วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0077
บทที่ 26 การเดินทางสู่ท้องฟ้า (4)
* * *
ภาษาแห่งราชัน
ภาษาที่ปุถุชนไม่ได้รับอนุญาตให้ได้ยิน
แต่นิรันดร์ชนผู้พยุงตัวลุกขึ้นและมองมาทางประตู สามารถได้ยินแจ่มแจ้ง
— จงเปิดทาง
ทำไมมนุษย์ถึงใช้ภาษานี้ได้
ไม่สิ ทำไมถึงรู้จัก?
เป็นครั้งแรกที่มังกรพยายามหวนนึกถึงอดีต เพื่อนึกถึงใบหน้าของสหายรัก นึกถึงความรุ่งโรจน์แห่งทองคำ นึกถึงสายลมที่พัดผ่านในช่วงเวลานั้น มันพยายามปัดฝุ่นบนชั้นหนังสือแห่งความทรงจำอันคร่ำครึของตน
แต่แน่นอน นั่นเป็นความพยายามที่สูญเปล่า
ผ่านมาเนิ่นนาน แม้แต่นิรันดร์ชนก็ถูกกัดกร่อนโดยยุคสมัยอันเฉื่อยชาและถดถอย
เป็นครั้งแรกที่มันนึกโกรธตัวเอง ที่จำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเศษเสี้ยวของเหตุการณ์ในอดีต
บนบานประตูคู่ขนาดมหึมาที่สร้างจากหิน อักษรรูนบนผิวประตูสว่างขึ้นพร้อมกับเริ่มกลไก
ครืน!
ประหนึ่งพัซเซิลที่จัดระเบียบตัวเอง อักษรรูนหมุนไปยังทิศทางต่างๆ
จนกระทั่ง
ตึง!
กลายเป็นอักษรใหม่
ไม่ใช่การวาดใหม่ แต่เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งจากอักษรเดิม
กลไกระดับสูงซึ่งมีเพียงตัวตนโบราณเท่านั้นที่สร้างได้
มนุษย์คนดังกล่าวเอาแต่ยืนแหงนมองด้วยความชื่นชม
แม้อักษรรูนจะเรียงตัวเป็นคำใหม่เสร็จแล้ว แต่มนุษย์กลับยังไม่เปล่งถ้อยคำที่ใช้กระตุ้น ทำเพียงยืนมองอย่างเงียบงัน
ดวงตาของมังกรยังคงจดจ่ออยู่กับมนุษย์
“ท่านชื่อกิโฮเต้ใช่ไหม”
มนุษย์ถาม แต่กิโฮเต้ไม่ตอบ
จนแล้วจนรอด มนุษย์ไม่ยอมเปล่งถ้อยคำกระตุ้นกลไก
แต่เลือกใช้พละกำลังผลักประตูให้เปิดแทน
เผ่าพันธุ์อ่อนแอที่ต้องพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะเปิดประตู
มนุษย์ตรงหน้ามัน เป็นมนุษย์เข้าไปถึงแก่น
มีหลายครั้งที่กิโฮเต้ตั้งคำถามกับตัวเอง หากจะมีใครสักคนในยุคสมัยนี้ที่ไล่ล่าแสงอันเร่าร้อน คนผู้นั้นจะมาจากเผ่าพันธุ์ใด?
แต่ ‘มนุษย์’ ไม่เคยอยู่ในรายชื่อคำตอบ
ครืน!
ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นฉากด้านหลัง
เป็นทางเดินยาวๆ
“…”
ด้านหลังประตูคือทางเดินไกลลิบ ชนิดที่สุดปลายอีกฝั่งมองเห็นเป็นเพียงจุดสีดำ
ความลับจากโบราณกาลซ่อนอยู่ที่นั่น
แม้เกาะท้องฟ้าจะถูกคลุมด้วยภาพลวงตา แต่ความรุ่งโรจน์จากอดีตกาลที่อยู่หลังประตูบานนี้คือของจริง
สายลมอ่อนๆ พัดผ่าน
เป็นสายลมเย็น แต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความรุ่งโรจน์แห่งทองคำ
มนุษย์ยังไม่เดินเข้าไป
ราวกับรู้อยู่แล้วว่าอีกฝั่งมีอะไร มนุษย์ทำเพียงยืนมอง
กิโฮเต้จึงได้เห็นแค่แผ่นหลังของมนุษย์
ทันใดนั้น มนุษย์เปิดปาก
“เล่าเรื่องราชาให้ฟังหน่อยได้ไหม”
「ข้าจำไม่ได้」
“ทำไมล่ะ ท่านคือนิรันดร์ชนที่ดำรงอยู่ในสมัยนั้นไม่ใช่หรือ”
「เจ้ารู้จักร็อค เบลล่าไหม」
แวมไพร์ที่เฝ้ามองอย่างเงียบงันมานาน เปิดปากพูด
“ถ้าท่านไม่ถือสา ข้าขอตอบแทน… ร็อคเบลล่าคือระฆังที่เป็นสัญญาณของยุคใหม่ จะดังขึ้นในทุกหนึ่งพันปี”
「ถูกแค่ครึ่งเดียว พวกเจ้ายังเด็กจริงๆ 」
“มีเหตุผลอื่นด้วยหรือ”
「ระฆังร็อค เบลล่ามีหน้าที่ตัดขาดยุคสมัย」
“…ตัดขาดจากอะไร”
「ตัดขาดยุคสมัยใหม่ ออกจากยุคสมัยเก่า」
“…ข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก รบกวนท่านผู้ยิ่งใหญ่ช่วยอธิบาย”
มังกรขยับตัวนั่งในท่าสบาย
เสียงของมันนุ่มนวลขึ้นโดยไม่รู้ตัว ปราศจากการคุกคามเหมือนในช่วงแรก
「ปุถุชนมีชะตากรรมต้องตาย ต่อให้เป็นสายพันธุ์ที่อายุยืน ก็ไม่มีใครอายุขัยยืนยาวไปกว่าหนึ่งยุคสมัย แต่ไม่ใช่สำหรับพวกข้า 」
นิรันดร์ชน
หากไม่เกิดอุบัติเหตุ นิรันดร์ชนจะคงอยู่ไปตลอดกาล
「ดังนั้น ทุกครั้งที่ร็อค เบลล่าดังขึ้น ความทรงจำของนิรันดร์ชนที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยก่อนหน้า จะค่อยๆ เลือนหายไป จึงไม่มีใครสามารถจดจำอดีตได้ครบถ้วนสมบูรณ์ 」
“…เหตุผลคืออะไร?”
「นั่นคือสิ่งที่เทพต้องการ เจตจำนงของเทพไม่มีเหตุและผล」
ใบหน้ามังกรยังคงไร้อารมณ์ แต่ดวงตาแฝงไว้ด้วยความรู้สึก
「ความทรงจำเกือบทั้งหมดของข้าเลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดเท็จ」
“ท่านเคยบอกว่า เหตุผลที่คอยปกป้องที่นี่ เพราะเป็นคำขอร้องของสหายรัก”
「ถูกต้อง」
“แม้จะความจำเสื่อมไปแล้ว แต่ท่านกลับยังจำเรื่องนั้นได้”
「เพราะนั่นคือคำขอร้องของสหาย」
“ความทรงจำอาจจะผิดก็ได้นี่ ท่านบอกเองว่าไม่แน่ใจ”
「ตราบใดที่ข้ายังจำได้ว่าเคยสัญญากับใครไว้ ข้าก็จะไม่ไปไหน ต่อให้สัญญานั่นเป็นความทรงจำที่ผิดก็ตาม」
“…”
มนุษย์คนดังกล่าวยืนนิ่งเป็นเวลานาน คล้ายกับกำลังใช้ความคิด สายตาจดจ่อไปยังด้านหลังประตู
มังกรไต่ถามถึงพฤติกรรม
「มัวรออะไรอยู่? รีบหยิบสิ่งของด้านในและกลับไปได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน」
“ในเมื่อฉันเปิดบานประตูนี้ได้แล้ว ท่านลุงก็เป็นอิสระแล้วใช่ไหม”
สำคัญด้วยหรือ?
พฤติกรรมของมนุษย์คนนี้ ชวนให้ตั้งคำถามมาตั้งแต่ต้น
เบื้องหน้ามีสมบัติของราชาโบราณวางอยู่ เจ้าไม่สนใจเลยหรือไง?
「ทำไมถึงเอาแต่ถามเซ้าซี้? น่ารำคาญชะมัด! ไอ้เด็กเวรนี่ช่างไร้มารยาท」
“เพราะฉันอยากเห็นมังกรโบยบิน”
มนุษย์หันกลับมาจ้องมังกร
มังกรพิจารณาแล้วว่า คำพูดเมื่อครู่ไม่ใช่การเยาะเย้ยหรือถากถาง
มนุษย์คนนี้กำลังคิดจริงจัง
「…ร่างกายของข้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าความทรงจำอันเลือนราง ถึงข้าจะรักการเดินทางและรักอิสระ แต่ข้าบินไม่ได้แล้ว」
ขณะกล่าว มังกรทำหน้าราวกับถูกตอกลิ่มเข้าที่หัวใจ
แต่ไหนแต่ไร บ้านเกิดในใจมังกรคือท้องฟ้า
อิสรภาพคือการได้โบยบินไปบนนั้น
มังกรชำเลืองปีกของตน
แม้แต่นิรันดร์ชนก็มิอาจหลุดพ้นจากยุคสมัยที่เฉื่อยชาและถดถอย หนังหุ้มปีกของมังกรฉีกขาดจนผิดรูป กล้ามเนื้อปีกแทบจะไร้เรี่ยวแรง
อิสรภาพมาช้าเกินไป มังกรตัวสุดท้ายของยุคสมัยอ่อนแอเกินกว่าจะโบยบิน
ได้ยินเช่นนั้น มนุษย์ตรงไปยังสุดทางเดินอีกฝั่ง และกลับออกมาพร้อมกับวัตถุบางชนิด
เป็นวัตถุหลายเหลี่ยม สะท้อนแสงอาทิตย์ทั้งสองดวงจนดูคล้ายกับส่องแสงในตัวเอง
มันมีหลายเหลี่ยมจนดูคล้ายกับคริสตัลไข่มุกทรงกลม
กิโฮเต้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรืออาจเคยรู้ แต่ลืมไปแล้ว
ทว่า มนุษย์คนนี้ทำราวกับรู้จักเป็นอย่างดี
“ลูกแก้ววิเศษน่ะ”
「……」
“เป็นสมบัติที่มีพลังทัดเทียมวิญญาณมังกร… มังกรฝั่งตะวันออกมักพกพาลูกแก้วนี้ติดตัว หากใช้โดยปุถุชน คนผู้นั้นจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นรองเพียงมังกร…”
มนุษย์เงยหน้าพร้อมกับใช้สายตาจ้องกิโฮเต้
ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
“หากใช้โดยมังกรที่ร่างกายเสื่อมถอย… มังกรจะได้รับความรุ่งโรจน์กลับคืน”
มนุษย์ก้มมองวัตถุปริศนาอีกครั้ง
กิโฮเต้คิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังมีสายตาละโมบ
จนกระทั่งมนุษย์ยื่นลูกแก้วมาให้
“รับไว้สิ”
「…เจ้าคิดอะไรอยู่? เลอะเลือนไปแล้วหรือไง」
“สมบัติชิ้นนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อผู้มาเยือน แต่เพื่อท่าน”
「เจ้ารู้ได้ยังไง」
“มันเขียนไว้บนประตู”
มังกรหันกลับมามองมนุษย์
“—เจ้าคงเป็นมังกรตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่บนโลก และเป็นผู้เดียวที่สามารถออกคำสั่งให้เหล่ามังกร ย้อนกลับมายังโลกเมื่อยุคทองเริ่มต้นอีกครั้ง… จงใช้สมบัติชิ้นนี้เพื่อทวงคืนความรุ่งโรจน์ และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป”
“—ขอบคุณสำหรับความอดทนอันยาวนาน สหายของข้า กิโฮเต้”
นี่คือภารกิจที่แท้จริง ที่ราชามอบให้มังกร
เมื่อยุคทองเริ่มขึ้นอีกครั้ง ในฐานะมังกรตัวสุดท้าย กิโฮเต้ต้องนำพาเหล่ามังกรกลับมายังโลก
หน้าที่ของมัน ไม่ใช่การเฝ้าสมบัติ
ราชาได้วางแผนให้กิโฮเต้หวนคืนสู่บัลลังก์
นิรันดร์ชน ย่อมมีหน้าที่อันสูงส่งที่ต้องทำ
มังกรตัวนี้เชื่อใจสหายรักฉันใด ราชาก็ไม่ต่างกัน
กิโฮเต้ตกตะลึงจนหมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน
「…ถ้านั่นคือเรื่องจริง ก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องปกป้องสิ่งนี้มาเป็นเวลานาน… เหตุใดเขาถึงไหว้วานให้ข้าคอยปกป้องพลังของตัวเอง? 」
“ถ้าท่านไม่ถูกขอร้องให้เฝ้าที่นี่ไว้ ท่านก็จะจากไปเหมือนมังกรตัวอื่น”
กิโฮเต้จ้องเข้าไปในดวงตามนุษย์
“เพราะเขารู้ดีว่าท่านจะไม่อดทนต่อยุคสมัยที่เสื่อมถอย… ราชาปรารถนาให้ท่านอยู่ที่โลกต่อไป”
「…เพื่ออะไร」
“เพราะในท้ายที่สุด ยุคทองจะหวนกลับมาอีกครั้ง”
แวมไพร์พูด
มังกรหันหลังกลับมามอง
“หากท่านไม่ใช้ชีวิตในยุคสมัยแห่งการถดถอยต่อไป ก็จะไม่ได้เห็นการเริ่มต้นอีกครั้งของยุคทอง และคงไม่มีโอกาสเลยที่เหล่ามังกรจะหวนกลับมายังโลกอีกครั้ง… ท่านคือมังกรตัวแรกที่ได้ประจักษ์การเริ่มต้นของยุคทองใหม่”
“รับไปเถอะนะ ท่านลุง”
「…ข้ามีคำถามสุดท้าย ไอ้เด็กเวร」
มนุษย์ยืนรอฟังคำถามจากมังกรด้วยใจจดจ่อ
「ในเมื่อข้าไม่รู้เรื่องนี้ หากเจ้าปิดปากเงียบและกลับไป ลูกแก้วที่บรรจุวิญญาณมังกรก็จะเป็นของเจ้า 」
“อาฮะ”
「นั่นจะทำให้เจ้ากลายเป็นนิรันดร์ชน เทียบได้กับดารากรที่ขึ้นสวรรค์ แล้วทำไมถึงต้องเล่าให้ข้าฟัง? หรือว่าเจ้าดูหมิ่นนิรันดร์ชนเพราะเห็นร่างที่แก่ชราของข้า? 」
มนุษย์ครุ่นคิดสักพัก
ไม่ใช่เพราะลังเลใจ
สีหน้าคล้ายกับกำลังถามตัวเองว่า ‘จะอธิบายให้ไอ้ลุงนี่ฟังยังไงดี’
“ชีวิตแบบนั้นน่าสนุกจริงหรือ? หายใจทิ้งไปเรื่อยๆ วันไหนเบื่อก็ออกไปบินเล่น?”
「…」
“สำหรับฉัน แบบนั้นไม่สนุกหรอก… เทียบกันแล้ว ฉันอยากเห็นเหล่ามังกรทยอยบินกลับมายังโลกมากกว่า”
「แค่นั้นจริงหรือ? 」
“จะมีอะไรสำคัญกว่านี้อีกล่ะ”
「เจ้าไม่อยากมีชีวิตเป็นนิรันดร์? 」
“ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ท่านไม่ลืมเรื่องของฉัน ว่าในวันหนึ่ง เคยมีใครบางคนยื่นลูกแก้ววิเศษให้ท่าน”
「…ทุกครั้งที่ระฆังร็อค เบลล่าดัง ความทรงจำของข้าจะเลือนหาย」
“แต่ท่านยังจำสัญญาของสหายเก่าได้”
กิโฮเต้มองไม่เห็นการเสแสร้งในดวงตามนุษย์
นั่นยิ่งทำให้มันสับสน
กิโฮเต้ไตร่ตรองเป็นเวลานาน
「…ไม่คิดว่าจะต้องพูดแบบนี้กับปุถุชน」
มังกรขยับคอเป็นระยะทางไกล
「เจ้าคือบุรุษแห่งแสงสว่างและเกียรติยศ」
มังกรเฒ่าใช้ปากคาบลูกแก้ววิเศษ
สายลมหยุดนิ่งทันที
แม้แต่เสียงเพลงจากรากภูเขาก็ยังเงียบงันไปชั่วขณะ
ผืนป่ากำลังก้มศีรษะ
ในวินาทีนี้ สิ่งเดียวที่ขยับเขยื้อนคือพระอาทิตย์และพระจันทร์ด้านหลัง
ทุกสิ่งที่ทวยเทพสร้างขึ้น กำลังต้อนรับการกลับมาของลูกหลานเทพรุ่นแรก
ลูกแก้ววิเศษแหลกละเอียด
เศษชิ้นส่วนนับพันกระจัดกระจายไปรอบตัวมังกร ภูเขาที่หวนนึกถึงยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ ค่อยๆ บรรเลงเพลงโบราณด้วยทำนองเคร่งขรึม
ประกายแสงสีทองโอบล้อมร่างมังกรไว้ทุกส่วน มังกรเงยหน้าขึ้น เหยียดแขนขาและลำตัวขนาดมหึมา
ลิลี่หลบหลังคังซอนฮูโดยไม่รู้ตัว
คังซอนฮูเฝ้ามองทุกสิ่งอย่างตั้งใจ
เพลงบรรเลงจากภูเขาหยุดลง พลังธรรมชาติค่อยๆ เลือนหาย ผืนป่ายกหัวขึ้นอีกครั้ง
“อึก…!”
แค่ยืนใกล้ๆ ก็สัมผัสได้ถึงพายุความร้อนอันเกรี้ยวกราด คังซอนฮูรีบปลดผ้าคลุมออกมาบังร่างลิลี่
สิ่งที่เด่นตระหง่านอยู่ใจกลางปราสาท ไม่ใช่มังกรสีเทาแก่ชราอีกต่อไป
หากแต่เป็นผู้ปกครองสูงสุดแห่งเกาะท้องฟ้า
กิโฮเต้ ราชันแห่งโทสะและเพลิงสีชาด
กิโฮเต้สยายปีกออกเชื่องช้า
ปีกที่กว้างจนล้นออกไปนอกรั้วประสาท มอบความรู้สึกที่สามารถยกร่างกายขนาดมหึมาให้ลอยขึ้นได้เหมือนขนนก
กิโฮเต้แหงนหน้าสักพัก ปลายสายตาคือท้องฟ้าด้านหลังเพดานเปิดโล่ง
มันได้ปีกกลับคืน
ได้อิสรภาพกลับคืน
บ้านเกิดในหัวใจอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น
แต่กิโฮเต้เผยความลังเล ก่อนจะก้มศีรษะจ้องมนุษย์ข้างๆ
「ในเมื่อปุถุชนแสดงเกียรติกับข้า ทางนี้คงอยู่เฉยไม่ได้ เจ้าปรารถนาสิ่งใด? ข้าสามารถใช้พลังดลบันดาล… อย่าได้เกรงใจ จะความมั่งคั่งหรือเกียรติยศ ทุกสิ่งล้วนอยู่ใต้ปีกของข้า」
คังซอนฮูหันไปมองทางทิศใต้
ชายหนุ่มเห็นเทือกเขาที่ทอดยาวและเส้นขอบฟ้าไกลลิบๆ
ที่ใดสักแห่งแถวนั้นมีกระท่อมของตน
ถึงเวลากลับบ้านและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งใหม่
“พาบินหน่อยได้ไหม”
「…ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่า เจ้าเป็นเด็กยังไม่โตหรือเลอะเลือนกันแน่」
“จะมีอะไรสนุกกว่าการขี่หลังมังกรบินไปบนฟ้าอีกล่ะ? ใช่ไหมลิลี่”
“…เฮ้อ…”
มนุษย์ระเบิดเสียงหัวเราะ
กิโฮเต้ได้แต่สงสัยว่า จะมีปุถุชนคนใดในโลกที่กล้าเผชิญหน้านิรันดร์ชนเช่นนี้อีก
มังกรตัดสินใจไม่ขบคิดให้ปวดหัว ยิ่งใคร่ครวญเกี่ยวกับชายคนนี้มากเพียงใด มันก็ยิ่งเต็มไปด้วยคำถาม
กิโฮเต้แหงนหน้ามองฟ้าอีกครั้ง
อิสรภาพที่โหยหามานานจนแทบจำไม่ได้แล้ว
อิสรภาพของมังกร อยู่บนท้องฟ้า
กิโฮเต้สยายปีกกว้าง เพื่อออกสู่โลกกว้าง เพื่อการหวนคืนของมังกร
และเพื่อเริ่มต้นการเดินทางที่เฝ้ารอมานาน
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel