิ้งเหมาเป็นประธานอีก
นอกจากนี้แล้วนักข่าวจำนวนมากต้องการที่จะสัมภาษณ์เขา สูเจิ้งเหมาได้ออกทีวีและเป็นที่รู้จักในฐานะ นักธุรกิจที่รักประเทศชาติ ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างชื่นชมเขา
เดือนนี้ยอดการค้าต่างระหว่างประเทศ คาดว่าจะทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับสูเจิ้งเหมาในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา
ทันทีที่เขาได้เห็นซูข่าน เขาแทบอยากจะลงไปคุกเข่าและกราบเท้ากับพื้น
หากว่าไม่มีซูข่าน สูเจิ้งเหมาคงไม่มีวันมายืนที่จุดนี้ได้
เขายังคงเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเล็กๆที่ใช้ขนสัตว์ในการผลิตเสื้อผ้าออกมา
"ขอโทษครับที่ผมมาช้า ผมรีบเดินทางมาอย่างเร็วที่สุดแล้ว"
สูเจิ้งเหมารีบขอโทษซูข่านทันทีที่เข้ามาในห้อง
"ไม่เป็นไร"
ซูข่านส่ายหัวและมองไปที่สูเจิ้งเหมา ตอนนี้ดูเหมือนออร่ารอบๆตัวของสูเจิ้งเหมาได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขาดูมีอำนาจและอิทธิพลมากขึ้น
ซูข่านเลยพูดกับสูเจิ้งเหมาว่า
"เหลาสู จำที่เราคุยกันเมื่อ 6 เดือนก่อนได้ไหม? เรื่องที่ฉันจะให้เงินคุณ 500 ล้านในการสร้างอาคารที่เผิงเฉิง"
เมื่อซูข่านพูดจบ สูเจิ้งเหมาก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดของเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สีหน้าดูตื่นเต้นมาก
ตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีน มันถึงเวลาแล้วสินะ